อากงโล้สำเภา มาเปิด ‘มนต์นมสด’ ร้านนมติดแอร์เจ้าแรกในไทย สู่ธุรกิจในมือทายาทรุ่นที่ 3

ย่านเสาชิงช้า ถนนดินสอ โอบล้อมไปด้วยร้านอร่อยในตำนานหลายแห่ง บ้างก็เป็นธุรกิจเก่าแก่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นหลากเจเนอเรชัน “มนต์นมสด” คือร้านที่ยังตั้งตระหง่านด้านหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานครมาหลายสิบปี บางวันมีลูกค้าเข้าคิวตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด แม้ตอนนี้ “มนต์นมสด” จะแตกแขนงไปหลายแห่ง แต่สาขาถนนดินสอที่ได้ชื่อว่า เป็นร้านต้นตำรับ ก็ยังได้รับการบอกต่อความอร่อย ใครแวะมาแถวนี้ต้องไม่พลาดซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
.
ปัจจุบัน “มนต์นมสด” อยู่ภายใต้การดูแลของทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นลูกๆ ของ “มนต์ วนิศรกุล” เจ้าของชื่อร้านมนต์นมสด มนต์ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 2 มีลูกๆ ทั้งหมด 4 คน รับหน้าที่สานต่อกิจการมนต์นมสดทุกคน แบ่งกันดูแลคนจะส่วน สาขาพระราม 1 หรือสาขามาบุญครองเดิมเป็นของลูกสาวคนโต สาขาที่เชียงใหม่ทั้ง 4 แห่ง เป็นของลูกชายคนโต ส่วนสาขาถนนดินสอมี “โก้-ธนากูล วนิศรกุล” ลูกชายคนที่สามของ “มนต์” รับหน้าที่ดูแลกิจการ
“โก้” เข้ามาดูแลมนต์นมสด สาขาถนนดินสอ ตั้งแต่ปี 2545 บริหารแทนป๊าและม๊าเต็มตัวในปี 2548 แม้ว่าชื่อชั้นของ “มนต์นมสด” จะดังไกลจนแทบจะไม่ต้องสร้างการรับรู้มากมาย แต่เขากลับไม่คิดขยายสาขา มองว่า อยากเป็นคนตัวเล็กที่อยู่ไปนานๆ ไม่เคยคิดเรื่องการเติบโตในแง่จำนวนสาขา จะพูดว่า ตัวเองเป็นผู้บริหารก็ยังเขินๆ ตื่นมาขายของ-ดูแลหน้าร้านแล้วเห็นลูกค้าเข้าเยอะ ขายหมดเกลี้ยง แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว
.
:: ขายกาแฟโบราณเพราะเจอที่ว่าง เปิดร้านเพิง-ริมคลอง-ขายบนรถกระบะมาก่อน ::
แรกเริ่มเดิมทีครอบครัวของโก้ไม่ได้ขายนมสด-ขนมปัง แต่ด้วยความบังเอิญที่ “อาม่า” ได้เจอกับช่างทำผมมาบอกข่าวว่า ร้านกาแฟโบราณในตึกแถวกำลังจะปล่อยเซ้ง จึงกลับไปเล่าให้ “อากง” ฟัง ซึ่งเมื่อก่อนอากงเคยทำอาชีพพ่อครัว จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ตัดสินใจเซ้งกิจการกาแฟโบราณย่านเทเวศน์ นอกจากกาแฟโบราณ ยุคนั้นที่ร้านกยังขายเหล้าเป๊ก บุหรี่เป็นตัว ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ มีเพียงโอเลี้ยง นมสด และโอวัลตินเท่านั้น
.
ร้านที่อากงไปเซ้งมามีลักษณะเป็นตึกแถว 1-2 ห้อง ด้านในมีร้านอาหารหลายๆ ร้าน คล้ายศูนย์อาหารขนาดย่อมในยุคนั้น ขายมาได้เรื่อยๆ จนลูกๆ เริ่มโต พ่อของโก้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ตอนนั้นร้านเปิดกัน 24 ชั่วโมง แบ่งทำงานเป็นสามกะ กะละ 8 ชั่วโมง หมุนเวียนกันระหว่างอากง พ่อของโก้ และพี่ชาย ปักหลักทำเลนั้นพักใหญ่จนได้รับแจ้งว่า ถูกเรียกที่คืน ไม่สามารถขายต่อได้แล้ว
.
