วิเคราะห์ศึก 3 ก๊ก เจ้าพ่อตลาดออนไลน์


 

ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีนี้

เหมือนคลื่นใหญ่ยักษ์ที่แผ่ขยาย
สร้างผลกระทบในวงกว้าง
กับตลาดค้าปลีกออนไลน์ของไทย
.
เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ที่กวาดผู้ประกอบการมากมายให้กลืนหายไป
ในทางกลับกัน ได้แผ้วถางพื้นที่สร้างผู้เล่นหน้าใหม่
ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก
หลายรายอาศัยความได้เปรียบ
เรื่องประสบการณ์และเงินทุนหนุนหลัง
ขยายอาณาจักรทางธุรกิจจนเติบโต
กลายเป็นเจ้าใหญ่ในตลาดค้าปลีกออนไลน์
อย่าง Lazada, Shopee และ 11Street
สามขาใหญ่ ที่กำลังเปิดศึกแย่งชิงความเป็นหนึ่ง
ในตลาดค้าปลีกออนไลน์ของประเทศไทย
.
ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2016
มีมูลค่า 2,560,103.36 ล้านบาท
มีแนวโน้มเติบโตประมาณ 10% ทุกปี
ส่วนหนึ่งมาจากการที่ไม่ว่า
ใครก็สามารถเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้ง่าย ๆ
แค่มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
แต่การจะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นนั้น
ต้องอาศัยแพลตฟอร์มหรือหน้าร้าน
ที่เข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากได้
ซึ่งหลัก ๆ ที่มีผู้ใช้บริการเยอะ
อันดับต้น ๆ ก็คือ Lazada, Shopee และ 11Street
ที่ต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันไป
แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
คือ การแย่งชิงทั้งผู้ประกอบการออนไลน์และผู้บริโภค
ที่ต้องการซื้อสินค้าให้มาเข้ามาอยู่ในระบบของตัวเองให้มากที่สุด
1.ค่าย Lazada…เป็นเว็บอีคอมเมิร์ซ
ที่ก่อตั้งโดยบริษัท Rocket Internet
เน้นขายของในประเทศกลุ่มอาเซียน
เป็น Marketplace ให้ผู้ประกอบการออนไลน์
เข้ามาขายของได้
ซึ่งมีการโหมโปรโมชัน ส่วนลดราคาต่าง ๆ
ทำให้ราคาสินค้าหลายรายการต่ำกว่าตลาด
.
แต่จุดขายหนึ่งที่ทำให้ Lazada ได้รับความนิยม
คือระบบเก็บเงินปลายทาง
ที่เข้ากับความต้องการของผู้ใช้
ที่ยังไม่เชื่อมั่นระบบตัดเงินจากบัตรเครดิตก่อนได้สินค้า
โดย Lazada มีการระดมทุนหลายครั้ง
จนล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
กลุ่ม Alibaba ได้เพิ่มการลงทุนใน Lazada
อีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
จนมีสัดส่วนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 51% เป็น 83%
เรียกว่าเกือบจะเป็นเจ้าของ Lazada เลยก็ว่าได้
2. ค่าย Shopee…เป็นตลาดซื้อของออนไลน์
ที่ให้คนมาเปิดร้านขายสินค้าได้เอง
โดยจุดขายคือไม่คิดค่าคอมมิชชั่นจากผู้ขาย
ซึ่ง Shopee เป็นบริษัทย่อยของ Sea หรือ Garena
บริษัทยูนิคอร์นสตาร์ทอัพชื่อดังในอาเซียน
ที่เพิ่งระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ทำให้ไม่แปลกที่บางครั้งซื้อของใน Shopee
จะได้ไอเทมในเกมอย่าง RoV เป็นของแถม
โดย Sea มีกลุ่ม Tencent จากจีนถือหุ้นอยู่มากถึง 39.8%
.
3.ค่าย 11Street..เป็นเว็บอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่รายล่าสุด
ที่เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทย
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท SK telecom
ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจากเกาหลีใต้
โดยให้บริการ Marketplace
เน้นขายสินค้านำเข้าจากประเทศเกาหลีเป็นหลัก
.
ทั้ง 3 ค่ายนี้ ถามว่าค่ายไหนคนใช้เยอะกว่ากัน
ค่าย Lazada เฉลี่ยมีผู้ใช้งาน 78 ล้านครั้งต่อวัน
ค่าย Shopee เฉลี่ย 10 ล้านครั้งต่อวัน
ค่าย 11Street เฉลี่ย 10 ล้านครั้งต่อวัน
จะเห็นว่าค่าย Lazada
มีขนาดใหญ่กว่าอีกสองค่ายเกือบแปดเท่า!!!
.
