คนไทยสายมู “เครื่องราง-ของขลัง” มีเงินไหลเวียมากกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อปี

ผล “สำรวจพฤติกรรมคนไทยสายมูเตลู” ของบริษัท Lucky Heng Heng ชี้ชัดว่าคนไทยส่วนมากสายมู จากผลสำรวจเผยว่าประชากร 52.5 ล้านคน หรือ 75% เชื่อในเรื่องดูดวง แบ่งสัดส่วนตามเจเนอเรชั่น 
อันดับ 1 กลุ่ม Gen Y คิดเป็น 43.4%
อันดับ 2 กลุ่ม Gen Z คิดเป็น 21.6% 
อันดับ 3 กลุ่ม Gen X คิดเป็น 17.4% 
อันดับ 4กลุ่ม Baby Boomer คิดเป็น 6.7%

ขณะที่ข้อมูลจาก LINE ประเทศไทย เปิดอินไซต์พฤติกรรมผู้ใช้รวมกว่า 53 ล้านคนตลอดปี 2565 เปิดเผย 5 บริการมูเตลู ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ประกอบด้วย 
อันดับ 1 ดูดวง คิดเป็น 68.1%
อันดับ 2 ทำบุญ คิดเป็น 57.9%
อันดับ 3 เครื่องราง คิดเป็น 42.8%
อันดับ 4 สีและเลขมงคล คิดเป็น 36.9%
อันดับ 5 ผีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คิดเป็น 27.5

นอกจากนี้ ข้อมูลอินไซต์จากงานสัมมนา “Marketing in the Uncertain World การตลาดของคนอยู่เป็น” โดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยนิยมมูเตลู ผลสำรวจระบุว่า คนไทยกว่า 52 ล้านคนในปัจจุบันมีความเชื่อเรื่องโชคลาง 5 อันดับความเชื่อโชคลางที่มีผลต่อคนไทยมากที่สุด คือ 
1.พยากรณ์ โหราศาสตร์ ลายมือ ไพ่ยิปซี
2.พระเครื่องวัตถุมงคล
3.สีมงคล 
4.ตัวเลขมงคล 
5.เรื่องเหนือธรรมชาติ รวมทั้ง โลกดิจิทัลทำให้ช่องทางการเช็คดวงเช็คโชคลาง สามารถผ่านโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ แพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งมาแรงเป็นอันดับหนึ่ง

จะเห็นว่าตลาดมูเตลูเมืองไทยเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยเพราะความเชื่อในเรื่องของโชคลางนั้นเป็นผลมาจากสภาวะตึงเครียด ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เครื่องราง -ของขลัง จึงกลายมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจจึงเป็นตัวช่วยในการดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจของใครหลายคน
ขณะที่ภาคธรุกิจในไทยจับกระแสเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องโชคลางขลัง สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เอาใจตลาด “สายมู” หรือ “มูเตลู” มีการผลิตวัตถุมงคลดีไซน์ร่วมสมัย จำพวกเครื่องประดับมงคลต่างๆ ให้เลือกซื้อหามาสวมใส่เพราะความเชื่อในโชคลางปฏิหาริย์ ทั้งเป็นการเสริมดวงและเสริมบุคลิกภาพ รวมทั้ว จำพวกเครื่องรางของขลังจากเกจิดังหรือวัดดังต่างๆ ซึ่งขับเคลื่อนพุทธพาณิชย์เบ่งบานมาตลอดหลายปี

และปฏิเสธไม่ได้ว่า “เครื่องราง-ของขลัง” ผลิตภัณฑ์ที่ขายความเชื่อความศรัทธาบางอย่าง มีการปั่นกระแสทำให้ราคาพุ่งสูง กอบโกยกำไรบนพื้นฐานความเชื่อความศรัทธาประชาชน มีการอวดอ้างพุทธคุณสูงเกินจริง จวบจนในที่สุดภาครัฐมองเห็นถึงปัญหาและเข้ามาจัดการเพื่อคุ้มครองกลุ่มผู้บริโภคสายมู

 นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์  เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่ามีการเตรียมออกร่างกฎหมายเข้ามาควบคุมการโฆษณาขายเครื่องราง ของขลัง อย่างจริงจัง หลังจากที่ผ่านมาพบว่าการขายสินค้าดังกล่าวมีการอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง เช่น เสริมโชคลาภบารมี หรือทำให้หายจากการเจ็บปวด ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และเป็นอันตรายจากการใช้สินค้าและบริการดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบที่เกิดจากการใช้สินค้าหรือบริการจากการโฆษณาขายเครื่องราง ของขลัง หรือให้บริการจึงจำเป็นต้องมีกฏหมายเข้ามากำกับดูแล

โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เตรียมออกกฎหมายฉบับรองเป็นร่างกฎกระทรวง เพื่อนำมาใช้ควบคุมการโฆษณาขาย เครื่องรางของขลัง หรือให้บริการผ่านสื่อต่างๆ โดยที่ผ่านมา มีการโฆษณาอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่มักใช้ข้อความที่ยากต่อการพิสูจน์ อวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง เช่น เสริมโชคลาภบารมี หรือทำให้หายจากการเจ็บปวด จนทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อและได้รับความเสียหายหรืออันตรายจากการใช้สินค้าหรือบริการดังกล่าว

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันหรือระงับยับยั้งไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบหรืออาจเกิดอันตรายกับผู้บริโภค ที่เกิดจากการใช้สินค้าหรือบริการจากการโฆษณาขายเครื่องราง ของขลัง หรือให้บริการ สคบ. จึง ยกร่างกฎมายเข้ามาควบคุมการโฆษณาขายเครื่องราง ของขลัง ขึ้น

ล่าสุด สคบ. ดำเนินการรับฟังความคิดเห็น “ร่างกฎกระทรวงกำหนดข้อความโฆษณาเครื่องราง ของขลัง หรือบริการที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม พ.ศ. ....” โดยเนื้อของร่างกฎกระทรวง กำหนดข้อความโฆษณาเครื่องราง ของขลัง หรือบริการที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรือที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม พ.ศ. ....