ตอนนั้นเป็นช่วงสร้างตัว ครอบครัวยังหาเช้ากินค่ำ คิดอยู่นานว่า ทำอย่างไรจะพาร้านไปต่อได้ ร้านต้องหยุดขายนานกว่า 2-3 เดือน จนมีอยู่วันหนึ่ง “โก้” เล่าว่า ป๊ามีโอกาสไปเยี่ยมหลานที่โรงพยาบาล ได้เจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวขายอยู่บนท้ายกระบะ และตั้งโต๊ะที่นั่งกินริมฟุตบาท จึงเกิดไอเดียว่า ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ได้ ไปหารถกระบะมาตั้งร้านขายแทน
.
ม๊าของโก้นำเงินเก็บทั้งหมดที่หยอดกระปุกทุกๆ วันมาดาวน์รถกระบะ จอดขายหน้าร้านแก๊สได้สักพักก็มีเทศกิจมาแจ้งว่า ไม่สามารถขายตรงนี้ได้ ถ้าจะขายให้มาหลัง 22.00 น. เป็นต้นไป ร้านมีอันต้องย้ายไปอีกเรื่อยๆ จนมาถึงยุคริมคลอง ลูกค้าเยอะขึ้น เริ่มมีขนมปังปิ้งวางขาย
.
ช่วงแรกๆ ยังไม่มีชื่อร้าน แต่ลูกค้าที่สนิทสนมกัน บอกว่า ร้านของเฮีย (มนต์ วนิศรกุล) ย้ายหลายรอบแล้ว ตั้งชื่อร้านดีกว่าลูกค้าจะได้ตามไปกินถูก จึงมานั่งปรึกษากันภายในครอบครัว โดยตอนแรกจะนำชื่ออากงมาตั้ง แต่ชื่อภาษาจีนน่าจะเรียกยาก ชื่อของลูกชายน่าจะดีกว่า จึงเป็นที่มาของร้าน “มนต์นมสด”
.
:: กำเนิด “ปังปิ้งสังขยาไข่” เกิดจากลูกค้าไม่อยากกินขนมปังนึ่ง ::
ถ้าถามว่า อากงและอาม่านำวิชาต้มนมมาจากไหน “โก้” บอกว่า นานจนตัวเองก็ไม่เคยนึกถามเหมือนกัน รู้เพียงว่า อากงเคยเป็นพ่อครัวที่สิงคโปร์ ตอนออกมาจากเมืองจีนไปลงเรือที่สิงคโปร์พักหนึ่ง ต่อมามีอาการป่วยหนัก พี่สาวของอากงแนะนำให้นั่งเรือมาที่เมืองไทยจึงได้มาขึ้นท่าแถวเยาวราช ส่วนหม่าม๊าของโก้ก็เป็นลูกหลานคนจีนในไทยเช่นกัน เมนู “นมสด” เกิดจากอากง ส่วนสังขยาที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ของร้านมนต์นมสดถึงปัจจุบัน มีหม่าม๊าของโก้เป็นต้นตำรับ
.
หลังจากขายเมนูเครื่องดื่มไปได้สักพักที่ร้านก็คิดอยากมีขนมขายด้วย แรกๆ ก็รับมาขายอีกทอดหนึ่ง กระทั่งหม่าม๊าของโก้ปิ๊งไอเดียลองทำสังขยาขาย เพราะปกติก็ทำกินกันเองในบ้านอยู่แล้ว วันต่อมาจึงลองทำสังขยามาขายที่ร้านหนึ่งหม้อ ปรากฏว่า วันแรกก็ขายดีมาก หมดเร็วกว่าที่คิด จึงสั่งผลิตหม้อนึ่งขนมปังและสังขยาชุดใหม่ทันที โดยสังขยาที่เกิดก่อน คือ “สังขยาส้ม” ในปี 2521 ต่อมาจึงมี “สังขยาใบเตย” ในปี 2539
.