การทำการตลาดของทั้งสามค่าย
เดินหมากเหมือนกัน ก็คือยอมขาดทุน(ในช่วงแรก)
เพื่อเฉือนเนื้อเค้กให้มากที่สุด
ทำให้ไม่แปลก ที่ยิ่งยอดขายเยอะยิ่งขาดทุนแยะ
เพราะปัจจัยหลักในการดึงดูดผู้ใช้งาน
คือโปรโมชันราคา ที่ต้องทำให้ต่ำกว่าห้างค้าปลีกทั่วไป
รวมไปถึงต่ำกว่าคู่แข่งอื่น ๆ จนยอมเข้าเนื้อตัวเอง
ซึ่งผลประกอบการที่ผ่านมาของทั้งสามก๊กมีดังนี้
.
ค่าย Lazada
ปี 2557 รายได้ 1,629,176,028 บาท ขาดทุน 863,136,671 บาท
ปี 2558 รายได้ 3,197,015,820 บาท ขาดทุน 1,958,537,919 บาท
ปี 2559 รายได้ 4,266,984,549 บาท ขาดทุน 2,115,452,087 บาท
.
ค่าย Shopee
ปี 2558 รายได้ 8,787 บาท ขาดทุน 211,117,173 บาท
ปี 2559 รายได้ 56,606 บาท ขาดทุน 528,606,947 บาท
.
ค่าย 11Street
ปี 2559 รายได้ 1,461,638 บาท ขาดทุน 184,982,612 บาท
นี่คือตัวเลขจริงๆ จากการดำเนินธุรกิจ
จึงไม่เห็นข่าวว่าทั้ง 3 ค่าย
จะแจกโบนัสให้กับพนักงาน
.
จากผลขาดทุนสะสมของแต่ละบริษัท
ทำให้หลายคนอาจคิดว่า
เป็นการแข่งกันเรื่องสายป่านทางเงินทุนอย่างเดียว
ว่าใครจะยืดได้นานกว่า
.
แต่จริง ๆ แล้วแต่ละค่าย
ต่างมีแผนที่แตกต่างกันออกไป
แม้เป้าหมายหลักของแต่ละรายจะเหมือนกัน
คือการหาจุดคุ้มทุน (Breakeven Point)
เพื่อพลิกบัญชีจากขาดทุนเป็นมีกำไร
แต่เป้าหมายรองแตกต่างกันออกไป
.
ค่าย Lazada หลังจากทำ Marketplace
กับ SMEs รายย่อยจนเกือบถึงจุดอิ่มตัว
อาจกำลังปรับใหญ่กลับมาขายสินค้าเอง
รวมถึงจับมือกับเจ้าของแบรนด์สินค้าต่าง ๆ โดยตรง
อย่างเช่น ซัมซุง ยูนิลีเวอร์ Xiaomi 3M
เพื่อได้มาร์จิ้นที่ถูกขึ้น
และอาจจะทำ Affiliate Program
หรือทำตัวเป็น Search Engine
สำหรับการค้นหาของซื้อของขายโดยเฉพาะ
เหมือนอย่างที่บริษัทรุ่นพี่อย่าง Taobao.com
ที่ทำประสบความสำเร็จมาแล้ว
.
ค่าย Shopee ค่ายนี้ใช้เงินของ Sea บริษัทของ Garena
เจ้าตลาดเกมออนไลน์ในภูมิภาคนี้
ที่มีเกมดังอย่าง Leage of Legends, FIFA Online, RoV
ซึ่งเกมเหล่านี้สร้างรายได้มหาศาลเลี้ยงทั้งกลุ่ม
ในระยะสั้น Shopee จึงเดินเกมขาดทุน
ได้โดยไม่เดือดร้อนทางการเงิน
โดยเฉพาะการไม่คิดค่าคอมมิชชันจากผู้ขาย
ที่ดึงดูดผู้ประกอบการออนไลน์จำนวนมากเข้ามาอยู่ในระบบ
แต่สิ่งที่ต้องเร่งทำคือสร้าง Brand Royalty
ให้ผู้ใช้กลับมาซื้อซ้ำให้ได้
ซึ่งถ้าแนวโน้มที่ว่านี้ยังไม่เกิดขึ้น
มีความเป็นไปได้ที่ SEA อาจใช้มาตรการ
รัดเข็มขัด Shopee เพื่อลดความใช้จ่ายให้น้อยลงเรื่อย ๆ
.
ค่าย 11Street น้องใหม่จากเกาหลี
มีแผนระยะสั้นที่ดูเข้าใจง่ายสุด
คือปั้นแบรนด์ให่ดังและเกิด
แล้วหาผู้ลงทุนรายใหญ่มาซื้อให้ได้
โดยค่ายเล็กอย่าง 11Street
แม้จะมีบริษัทคมนาคมใหญ่จากเกาหลีหนุนหลัง
แต่สายป่านก็ไม่ได้ยาวมากอย่างสองเจ้าแรก
จึงอาจต้องหาผู้ลงทุนรายใหญ่ให้ได้ภายใน 3-4 ปี นี้
ไม่อย่างนั้นมีโอกาสที่จะเป็นค่ายแรก
ที่ล้มหายในสงครามครั้งนี้
เหมือนกรณีค่าย Ensogo ที่ล่มสลายไปแล้ว
.
