EMILY’S หมี่ไก่ฉีก มีลุ้นแตะ ‘500 ล้าน’ ขายได้เดือนละ 1 ล้านกล่อง เตรียมบุกต่างประเทศด้วย
เปิดเส้นทาง EMILY’S หมี่ไก่ฉีก เริ่มจากเมนูประจำบ้าน สู่ยอดขายวันละ 1 หมื่นกล่อง! ทำมาเพียง 2 ปี รายได้โตกว่า 600% เตรียมเปิดสาขาต่างจังหวัดเพิ่ม เล็งหัวเมืองใหญ่เป็นหลัก แง้มเดือนนี้ชิมลางตลาดต่างประเทศ เริ่ม “สิงคโปร์” เป็นแห่งแรก เชื่อกาลเวลาพิสูจน์คุณภาพ แม้เจอดรามาราคาแพง แต่ลูกค้ายอมรับได้เพราะรสชาติดีมีคุณภาพจริง
.
เมนูเส้นก๋วยเตี๋ยวคลุกซอสพร้อมเนื้อสัตว์พอดีคำอาจดูไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ถ้าเราย่นย่อให้แคบลงอีกนิดว่า นี่คือเมนูเส้นหมี่ขาวที่เสิร์ฟผ่านกล่องกระดาษสี่เหลี่ยม มาพร้อมกับเนื้อไก่ที่คลุกเคล้าด้วยน้ำพริกหมูกระจก โดยที่ทั้งกล่องมีวัตถุดิบเพียง 3 อย่าง และทั้งร้านก็ขายอยู่เมนูเดียวเท่านั้น ปรากฏการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเชื่อหรือไม่ว่า นับจากนั้นเป็นต้นมาร้านอาหารที่เปิดขึ้นเพื่อขาย “หมี่ไก่ฉีก” ก็ผุดขึ้นทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนับไม่ถ้วนทันที
เรากำลังพูดถึง “หมี่ไก่ฉีก EMILY’s” เส้นหมี่หน้าตาธรรมดาๆ แต่กลับสร้างรายได้ตลอดปี 2567 ไปแล้ว “175 ล้านบาท” เติบโตจากปีก่อนหน้า 600% โดยที่ทั้งร้านมีสินค้าเพียงหนึ่งเดียว คือเส้นหมี่ไก่ฉีกกล่องละ 125 บาท
.
ความนิยมของหมี่ไก่ฉีกกลายเป็นไวรัลภายในชั่วข้ามคืน หลังจากแบรนด์ EMILY’S โด่งดังผ่านการบอกต่อปากต่อปาก พร้อมกระแสรีวิวบน TikTok ที่ทำให้เกิดร้านเส้นหมี่ไก่ฉีกอีกนับหมื่นนับพันแห่งทั่วประเทศ คงไม่เกินจริงไปนักถ้าจะบอกว่า EMILY’S คือต้นตำรับร้านเส้นหมี่ไก่ฉีกที่มีขายตามท้องตลาดอย่างทุกวันนี้
.
จากเมนูประจำครอบครัว ทำกินกันเองตั้งแต่รุ่นคุณย่า วันหนึ่ง “ภัทร์-ธภรัท เวโรจน์ฤดี” มีโอกาสได้ชิมหมี่ไก่ฉีกรสมือแม่ของ “เพ็บ-นัยน์ชนก ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” ซึ่งเป็นช่วงที่ภัทร์หยุดพักจากการทำอาชีพแอร์โฮสเตส เพราะทั่วโลกดันเกิดวิกฤติโรคระบาดใหญ่
.
แม้ก่อนหน้านั้นทั้งคู่จะเริ่มต้นธุรกิจร้านขายชานม-ชาผลไม้ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เมื่อภัทร์ได้ชิมเส้นหมี่ไก่ฉีก เธอเชื่อทันทีว่า เมนูนี้จะเป็นจุดพลิกสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจร้านชาพร้อมกับพนักงานหน้าร้านรอดตายจากวิกฤติได้ นั่นจึงเป็นที่มาของการยกเมนูหลังครัวจับใส่กล่องกระดาษสีขาวทรงเหลี่ยมขึ้นมาวางขายในปี 2565
:: หมี่คลุกสูตรคุณย่า สู่ EMILY’S ขายได้เดือนละ “1 ล้านกล่อง” ::
จุดเริ่มต้นแรกสุดไม่ใช่ร้านเส้นหมี่ไก่ฉีก แต่เป็น “การชา” ร้านขายชานม-ชาผลไม้ย่านหัวหมาก และหากย้อนไปไกลกว่านั้น ตัวเพ็บเองยังเคยเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับช่องยูทูบของพี่สาว ด้านภัทร์ในอดีตเป็นแอร์โฮสเตสที่สายการบินแห่งหนึ่ง
.
ช่วงเวลาประจวบเหมาะในตอนนั้นทำให้ทั้งคู่มีโอกาสรู้จักกันราวๆ 3 เดือน ตรงกับการเกิดขึ้นของสถานการณ์โรคระบาดใหญ่ ภัทร์ที่ทำอาชีพลูกเรือมีเที่ยวบินน้อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ถูกเลย์ออฟเพราะสายการบินปิดกิจการลง
.
จังหวะนั้นเองที่ทั้งคู่ตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางผู้ประกอบการ จากเมนูชานมสูตรที่ “ภัทร์” ทำมาให้ “เพ็บ” ลองชิม เริ่มจากขายออนไลน์ เปิดรอบพรีออเดอร์เพียง 2 วันต่อสัปดาห์ จนธุรกิจจริงจังมากขึ้น ไปออกบูธจนถึงลงทุนเปิดหน้าร้านที่ห้างสรรพสินค้า แต่วิกฤติโควิด-19 ก็ยังไม่จบลงสักที ห้างร้านถูกสั่งปิด มาตรการล็อกดาวน์เกิดขึ้นพักใหญ่ ทุนที่ลงไปจมหายในพริบตา
.
ตอนนั้น “เพ็บ” บอกว่า ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจอยู่รอดแบบที่ยังรักษาพนักงานได้ครบทุกชีวิต จึงกลับมาคุยกันว่า ถ้าร้านชาขายไม่ได้แล้ว ลองหาเมนูอาหารคาวขายเพิ่มดูจะดีกว่าหรือไม่ สุดท้ายก็มาลงเอยที่ “หมี่ไก่ฉีก” เพราะ “ภัทร์” ประทับใจมาก หลังจากมีโอกาสได้ลิ้มรสที่คุณแม่ของ “เพ็บ” ทำให้กิน
.
เมื่อนำไปให้ญาติๆ ฝั่งภัทร์ชิมเพิ่ม ปรากฏว่า ทุกคนลงความเห็นเรื่องความอร่อยเป็นเสียงเดียวกัน มองว่า เส้นหมี่ขาวคลุกน้ำซอสสูตรลับจากคุณย่าจานนี้รสชาติไม่เหมือนใคร ถ้าทำขายทุกคนต้องติดใจเหมือนตนเองแน่นอน
.
แต่แค่นั้นยังไม่พอ “ภัทร์” บอกว่า เส้นหมี่ไก่ฉีกของครอบครัวเพ็บมีครบทุกรสชาติแล้ว ขาดเพียงอย่างเดียวคือรสเผ็ดและความแซ่บนัว ด้วยความที่ตนเองชอบกินน้ำพริกหลายแบบ มองว่า น้ำพริกหมูกระจกน่าจะเข้ากับเส้นหมี่มากที่สุด เมื่อนำมากินคู่กันก็พบว่า ช่วยเพิ่มความอร่อยลงตัวมากกว่าเดิม ทั้งยังมีสัมผัสกรุบกรอบที่เติมเต็มความนุ่มนวลของเส้นหมี่และไก่ฉีกได้ลงตัว
.
“เราเริ่มจากอยากรอดจากโควิด-19 คุยกันว่า จะทำอย่างไรให้รอดโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เลยคุยกันว่า ถ้าอย่างนั้นเปิดพรีออเดอร์แล้วขายให้แค่ลูกค้าเก่าจากร้านชาก่อน เมนูแรกยังไม่ใช่เส้นหมี่ไก่ฉีกแต่เป็นพายฝรั่งเศสซึ่งก็เป็นสูตรที่บ้านเพ็บเหมือนกัน จนพายขายได้ก็เปิดขายเส้นหมี่ตามมา ลูกค้าสั่งมาเท่าไหร่ก็ทำตามจำนวนที่เขาสั่ง จากวันแรก 10 กล่อง เป็น 20 กล่อง เป็น 50 กล่อง เราก็ทำกันอยู่สองคน จนวันที่เพิ่มเป็น 100 กล่อง พนักงานที่ร้านชาก็โทรมาบอกว่า ให้หนูเข้าไปช่วยเถอะ”
.
การโปรโมตและทำการตลาดในตอนนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าบอกต่อปากต่อปาก และการทำช่อง TikTok ช่วงที่ขึ้นถึงหลักร้อยกล่อง ทั้งสองคนคุยกันว่า จะลองเปิดบูธ Pop-up ที่ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ โดยไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า จะมีลูกค้าต่อคิวยาวเหยียด จุดหักเลี้ยวสำคัญเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นที่เริ่มไต่ระดับสู่ 200-300 กล่อง จนถึงปัจจุบัน EMILY’S มียอดขายเฉลี่ยเกือบๆ 10,000 กล่องต่อวัน หรือเกือบๆ “1 ล้านกล่องต่อเดือน”
ไม่ใช่แค่รสชาติและความเป็น “คนไทยคนแรก” ของเมนูหมี่ไก่ฉีก แต่ด้วยราคาขายสนนที่กล่องละ 125 บาท จึงทำให้เกิดกระแสดรามาในช่วงเริ่มต้น หลังจากเคาะกันแล้วว่า จะนำเมนูประจำบ้านของ “เพ็บ” มาทำขาย เธอบอกกับ “ภัทร์” ว่า ถ้าจะขายเมนูนี้ต้องราคาสูง เพราะใช้ต้นทุนสูงมาก และเธอจะไม่ยอมลดคุณภาพหรือใช้วัตถุดิบที่แตกต่างไปจากเดิมแม้แต่อย่างเดียว ถ้าจะขายต้องทำแบบที่คุณแม่ทำให้กินเท่านั้น
.
“เพ็บ” บอกว่า เธอไม่ได้คาดคิดว่า เรื่องราคาจะกลายเป็นกระแสที่ทำให้ EMILY’S ถูกพูดถึง ทว่า ตระหนักดีถึงตัวเลขที่สูง ถึงอย่างนั้น “เพ็บ” ก็มองว่า ดรามาเรื่องราคาจะหายไปทันทีหากลูกค้าได้เปิดกล่องลองชิมแล้วสัมผัสได้ถึงคุณภาพที่ใส่ลงไปแบบไม่มีกั๊ก นับจากวันแรกที่ทำกันเองสองคนในบ้านด้วยครัวโฮมเมดเล็กๆ สู่วันที่ต้องปิดร้านชาถาวร ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 3-4 เดือนเศษๆ เส้นหมี่ไก่ฉีก EMILY’S ก็ติดปีกพร้อมกับยอดสั่งซื้อถล่มทลายทันที
.
EMILY’S ออกบูธเพื่อพบปะลูกค้าควบคู่ไปกับการเปิดสั่งบนแอปฯ เดลิเวอรี “ภัทร์” บอกว่า จากดาต้าที่แพลตฟอร์มเคยแชร์มาให้พวกเธอดู พบว่า ใน 1 วินาที มีลูกค้ากดสั่ง EMILY’S มาแล้ว 40 คน ซึ่งตั้งแต่วันแรกที่เปิดขายบนแพลตฟอร์มก็มีออเดอร์เข้ามาเยอะมากจนต้องปิดระบบภายใน 2 นาที
.
เมื่อถามว่า เคยคิดหรือไม่ว่า จะขายดีถล่มทลายขนาดนี้ “เพ็บ” ตอบทันทีว่า ไม่เคยคาดคิด แต่เชื่อว่า สิ่งที่ทำให้เมนูหน้าตาธรรมดาๆ เข้าไปนั่งในใจลูกค้าได้ เป็นเพราะความใส่ใจที่ส่งตรงถึงลูกค้า ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน ทั้ง “เพ็บ” และ “ภัทร์” เก็บทุกฟีดแบ็กมาปรับปรุงเสมอ ทำอย่างไรก็ได้ให้ 125 บาทที่ลูกค้าจ่ายมาเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด เชื่อว่า ลูกค้าไม่ได้ต้องการของที่ถูกที่สุดหรือแพงที่สุด ถ้าของคุณภาพไม่ดี 40 บาทก็แพงได้เหมือนกัน
.
“ถ้าดูวันนี้กับวันแรกแตกต่างกันสิ้นเชิง วันแรกน้ำพริกยังเป็นถุงซิปล็อก ไม่มีโลโก้ พอขยายไปเรื่อยๆ ก็ทำถุงปิดทึบ ไม่โดนแสงจะเก็บได้นานขึ้น เราทั้งคู่เชื่อว่า ลูกค้าไม่ได้ต้องการของที่ถูกหรือแพงที่สุด แต่เขาต้องการของที่คุ้มค่าที่สุด หน้าที่ของเราคือทำอย่างไรก็ได้ให้เขาเข้าใจว่า 125 บาทคุ้มค่าอย่างไร ให้เขาได้สัมผัสก่อน พอเขาได้ลอง ทุกคนได้ลอง มันจะส่งกลับไปหาเขาเองว่า คุ้มหรือไม่คุ้ม ซึ่งพอผ่านมาถึงวันนี้กระแสนี้ก็หมดไป มีลูกค้าที่อยู่กับเราเยอะมากๆ ถ้าเราจริงใจวันหนึ่งเขารู้สึกได้แน่นอน”
.
ทั้งคู่เล่าว่า EMILY’S มีลูกค้าที่เหนียวแน่นตั้งแต่วันแรกๆ จากวันที่มีเพียง 1 สาขาที่ “หัวหมาก” ซึ่งเป็นหน้าร้านดั้งเดิมที่ปรับมาจากร้านการชา ลูกค้าก็ไม่เคยท้อ ยอมเสียค่าสั่งแพงๆ ราคาอาหารกล่องละ 125 บาท แต่จ่ายค่าส่ง 200 บาทก็ยอม หลังจากนั้นจึงขยับไปเปิดสาขาอโศกเป็นแห่งที่ 2 เข้าไปอยู่ใจกลางเมืองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น
.
“เพ็บ” เล่าว่า เคยมีลูกค้าที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาสั่งหมี่ไก่ฉีก EMILY’S ไปทาน แบบยอมจ่ายค่าส่งสูงถึง 700 บาท หรือลูกค้าจากจังหวัดเชียงใหม่อยากกินมาก ตัวเพ็บและภัทร์เป็นคนแพ็คของหิ้วไปส่งเพื่อโหลดใต้ท้องเครื่องที่สนามบินก็ทำมาแล้ว ทุกวันนี้การเปิดสาขาใหม่ๆ ขึ้นอยู่กับเสียงเรียกร้องจากลูกค้าเป็นหลัก ตรงไหนมีคอมเมนต์เข้ามาเยอะๆ จะเลือกปักหมุดจุดนั้นเป็นสาขาถัดไป
.
:: ตั้งเป้าปีนี้โตอีก 3 เท่า เปิดที่ต่างจังหวัดเพิ่ม อยากไปต่างประเทศด้วย ::
จากยอดขายปี 2566 ที่ 24 ล้านบาท ปีที่ผ่านมา EMILY’S ในนาม บริษัท เอ็นพีทีดับเบิ้ลยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มีรายได้ 175 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.6 ล้านบาท ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาหัวหมาก สาขาอโศก สาขาลาดพร้าว สาขาเจริญนครซอย 10 สาขาบางจาก และสาขาดอนเมือง ทุกสาขาเน้นเป็นฮับสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี ยกเว้นสาขาเจริญนครซอย 10 มีที่นั่งทานรองรับได้ 2-3 โต๊ะ
.
“เพ็บ” บอกว่า เคยขายได้พีคที่สุดอยู่ที่ 10,000 กล่องต่อวัน รวมทุกช่องทางทุกสาขา ซึ่งทุกวันนี้ยอดขายเฉลี่ยก็ยังอยู่ที่ 8-9 พันกล่องต่อวัน ไม่ได้ทิ้งระยะห่างไปจากเดิมมากนัก ทั้งคู่บอกว่า รับรู้เสียงเรียกร้องจากลูกค้า ทุกวันนี้ก็ยังควบคู่การออกบูธไปด้วยเสมอ เพื่อเข้าถึงกลุ่มที่ลูกค้าที่แวะเวียนมาเดินห้าง และอาจจะยังไกลจากฮับเดลิเวอรีทั้ง 6 แห่ง
.
ส่วนเหตุผลที่ยังไม่สามารถสเกลได้รวดเร็วตามความต้องการ เพราะยังอยากควบคุมคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐานมากที่สุด เชื่อว่า ถ้าเร่งขยายมากเกินไปและหลุดจากคุณภาพเดิมก็อาจจะไม่เกิดการซื้อซ้ำ ตอนนี้แหล่งวัตถุดิบยังมาจากที่เดียวกัน ครัวกลางเดียวกัน รสชาติเหมือนกันทุกกล่อง ทุกสาขา
.
สำหรับสาขาใหม่ล่าสุดที่สนามบินดอนเมือง เปิดขึ้นมาเพื่อตอบรับลูกค้าต่างจังหวัดโดยเฉพาะ “เพ็บ” เล่าว่า มีลูกค้าอยากซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน จึงเกิดเป็นสาขาสนามบินดอนเมืองขึ้น พร้อมๆ กับกางแผน EMILY’S On-tour ในปีนี้ โดยทุกๆ เดือนจะมีบูธ Pop-up ตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ อาทิ ขอนแก่น เชียงใหม่ โคราช เหตุผลหลักๆ ก็เพื่อเก็บฟีดแบ็กว่า ตรงไหนมีแนวโน้มให้การตอบรับดี แบรนด์ EMILY’S จะเลือกปักหมุดโลเกชันนั้นเป็นสาขาถัดไป
.
“ทุกธุรกิจจะไปได้ต้องมีลูกค้าเป็นหลัก ต่อให้ทำการตลาดดีแค่ไหน มีบุคลากรเก่งแค่ไหนแต่ไม่มีลูกค้าเราจะขายใคร เสียงเดียวที่ควรฟังคือลูกค้า คนเดียวที่ควรฟังฟีดแบ็กมากที่สุดคือเขา เพราะเขาคือคนที่ทดลองโปรดักต์เราจริงๆ ตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้เพ็บมีความจริงใจให้ลูกค้า 100% ไม่ว่าจะเป็นโปรดักต์หรือเวลาโฆษณาสินค้า เราพูดจากความจริงใจ เพ็บคิดว่า เขารู้สึกได้ มันเลยทำให้เรายังมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา ลูกค้ายังเชื่อเรา ให้ความไว้วางใจในสินค้าเราถึงทุกวันนี้ ตรงนี้สำคัญ”
.
ไปต่างจังหวัดไม่พอ ปีนี้ EMILY’S เตรียมชิมลางนอกประเทศที่ “สิงคโปร์” เป็นแห่งแรก “เพ็บ” บอกว่า ก่อนหน้านี้มีคนมาชวนไปลุยตลาดต่างประเทศค่อนข้างเยอะ ตนและพาร์ทเนอร์ตัดสินใจเลือกไปสิงคโปร์ก่อนในรูปแบบบูธ Pop-up เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมการกิน และดูว่า หากในอนาคตไปทำตลาดที่ต่างประเทศต้องปรับปรุงแก้ไขตรงไหนบ้าง โดยเป้าใหญ่ที่ตั้งไว้ คือภายใน 1-2 ปีหลังจากนี้ อยากพา EMILY’S ลุยต่างประเทศเป็นสเตปถัดไป
.
:: มีนักลงทุนมาจีบเรื่อยๆ เตรียมเปิดร้านนั่งกินชื่อ EMILY’S HOUSE ::
นอกจากเส้นหมี่ไก่ฉีก ไม่นานมานี้ EMILY’S เปิดตัวเมนูเครื่องดื่มเพิ่มเติม ได้แก่ ชาพีช ชาลิ้นจี่ และชานม ซึ่งทั้งหมดเป็นไลน์สินค้าเดิมจากร้านการชาที่ถูกหยิบมาต่อยอดในนาม EMILY’S อีกครั้ง และเร็วๆ นี้ “เพ็บ” และ “ภัทร์” เปิดเผยว่า กำลังซุ่มทำร้าน Dine-in หลังจากที่ลูกค้าได้รู้จักแบรนด์ผ่านกล่องเส้นหมี่มานาน จะเป็นการเปิดบ้านต้อนรับลูกค้าในรูปแบบร้านนั่งทานในชื่อ EMILY’S HOUSE
.
เมนูของ EMILY’S HOUSE มาในรูปแบบ All Day Dining ยืนพื้นด้วยเมนูเส้นหมี่ แต่องค์ประกอบโดยรอบจะต่างออกไป รสชาติทานง่ายไม่ซับซ้อน และยังเป็นการหยิบสูตรจากที่บ้านของเพ็บมาต่อยอดเหมือนเดิม ซึ่งร้าน EMILY’S HOUSE จะเปิดให้บริการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ปักหมุดโลเกชันใจกลางเมืองย่านทองหล่อ
.
แผนกางปีกและการเติบโตที่ก้าวกระโดด ทำให้มีนักลงทุนเข้ามารุมจีบ EMILY’S อยู่เรื่อยๆ ทั้งคู่บอกว่า ณ ตอนนี้ บริษัทอาจจะยังไม่พร้อม หากวันหนึ่งดีลเกิดขึ้นก็อยากให้เป็นพาร์ทเนอร์ที่มีมุมมองทัศนคติคล้ายกัน มีเป้าหมายและให้ความสำคัญเหมือนกัน เข้าใจจุดยืนของ EMILY’S ว่า ลูกค้าสำคัญที่สุดไม่ใช่ยอดขาย ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังมีนักลงทุนเข้ามาพูดคุยเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้