“มนต์นมสด” ขายขนมปังนึ่งคู่สังขยามาเรื่อยๆ ในยุคริมคลอง กระทั่งวันหนึ่งมีแม่ค้าหาบเร่ขนมปังปิ้งเนยน้ำตาลมาขายที่หน้าร้าน ป๊าของโก้มองว่า น่าสนใจ ดูขายดี จึงเข้าไปติดต่อแม่ค้าหาบเร่ ขอซื้อกิจการและซื้อตัวแม่ค้ามาปิ้งขนมปังขายที่ร้านด้วย เป็นจุดเริ่มต้นของปังปิ้งเตาถ่าน ช่วงแรกมีไม่กี่เมนู อาทิ เนยน้ำตาล เนยนม เนยแยมส้ม ไปๆ มาๆ มีลูกค้าขอให้นำสังขยามาราดขนมปังปิ้ง เพราะไม่อยากกินขนมปังนึ่ง “โก้” บอกว่า ตอนนั้นป๊าไม่มั่นใจ กลัวจะไม่อร่อย แต่พอลองแล้วรสชาติดีจึงเพิ่มขนมปังปิ้งสังขยามาเป็นอีกหนึ่งเมนูในร้าน
.
ต่อมาก็พัฒนาเป็น “เนยช็อกโกแลต” ด้วยสูตรที่เกิดจากการลองผิดลองถูกของหม่าม๊าของโก้ ขายอยู่ 5 เมนูเป็นเวลานาน ขนมปังปิ้งกลายเป็นเมนูที่ลูกค้าติดอกติดใจ แต่แล้วก็ถึงคราวที่ “มนต์นมสด” ต้องโยกย้ายอีกครั้ง เนื่องจากกลิ่นควันจากการปิ้งขนมปังเตาถ่านรบกวนฝั่งตรงข้าม ตอนนั้นร้านตัดสินใจหยุดขายขนมปังปิ้งไป 6 เดือน รายได้หายไปส่วนหนึ่ง หาทำเลใหม่จนมาได้ตึกแถวย่านถนนดินสอ 2 คูหา ซึ่งก็คือที่ตั้งร้านมนต์นมสดในปัจจุบัน
.
“เมื่อก่อนร้านชื่อ “มนต์คาเฟ่” เพราะแต่ก่อนคำว่า คาเฟ่มันเท่ แต่ไปๆ มาๆ อีกยุคหนึ่งภาพลักษณ์ไม่ค่อยดี ป๊าบอกเราขายนม ถ้าอย่างนั้นชื่อมนต์นมสดดีกว่า เราอยู่ริมคลองปี 2527-2537 แล้วก็ย้ายมาตรงถนนดินสอเป็นเหตุบังคับ เทศกิจมาอีกแล้ว บอกว่า กลิ่นควันจากขนมปังรบกวนฝั่งตรงข้าม เพราะตอนนั้นเราจ้างเขามาทำพัดลมห้อยบนฝ้าเพื่อดูดอากาศ พัดลมใหญ่พอๆ กับเตาถ่านซึ่งมีขนาดเท่ากับโต๊ะ 4 โต๊ะต่อกัน กว่าจะได้ที่ตรงถนนดินสอก็หืดขึ้นคอเหมือนกัน”
.
:: เข้าสู่ยุค “ร้านติดแอร์” รุ่นที่ 3 แปะมือรับช่วงต่อเต็มตัว ::
ถัดจากยุคร้านเพิง รถกระบะ ริมคลอง มาสู่ร้าน 3 คูหา แม้ว่า “มนต์นมสด” จะไม่ใช่ร้านนมเจ้าแรกในไทย แต่จุดแข็งที่ทำให้มีชื่อเสียง-เป็นที่จดจำในวงกว้าง เพราะน่าจะเป็นเจ้าแรกๆ ที่ขายนมสด-ขนมปังเป็นเรื่องเป็นราว ในขณะที่ยุคนั้นร้านของหวานประเภทเดียวกันมักซุกซ่อนเป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหาร หรือไม่ก็ขายแบบซื้อกลับเท่านั้น 
.
มากไปกว่านั้น “มนต์นมสด” ยังเป็นร้านติดแอร์ในยุคที่ร้านส่วนใหญ่ยังติดพัดลมเพดาน “โก้” เล่าว่า ตอนนั้นป๊ายังลังเลเรื่องติดแอร์ เพราะกลัวว่า จะดูเข้าถึงยาก ลูกค้าอาจจะกลัวว่า ร้านจะขายแพงกว่าเดิมหรือไม่ ระบุว่า ยุคนั้นมีคำว่า “ลูกค้ากลัวกระจก” ความหมายก็คือถ้าร้านไหนติดแอร์ก็อาจจะคิดค่าแอร์เพิ่มไปด้วย ถ้าทำไม่ถึงจริงกลายเป็นยอดขายตก บางร้านเจ๊งไปเลยก็มี 
.
ทว่า ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม วันแรกขายดีมาก และต่อมาก็พูดได้ว่า เป็นยุคทองของร้านมนต์นมสดที่ในตอนนั้นมีเพียงสาขาเดียว ตอนนั้น “มนต์นมสด” เคยลองผิดลองถูกไปขายตามห้างสรรพสินค้าภายในศูนย์อาหาร อาทิ ห้างนิวเวิลด์ ห้างเวลโก้ปิ่นเกล้า ห้างเวลโก้รามคำแหง ห้างโรบินสันบางรัก
.
แต่ไปๆ มาๆ ก็เริ่มเห็นว่า การเปิดสาขาเยอะไม่ได้ช่วยให้กำไรเยอะขึ้น เนื่องจากการเข้าไปอยู่ในห้างต้องบริหารจัดการให้ดี มีเรื่องของต้นทุนและค่าเช่ามาเกี่ยวข้อง ร้านเองก็ไม่กล้าขายแพงกว่าเดิม สุดท้ายจึงตัดสินใจเหลือเพียงสาขาถนนดินสอเหมือนเดิม
.
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านจากป๊า-ม๊า สู่ลูกๆ ทั้ง 4 คน พี่ชายของโก้ไปเปิดมนต์นมสดที่เชียงใหม่ ปัจจุบันมี 4 สาขา ได้แก่ สาขานิมมานเหมินทร์ สาขาแม่ริม สาขาแม่เหียะ และสาขาแม่โจ้ ทุกอย่างเป็นสูตรเดียวกัน เว้นแต่ซัพพลายเออร์ที่ใช้บางอย่าง รวมถึงน้ำนมดิบก็ใช้ของที่เชียงใหม่ด้วย
.
ถ้านับกันจริงๆ สาขานิมมานเหมินทร์นับเป็นสาขาที่ 2 ต่อจากสาขาถนนดินสอ เปิดในปี 2543 ถัดจากนั้นจึงเป็นสาขามาบุญครองของพี่สาว เปิดเมื่อปี 2547 ที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่พระราม 1 และสาขาถนนอิสรภาพ เปิดเมื่อปี 2555 เป็นของน้องสาวคนสุดท้อง
.
“โก้” บอกว่า ปัจจุบันพี่น้องทั้ง 4 คน สานต่อกิจการมนต์นมสดทั้งหมด เพียงแต่เป็นการจดทะเบียนแยกบริษัทกัน บริหารจัดการแยกกัน รายได้แยกกัน ส่วนตัวโก้เองมีแผนอยากเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบร้านคีออส (Kiosk) ไม่ต้องมีที่นั่งกิน
.
ส่วนเรื่องเข้าไปอยู่ในห้างเคยมีแลนด์ลอร์ดมาชวนเหมือนกัน แต่ตนรู้สึกว่า ยังไม่มีความพร้อม ต้องเทรนพนักงานให้เพียงพอ เฉพาะสาขามนต์นมสดตอนนี้ก็ยังต้องบริหารจัดการเรื่องความพร้อมของทีมพนักงานอยู่เหมือนกัน
.