 สาระสำคัญคือ ให้คำว่า “เครื่องราง” หมายความว่า สิ่งของหรือวัตถุที่โฆษณาว่าเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันอันตรายหรือทำให้รอดปลอดภัย และ “ของขลัง” หมายความว่า สิ่งของหรือวัตถุที่โฆษณาว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มีพลังหรือมีอำนาจบันดาลให้สำเร็จผลดังประสงค์ และคำว่า “บริการ” หมายความว่า การรับจัดทำการงาน หรือกระทำการใดๆ โดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงินหรือผลประโยชน์อื่น ที่โฆษณาว่าทำเพื่อคุ้มครองป้องกันอันตราย หรือทำให้รอดปลอดภัย หรือทำเพื่อให้มีความศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้สำเร็จผลดังประสงค์ เป็นข้อความโฆษณาสินค้าหรือบริการที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมส่วนรวม 

ขณะเดียวกัน ยังกำหนดให้ข้อความโฆษณาเครื่องราง ของขลัง หรือบริการ ที่เชิญชวนหรือชักจูงให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องราง ของขลัง หรือรับบริการ โดยอาศัยความเชื่อหรือศรัทธาส่วนบุคคลของผู้บริโภคซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักเหตุผลหรือกระบวนการพิสูจน์ที่เป็นที่ยอมรับ ดดังต่อไปนี้
1.ข้อความที่สื่อสารในลักษณะทำนองว่าสามารถป้องกันหรือบรรเทาอันตราย หรือทำให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ 
2. ข้อความที่สื่อสารในลักษณะทำนองว่าทำให้ได้มาซึ่งคนรักของรัก หรือทำให้เกิดผลร้ายต่อบุคคลอื่นฝ่ายเดียวหรือทำให้เกิดผลดีแก่ตนเองฝ่ายเดียว หรือทำให้สามีหรือภรรยาหรือคนรักกลับมาคืนดีกัน 
3. ข้อความที่สื่อสารในลักษณะทำนองว่าทำให้มีโชคลาภจากการพนัน หรือสามารถทำให้หลุดพ้นจากความยากจนหรือทำให้เกิดความร่ำรวยหรือความโชคดี

สำหรับรัฐบาลไทย มองเห็นปรากฎว่าการท่องเที่ยวเชิงความเชื่อ ความศรัทธา หรือที่นิยมเรียกว่าเที่ยวแบบมูเตลูได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในระยะหลายปีที่ผ่านมา สร้างโอกาสทางธุรกิจในท้องถิ่น ชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศมีความจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งที่พัก อาหาร บริการนำเที่ยว การขายของที่ระลึกต่างๆ

 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากระแสเที่ยวแบบมูเตลูได้รับให้ความสนใจทั้งจากทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ส่งผลให้มีการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใหม่ๆ เกิดกระแสในสังคมมีการชักชวนกันไปกราบไหว้ขอพร การท่องเที่ยวแบบมูเตลู จะมีลักษณะเป็นการท่องเที่ยวเพื่อขอพร บนบาน ชมสถานที่สำคัญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงการบูชาเครื่องรางของขลัง ซึ่งถือเป็น Soft Power ที่หลายประเทศใช้ในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและเผยแพร่วัฒนธรรม และในส่วนของไทยก็มีศักยภาพ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนสิ่งศักดิ์ สิทธิ์ที่มีประวัติความเป็นมาเชิงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานอยู่จำนวนมาก

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ปี 2562 พบว่ามูลค่าการท่องเที่ยวสายบุญ “มูเตลู” นั้น สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากถึง 10,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.36% ต่อมูลค่าการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ

ขณะที่รายงานของ Future Markets Insight ระบุว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจของการท่องเที่ยวเชิงศรัทธาของทุกประเทศทั่วโลกปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 1.37 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์จะเพิ่มขึ้นถึง 4.09 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2576 ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น 3 เท่าตัวภายในระยะเวลา 10 ปี 

กระแสมูเตลูเป็น Soft Power ของไทย นอกจากผลักดันให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวสายสูกระตุ้นเศรษฐกิ สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจนับหมื่นล้าน ขณะเดียวกัน ธุรกิจเครื่องราง – ของขลัง มีเงินเวียนกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อปี เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

 สุดท้ายแล้วเป็นความเชื่อส่วนบคุคล ศรัทธาได้แต่ต้องไม่หลงเชื่อด้วยความงมงาย สำหรับการทำคลอดกฎหมายคุมเข้มโฆษณา “เครื่องราง-ของขลัง” เรียกว่าเป็นการคุมครองผู้บริโภคสายมู ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาหากินกับความเชื่อ 

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต