กางเกงยีนส์ ‘แม็ค’ ปรับธุรกิจอย่างไร ให้มากกว่าเดนิม สร้างการโตนิวไฮรอบ 7 ปี

‘แม็คกรุ๊ป’ ชี้สมรภูมิธุรกิจแฟชั่นแข่งขันเดือด แบรนด์เน้นแข่งขันเรื่องราคา ชูกลยุทธ์เร่งพอร์ตโฟลิโอให้หลากหลาย เจาะออนไลน์เพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ดันธุรกิจโตมากสุดในรอบ 7 ปี

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ฉายภายภาพธุรกิจแฟชั่นประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลังมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น และแบรนด์แฟชั่นต่างมุ่งนำเสนอสินค้ากลุ่มใหม่ๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงเร่งลดแลกแจกแถมเพิ่มขึ้น ในการร่วมกระตุ้นกำลังซื้อให้คึกคัก

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่หลายฝ่ายประเมินว่าจะชะลอตัวลงนั้น บริษัทไม่ได้กังวลเรื่องกำลังซื้อ แต่กังวลเรื่องต้นทุนมากกว่า โดยเมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน อาจมีผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบ จึงมุ่งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุน รวมถึงการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์อย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมจัดการต้นทุนให้ดีที่สุด 

สำหรับการเข้ามาของกลุ่มทุนจีนในประเทศไทยนั้น ในส่วนผลกระทบต่อธุรกิจแฟชั่นยังอยู่ในระดับน้อย ส่วนใหญ่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเป็นธุรกิจขนาดเล็ก สำหรับบริษัทได้มีการปรับแผนธุรกิจให้มีความหยืดหยุ่นสูง ผ่านการวางกลยุทธ์ทั้ง ขยายกลุ่มสินค้าใหม่ๆ ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะสินค้ากางเกงยีนส์ เพิ่มพอร์ตโฟลิโอสู่เสื้อผ้าแฟชั่นมากขึ้น ทำให้ภาพรวมสัดส่วนยอดขายสินค้ามาจาก กลุ่มกางเกงยีนส์ อยู่ที่ประมาณ 35% กลุ่มที่ไม่ใช่กางเกงยีนส์ 49% และกลุ่มเครื่องประดับ เช่น รองเท้า กระเป๋า 17% ทั้งหมดสอดรับกับยุทธศาสตร์การมุ่งไปสู่ “ไลฟ์สไตล์แบรนด์”

พร้อมกันนี้ได้มีการขยายช่องทางให้ครอบคลุม ทั้งผ่านออนไลน์และออฟไลน์ โดยออนไลน์ กับแพลตฟอร์ม ติ๊กต๊อก (TikTok) มีการนำเสนอสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ ที่มีเฉพาะช่องทางนี้เท่านั้น จึงส่งผลดีต่อการเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้า อีกทั้งมีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ นำเสนอ 3 คอลเลคชั่นใหม่ต่อปี จึงช่วยขยายกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะนิวเจน

อีกทั้งได้วางแผนดึงอินฟลูเอนเซอร์มาร่วมทำตลาดและทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าที่ดีสุด รวมถึงเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าใหม่อีกประมาณ 20 จุด ควบคู่ไปกับการขยายสาขาให้มีขนาดใหญ่และเร่งรีโนเวทสาขา ซึ่งปัจจุบันมีจุดขายทั่วประเทศมากกว่า 600 จุด

ขณะที่ฐานลูกค้าสมาชิกในปัจจุบันมีจำนวนกว่า 1.7 ล้านคน และเป็นลูกค้าที่แอคทีฟประมาณ 50% โดยจากการรุกทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ยอดสมาชิกมีจำนวนเพิ่มขึ้น พร้อมทำให้ผลประกอบการในรอบปีบัญชี 2568 ( 1 กรกฎาคม 2567 –  30 มิถุนายน 2568) ขยายตัวในระดับสองหลัก 

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในรอบปี  2567 (นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 – 30 มิถุนายน 2567)  มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 384 ล้านบาท หรือ 10.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 3,670 ล้านบาท มีการเติบโตมากสุดในรอบ 7 ปี สามารถสร้างผลกำไรรวม 713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สัดส่วนยอดขายมาจากกลุ่มลูกค้าผู้ชาย 60% และผู้หญิง 40% ส่วนกระแสเงินสดของบริษัทมากกว่า 1,700 ล้านบาทและไม่มีหนี้กับสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ผลจากการรุกออนไลน์อย่างหนัก จึงทำให้ที่ผ่านมาสร้างการเติบโต 28% และประเมินว่าจะขยายตัวเรื่อยๆ โดยภาพรวมออนไลน์ คิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายรวม ซึ่งเมื่อประเมินยอดขายจากออนไลน์ มาจากช่องทาง ติ๊กต๊อก สูงถึง 60% ส่วนระยะยาวประเมินยอดขายผ่านออนไลน์ จะเพิ่มเป็น 15% ของยอดขายรวม 

นายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบัญชีและการเงิน บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เสริมถึง แผนลงทุนของบริษัทในปีนี้วางไว้ 100 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขาใหม่ การรีโนเวท และการปรับระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กรให้แข็งแกร่ง 

อย่างไรก็ตาม นโยบายที่ภาครัฐจะมีการจัดทำ ดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาทนั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดรวมแฟชั่นในระดับใดบ้าง เนื่องจากนโยบายยังไม่มีความชัดเจน 

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

อย่ากลัว Distruption เพราะมันมากาคุณแน่ๆ

“พจน์ อานนท์” หนัง Content “ต่ำ” แต่คำโปรโมท “สูง”

Heineken 0.0 เบยร์ไม่มีแอลกอฮอลล์ แกกกฏโฆษณา และฉีกภาพเบียร์ในตำนาน

ต่อไปนี้ ระบบการทำธุรกิจ จะโดน Distrub