:: มีแผนรีโนเวทร้าน ค่อยๆ โตแบบมั่นคง ป๊าสอน “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” ::
ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้ดูแลสาขาถนนดินสอฉายภาพความเปลี่ยนแปลงของร้านมนต์นมสดในทศวรรษที่ 6 ให้ฟังว่า ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมายอดขายร้านมนต์นมสดเติบโตเพิ่มขึ้นเยอะมาก เทียบกับปีก่อนหน้าถือว่า ขายดีกว่าปกติ กระทั่งช่วงต้นปี 2567 เริ่มเงียบ ลูกค้าหาย เว้นแต่มีงานเทศกาลหรืออีเวนต์ใหญ่ ร้านถึงจะได้อานิสงส์เข้ามาบ้าง
.
ถ้าให้เทียบกับปีก่อนหน้า “โก้” บอกว่า ยอดขายลดลงสูงสุดถึง 40% ยิ่งถ้าเป็นช่วงฝนตกด้วยแล้ว ลูกค้ายิ่งน้อยลงกว่าเดิมซึ่งก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ เมื่อถามว่า ยอดขายสูงสุดที่ร้านเคยทำได้อยู่ที่เท่าไหร่ “โก้” บอกว่า ตนขายของอย่างเดียว ส่วนเรื่องเงินยังให้ป๊าเป็นคนจัดการ กลุ่มลูกค้ากว่า 97% ยังเป็นคนไทย ต่างชาติมีบ้างเล็กน้อย และช่วงหลังพบว่า คนเกาหลีแวะเวียนเข้ามากินที่ร้านมากขึ้น ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าหลักๆ ยังเป็น “Gen X” และ “Gen Y” เด็กรุ่นใหม่มีบ้าง ซึ่งน่าจะรู้จักร้านจากที่พ่อแม่เคยพามากิน
.
ดำเนินธุรกิจมายาวนาน “โก้” บอกว่า คำสอนของป๊าที่ยึดเป็นคติในการทำธุรกิจมาตลอด คือความซื่อสัตย์ ป๊าพูดเสมอว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” ดูเหมือนเป็นคำเชยๆ แต่ผ่านไปกี่ปีก็ยังเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ทุกวันนี้ “โก้” ยังเข้าร้านมาขายด้วยตัวเองทุกวัน และไม่เคยคิดว่า การเป็นเจ้าคนนายคนจะยากขนาดนี้
.
บอกว่า ตนเองเป็นคนขี้เกรงใจ ไม่ชอบบังคับใคร ทว่า ไม่ใช่สไตล์การทำงานของร้านค้า ต้องเรียนรู้ทุกอย่างในร้านให้เป็น เริ่มตระหนักว่า ถ้าวันหนึ่งพนักงานทยอยออกกันหมด ตัวเราจะเหลือคุณค่าอะไรไว้บ้าง จึงไปฝึกปิ้ง ฝึกหั่น ทำทุกอย่างให้เป็น ไม่ต้องทำจนชำนาญ แต่ต้องรู้ว่า แบบไหนดีหรือไม่ดี
“อนาคตของมนต์นมสดผมมีแผนอยากทำร้านใหม่ ขนาดร้านเท่านี้กำลังดี จะเต็มจริงๆ เฉพาะศุกร์กลางคืนและเสาร์อาทิตย์ ผมไม่เคยคิดเรื่องการเติบโต พูดว่า ตัวเองเป็นผู้บริหารยังเขินเลย วันนี้ขายหมดก็ดีใจแล้ว เมนูขายดีในหมวดขนมปังปิ้ง มีสังขยา นมข้น ช็อกโกแลต อย่างน้อยๆ ลูกค้าหนึ่งโต๊ะต้องมีขนมปัง 3 หน้านี้ ถ้าเป็นเครื่องดื่มจะเป็นนมจืด นมหวาน นมแดง และหลังๆ มีชาไทยกับมัทฉะเพิ่มเข้ามา”

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต