เด็กเกิดน้อยไม่ใช่ปัญหา ทอยส์อาร์อัส ทรานส์ฟอร์มขยาย คิดดัลท์ เจาะคนทำงาน
.
เข้าสู่ศักราชใหม่ 2568 ในโลกได้ประกาศการมีเจนเด็กใหม่อย่างเป็นทางการแล้วกับ เจนเบตา (Gen BETA) โดยเป็นเด็กที่เกิดในช่วงปี 2025 – 2039 ทำให้การแบ่งเจนในปัจจุบัน แบ่งเป็น 6 เจนแล้ว ประกอบด้วย Gen Boomer กลุ่มที่เกิดช่วงปี 2489 – 2507, Gen X กลุ่มที่เกิดช่วงปี 2508 – 2522, Gen Y กลุ่มที่เกิดช่วปี 2523 – 2537, Gen Z กลุ่มคนที่เกิดช่วงปี 2538 – 2552, Gen Alpha กลุ่มที่เกิดช่วงปี 2553 – 2567 (ค.ศ. 2010 – 2024) และ Gen Beta มาใหม่ล่าสุด
.
ท่ามกลางการมีเจนใหม่ แต่ในอีกด้านภาพรวมจำนวนประชากรเด็กในโลก มีแนวโน้มที่เกิดน้อยลงในทุกปี รวมถึงประเทศไทยในระดับประมาณ 5 แสนต่อปีแล้ว จากข้อมูลของ “สำนักงานสถิติแห่งชาติ” มีผลต่อหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับของเล่นเด็ก
.
แบรนด์ใหญ่ในโลกกับ ทอยส์ “อาร์” อัส (Toys“R”Us) จึงได้เปลี่ยนวิกฤตที่มีเด็กเกิดน้อย ไปสู่โอกาสใหม่ กับการเจาะตลาดกลุ่มคนทำงานและกลุ่มผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบสะสมของเล่น เรียกว่า “คิดดัลท์” (Kidult) ที่เป็นการรวมกันระหว่างคำว่า Kid (เด็ก) และ Adult (ผู้ใหญ่) โดยมุ่งขยายตลาดนี้และขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้ามากขึ้น
ลีโอ ซอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทอยส์”อาร์”อัส เอเชีย จำกัด (Toys“R”Us) กล่าวว่า จากสถานการณ์ของเด็กเกิดใหม่ที่มีจำนวนน้อยลง โดยเกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ และญี่ปุ่น มีผลต่อตลาดของเล่นเด็ก ประกอบกับภาพรวมอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและประเทศไทยอยู่ในระดับที่ไม่สูง จึงเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของแบรนด์ต้องมองหาโอกาสตลาดที่กำลังขยายตัว
.
ทั้งนี้บริษัทได้ทรานส์ฟอร์มธุรกิจมุ่งเจาะสินค้าสู่กลุ่มคนทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบการสะสมของเล่น เรียกว่า คิดดัลท์ (kidult) เป็นตลาดที่กำลังมาแรง ด้วยฐานประเทศไทยมีฐานประชากรที่มีอายุมากกว่า 35 ปี คิดเป็นสัดส่วนถึง 40% ของประชากรทั้งประเทศ
.
อีกทั้งเป็นกลุ่มที่เรียกว่า สตรอง คอนซูเมอร์ ต่างเป็นผู้นำตลาดและมีอำนาจในการเลือกซื้อสินค้า ทั้งหมดจึงสะท้อนว่า ตลาดในประเทศไทยกลุ่มของเล่นและเกม มีการประเมินว่า จะขยายตัวประมาณ 7.5% ต่อเนื่องไปในช่วง 5 ปีนับจากนี้ ผสมด้วยแรงหนุนของกลุ่มคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย จำนวนสูงมากในโลก
.
สำหรับประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญเชิงกลยุทธ์และเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคของ ทอยส์”อาร์”อัส ได้วางแผนเชิงรุกเจาะกลุ่ม คิดดัลท์ ทั้งขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้า มีทั้งสินค้าแฟชั่น (fashionable) กลุ่มสินค้าเก็บสะสม (collectible) และสินค้าที่ใช้ได้จริง (usable) สินค้าในแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
.
ทางด้านสินค้าที่เป็นแชมป์เปี้ยน ที่กำลังมาแรงและโตสูง กับ “กล่องสุ่ม” หรือเรียกว่า บลายด์บ็อกซ์ (Blind box) มุ่งออกมาใหม่ในทุกซีซัน โดยที่ผ่านมา สินค้าที่สร้างยอดขายดี 10 อันดับแรก ของลูกค้ากลุ่มคิดดัลท์ มีสัดส่วนมาจากกล่องสุ่มถึง 5 อันดับ พร้อมมุ่งร่วมมือกับดีไซเนอร์คนไทย ที่มีความสามารถและมีแรงบันดาลใจ มาร่วมออกแบบสินค้า
.
อีกทั้งได้ดีไซน์สโตร์คอนเซปต์ใหม่ ภายใต้แนวคิด เพลย์ฟูล ฮาร์ทแลนด์ (Playful Heartland) หรือ ร้านสนุกของคนทุกวัย ผสมทั้งมินิมอล และความโมเดิร์นของพื้นที่ทำกิจกรรมที่เรียกว่า อินเตอร์แอคทีฟ ร่วมด้วยความมีชีวิตชีวาและสีสันของ กทม.
.
ที่ผ่านมาได้ปรับโฉมสาขาสู่คอนเซปต์ใหม่ทั้งที่ วัน แบงค็อก (One Bangkok) และกำลังปรับโฉมที่ ไอคอนสยาม (ICONSIAM) มีแผนเปิดโฉมใหม่ในเดือน ม.ค.2568 ส่วนแผนรุกตลาดในปีต่อไป 2568 อยู่ระหว่างการประเมินและคาดว่าจะเปิดสโตร์ใหม่อยู่ในตัวเลขหลักเดียว จากปัจจุบันมีสาขาในประเทศไทยรวม 12 สาขา
.
จากกลยุทธ์เจาะตลาดไทยอย่างหนักตั้งแต่ปีนี้ 2567 ทำให้แบรนด์มุ่งไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทาง ไม่ใช่แค่กลุ่มเด็กเท่านั้น แต่รวมถึงกลุ่มคนทำงาน ที่ได้รับความสนุกอีกครั้งจากการมีของเล่นหลากหลายแบบ พร้อมกับสามารถสร้างการเติบโตแบบ ติดสปีดในประเทศไทยได้ในปี 2568
“ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายลงทุนในภูมิภาคเอเชียมาตลอด ทั้งการเปิดสาขาใหม่ในประเทศญี่ปุ่น จีน และประเทศต่างๆ ในอาเซียน พร้อมด้วยการปรับปรุงสาขาต่างๆ ส่วนในประเทศไทยมีทั้งการปรับปรุงสาขาและเปิดสาขาใหม่ โดยมองแนวโน้มการเปิดสาขาใหม่มีโอกาสอีกมาก จากปัจจุบันมีสาขาเพียง 12 สาขาเท่านั้น จากฐานประชากรในประเทศร่วม 70 ล้านคน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้