สิ่งที่มีผลให้บริษัททั้งสาม
ถึงจุดคุ้มทุนเร็วขึ้นนั้น
อาจจะเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบ
การให้บริการของธนาคารในอนาคต
ที่อาจจะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ซื้อขายออนไลน์มากขึ้น
รวมถึงการเกิดเทคโนโลยี FinTech ใหม่ ๆ
ที่เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
ในการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์
ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ผลลัพธ์ของเกมนี้เร็วขึ้นอีกหลายเท่าตัว
.
กลุ่ม Alibaba พยายามเข้ามาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผ่านการเข้าซื้อหุ้น Lazada
แต่เส้นทางการครอบครองตลาดเอเซียน
ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เค้กก้อนนี้มีกลุ่มทุนอื่นหมายตาไว้เช่นกัน
ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
กลุ่มที่สนใจคือ Tencent จากจีน ของ โพนี่ หม่า
ซึ่งใช้ Sea เป็นตัวแทน
รวมไปการเข้ามาของ JD
บริษัทอีคอมเมิร์ซอันดับสองของจีน
ที่จับมือกับเครือเซ็นทรัลในการตีตลาดค้าปลีกออนไลน์ไทย
แน่นอนว่า JD ก็เป็นอีกหนึ่ง
ในพันธมิตรของ Tencent ที่ถือหุ้นอยู่ถึง 21.25%
และในเรื่องศึกระบบการชำระเงินออนไลน์
ค่าย Lazada dHมี Alipay หนุนหลัง
.
ส่วน Shopee ก็ไม่น้อยหน้า
ระบบการชำระเงิน มี Airpay
เป็นระบบการชำระเงินออนไลน์สนับสนุน
ที่สำคัญ AirPay ยังออกนวัตกรรมทางการเงิน
เอาใจคนไทยที่นิยมการมีเครดิต
อย่าง สินเชื่อ Turbo Cash
ที่ให้ผู้ประกอบการที่ผู้บัญชีไว้กับ AirPay เคาน์เตอร์,
AirPay Wallet และ ร้านค้า Shopee
สามารถกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
และไม่ต้องมีหลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกันอีกด้วย
.
ถามว่า แล้วในสมรภูมินี้
มีค่ายไทย อยู่ในสนามรบนี้มั๊ย
หลายคนอาจนึกถึง Tarad.com
แต่จริงๆ แล้วอาจไม่ใช่
ในไทยยังมีม้ามืดอย่าง Lnwshop
เว็บซื้อขายออนไลน์ของไทย
ที่มีจุดแข็งในการพัฒนาระบบหลังบ้านของตัวเอง
หรือจะเป็นน้องใหม่ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ได้
เพราะเทคโนโลยีสมัยนี้
เอื้อให้เกิด Startup รายใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
จนบางทีไป Disrupt ธุรกิจเดิม ๆ
ให้หายไปได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
.
แล้วหลังสงครามยุติ
ผู้ซื้อคนไทยจะได้ประโยชน์จริงหรือ?
ช่วงแรกนักช้อปชาวไทยอาจจะได้ประโยชน์
จากสินค้าราคาถูกที่เกิดจากการทุ่มตลาด
แต่ระยะยาวเมื่อผู้ประกอบการออนไลน์รายย่อย
ในประเทศที่สายป่านไม่ยาวพอ
ได้ปิดตัวหายไปจนไม่เหลือคู่แข่ง
ส่งผลกระทบในวงกว้างไปถึงภาคธุรกิจอื่น ๆ ในประเทศ
อย่างเช่นผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการ SMEs ต่าง ๆ
ที่มีความเป็นไปได้ที่จะถูกบีบจากเจ้าใหญ่
ที่เป็นผู้คุมช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งหมดไว้
จนสามารถผูกขาดสินค้า กำหนดราคาได้ตามใจชอบ
ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้เพราะประเทศไทย
เพราะยังไม่มีกฎหมายมาปกป้องการกระทำในลักษณะนี้
ถ้าปล่อยให้เจ้าใหญ่รายเดียว
ควบคุมตลาดอีคอมเมิร์ซทั้งหมดของประเทศไว้ได้
ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะได้ความเดือดร้อน
จากยักษ์ใหญ่จากบริษัทข้ามชาติ
ที่กลายมาเป็นทรราชกอบโกยกำไรคืน
จากผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
หลังจากยอมขาดทุนสะสมเป็นเวลานานก็เป็นได้
เฮ่ย! มันเป็นแบบนี้ได้ไงฟ่ะ
.
ChatTalks…คุยธุรกิจ คิดให้เป็น http://www.facebook.com/chatchaitalk http://www.chattalks.biz Tel.092-387-1241 , Line ID : ChatTalks Email : kittisak1241@yahoo.com

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต