ตั้งราคาด้วยอารมณ์ ความเหมาะสมที่ไม่เกี่ยวกับต้นทุน
การตั้งราคาที่ถูกต้อง เหมาะสม
จะทำให้สินค้าคุณขายดี มีคนซื้อ
แต่ถ้าคุณตั้งราคาไม่เหมาะกับสินค้า
อาจทำให้คุณขายดี แต่ขาดทุน
เคยเจอคนประเภทนี้มั๊ยครับ
อย่าขายมากเลย ตูทนการขาดทุนไม่ไหว
555 555 555
.
ผมเคยถามคนหลายคน
ว่าตั้งราคาแบบไหนถึงขายได้
เค้าบอกว่าต้องขาย “ถูก”
ถ้าไม่ถูกไม่มีคนซื้อ
ถ้าใครคิดแบบนี้ เตรียมฆ่าตัวตายได้
.
ถ้าใครเรียนด้านการตลาดมา
เค้าบอกว่า การตั้งราคาที่ดี
ต้องเอาต้นทุนมาคำนวณ
แล้วบวกกำไรเข้าไปอีกนิดหน่อย
ถ้าอยากปั้มยอดขาย
ก็ทำ Promotion ลดราคาดิ
แค่นี้ ง่ายชิป ตูจ้างนักการตลาดเก่งๆ มาทำไม
.
จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่หรอก
ไอ้เรื่องตั้งราคาให้มากกว่าต้นทุน
และขายของถูก
เด็กอนุบาลที่มันพอคิดเลขได้ เค้าก็รู้
แต่เรื่องจริง มันอาจไม่ใช่ครับ
.
เคยเห็นมั๊ยครับ สินค้าบางอย่าง
ยิ่งแพง ยิ่งขายดี แต่พอถูก ขายไม่ได้
สินค้าหลายๆ อย่าง คนนิยมมาก
ยอดขายพรุ่งกระฉูด เพราะมันแพง
.
ทำไม iPhone ขายแพงกว่าระบบ Android
คนซื้อไม่ได้โง่นะ แต่เค้าเต็มใจซื้อ
ทำไมนาฬิกา บางยี่ห้อ
เราไม่ได้ซื้อเพราะมันเดินตรง
แต่เราซื้อเพราะมันแพง
ทำไมเราตีตั๋วเครื่องบินชั้น Business
มันก็ไม่ใช่ถึงเร็วกว่านะ
แต่คนคนยอมจ่าย 3 เท่าของราคาตั๋วปกติ
.
จริงๆ เรื่องราคาถูก ราคาแพง อาจไม่ใช่คำตอบ
เพราะไม่มีใคร โง่ จ่ายเงินแพงๆ
ทั้งๆ ที่มีของถูกให้ซื้อหรอกครับ
แต่คนที่จ่ายแพง เค้าจ่ายเพราะอะไร
มีเหตุผล มีปัจจัยอะไรบ้าง
.
อย่างแรก : ‘Functional’ …ซื้อด้วย สรรพคุณ
ขายข้าวกินให้อิ่ม , เก้าอี้เอาไว้นั่ง ,
เสื่อผ้าเอาไว้สวมใส่ , กระเป๋าเอาไว้ใส่ของ ,
รถเอาไว้ขับไปทำงาน , บ้านเอาไว้อยู่
ถ้าเรากำหนด เป้าหมายการใช้สอยแบบนี้
คุณต้องตั้งราคาให้ถูกที่สุด
ในตลาดแบบนี้ คู่แข่งของคุณ
คือ บริษัทยักษ์ใหญ่
เพราะความสำเร็จของเขาคือ
ความสามารถในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ
ด้วยต้นทุนที่ถูกที่สุด
อย่างที่สอง : ‘Emotional’ …ซื้อด้วยอารมณ์
ถ้าเรากำหนดเป้าหมายธุรกิจ
เพื่อสนองอารมณ์คนซื้อ
เราจะตั้งราคาได้สูงกว่าสินค้าแบบแรก
‘อารมณ์’ ไม่ได้แปลว่า
ต้องถูกที่สุด หรือ แพงที่สุด
แต่มันต้องเหมาะสมกับอารมณ์ของลูกค้า
การสนองอารมณ์ เน้นไปที่ การออกแบบ
เช่น iPhone ไม่ใช่แค่โทรศัพท์ที่เอาไว้แค่ใช้
ไม่งั้นคนจะจ่ายหลายๆ หมื่นทำไม
เมื่อเขาสามารถซื้อโทรศัพท์ที่
Function เหมือนกัน หรือ ดีกว่า
ในราคาที่ถูกกว่า
งานศิลปะศิลปะ ของอ.เฉลิมชัย
Key Success คือ Emotional
อารมณ์ล้วนๆ เลยขายแพงได้
.
อย่างที่สาม : ‘Identity’ ซื้อด้วย ‘ตัวตน’
อันนี้เป็นขั้นสุดยอดของสินค้าและบริการ
คนซื้อสินค้าในกลุ่มนี้
ไม่ได้จ่ายเพื่อประโยชน์ใช้สอย
ไม่ได้จ่ายเพื่อการออกแบบสวยได้ใจ
แต่จ่ายเพื่อแสดงตัวตน
ต้องการการยอมรับ , ต้องการเป็นคนพิเศษ
เบนซ์ กับ สินค้าแบรนด์หรู จะครองในตลาดนี้
.
วันนี้การซื้อสินค้า มันต่างจากอดีต
เพราะคนซื้อด้วยอารมณ์
และ Emotional มากขึ้น
เหมือนที่ผมเคยบอกเสมอๆ
ว่าทำไม คนถึงถ่ายรูปโชว์
ตอนเข้าสตาร์บัค ทั้งๆ ที่กินกาแฟไม่เป็น
ทำไมต้องเข้า After You
ทั้งๆ ที่เกลียดเค้กมาก (เพราะกินแล้วอ้วน)
ทำไมต้องเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น
ทั้งๆ ที่โดยส่วนตัว ชอบส้มตำ
กับอาหารอีสานมาก
.
ทั้งหมดนี่แหล่ะ คือการขาย Emotional
อย่าสน ว่าอาหารจะต้องอร่อยเลิศ
แต่ภาพต้องได้ บรรยากาศต้องดี
ร้านอาหารไทย สำหรับคนไทย
มันเป็นแบบนี้จริงๆ ครับ
.
ChatTalks…คุยธุรกิจ คิดให้เป็น
http://www.chattalks.info
www.facebook.com/chatchaitalk
Tel.092-387-1241 , Line ID : ChatTalks
Email : kittisak1241@yahoo.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้