เมื่อผู้จำหน่ายสินค้า กระโจนมาทำค้าปลีก
ตลาดค้าปลีกของบ้านเรา มีการสลับขั้วกัน
ระหว่างผู้ประกอบการค้าปลีกกับซัพพลายเออร์
มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ผู้เล่นที่เป็นเจ้าของของร้านค้าปลีก
มีการสวมหมวกอีกใบ
เป็นซัพพลายเออร์เจ้าของสินค้าเสียเอง
โดยนำสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ของตัวเองมาวางขาย
ทำกันหมดตั้งแต่บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส
หรือแม้แต่กลุ่มเซ็นทรัล
ที่นำเข้าสินค้าแฟชั่น และอื่นๆ
อีกมากมายมาวางขายผ่านร้านค้าปลีก
ในเครือของตัวเอง
.
ในทางกลับกัน ตอนนี้
เจ้าของสินค้ายักษ์ใหญ่ทั้งหลาย
ก็เริ่มขยับมาทำร้านค้าปลีกของตัวเอง
ข้อดีคือการเป็นช่องทางขายที่สำคัญ
ให้กับสินค้าของตัวเอง
และการทำร้านค้าปลีก
ทำให้ได้สัมผัสผู้บริโภคโดยตรง
สิ่งที่ได้กลับมาก็คือข้อมูล
ที่เป็นไลฟ์สไตล์การใช้สินค้าของผู้บริโภค
ซึ่งจำเป็นอย่างมากในการทำธุรกิจยุคใหม่
และถูกขับเคลื่อนเป็นบิ๊กดาต้า
ทำให้ไม่ต้องผลิตสินค้าแบบหว่านแหอีกต่อไป
.
ในอดีต…การผลิต เป็นหัวใจสำคัญ
เจ้าของสินค้าทุกรายต่างผลิตสินค้าจำนวนมาก
เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำสุด
แต่เมือผลิตออกมาแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องขาย
กลยุทธ์ 4P จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ
โดยเฉพาะ P ตัวที่ 3 การจัดจำหน่าย
ที่ยักษ์ใหญ่แทบทุกราย
มีการสร้างระบบจัดจำหน่ายของตัวเอง
เพื่อผลักดันให้สินค้าเข้าไปในทุกช่องทางขาย
เป็นการคอนโทรลช่องทางการจัดจำหน่าย
ให้อยู่ในมือของตัวเอง
.
แต่โลกการตลาดยุคใหม่
ยักษ์ใหญ่หลายรายกลับปรับตัว
กระโจนมาทำร้านจัดจำหน่ายเสียเอง
เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น
.
เริ่มจากกลุ่ม CP ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์
ที่คุมทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทุน จากวัตถุดิบ
ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย
สู่การสร้างแบรนด์สินค้า
และสุดท้ายคือทำร้านค้าปลีก
เพื่อเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญ
ในการเป็นช่องทางขายสินค้าในเครือทั้งหมด
.
ร้านค้าปลีกของเครือซีพี
ส่วนหนึ่งจะมาพร้อมบทบาท
การเป็นซัพพลายเออร์ของตัวเอง
โดยกลุ่มซีพีมีการแตกบริษัทลูก
เข้ามาทำหน้าที่ในการผลิตสินค้า
เพื่อป้อนให้กับร้านค้าปลีกที่ลงทุน
อาทิ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น
ที่มีซัพพลายเออร์เป็นส่วนหนึ่งธุรกิจในเครือ
อาทิ ซีพีแรม และซีพีเอฟ ฯลฯ
.
นอกจากนั้นแล้ว เครือ CP ยังมีร้านอื่นๆ อีก
เช่น ซีพี เฟรชมาร์ท, คีย์ออสขายไก่ย่าง 5 ดาว
หรือร้านเชสเตอร์ กริลล์
ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นช่องทางขายที่สำคัญ
ในการขายสินค้าให้กับกลุ่มซีพีได้เป็นอย่างดี
.
ไม่เพียงเท่านั้น เครือซีพี ยังมีแม็คโคร
ที่มีเครือข่ายกระจายทั่วประเทศ
โดยมีฟอร์แมตที่หลากหลาย
โดยเฉพาะกับแม็คโคร ฟู้ดเซอร์วิส
ที่เจาะกลุ่มร้านอาหารและโรงแรม
อย่างยากที่จะปฏิเสธเงื่อนไข
.
ล่าสุด กลุ่มนี้ได้เข้าไปป๊ะมูล
ได้ห้าง LOTUS มาบริหารอีกแบรนด์
ทำให้กลุ่มนี้ มีศักยภาพในระบบจำหน่ายมาก
.
ทีนี่มาดูอีกยักษ์ ในภาคค้าปลีก
ของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี กันบ้าง
กลุ่มนี้ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC คือหมากเด็ด
มีโมเดลในการเข้าตลาดค้าปลีกอย่างชัดเจน
โดยจะลงทุนทั้งในประเทศ
และขยายไปต่างประเทศด้วย
.
BJC เริ่มต้นสู่ตลาดค้าปลีกที่ประเทศเวียดนาม
เปิดร้าน บี มาร์ท (B's Mart)
โดยเข้าไปซื้อกิจการจากจัดจำหน่าย 2 ราย
คือ ไทยคอร์ป และ ภูไท กรุ๊ป จอยส์ สต็อกฯ
ส่วนในไทย คือ การซื้อ Big C เมื่อเร็วๆ นี้
Big C มีฟอร์แมทร้านค้าที่หลากหลาย
ทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต, ซูเปอร์มาร์เก็ต
และคอนวีเนียนสโตร์
.
ขนาดธุรกิจของ Big C ค่อนข้างใหญ่
มียอดขายระดับแสนล้านบาทต่อปี
ทำให้ BJC ขยับขึ้นมาค้าปลีกรายใหญ่
และ Big C จะถูกวางไว้ให้เป็นหัวหอก
ในการขยายฐานออกไปทั่วอาเซียน เร็วๆ นี้
.
มาดูอีกยักษ์ ที่เพิ่งกระโดดลงมาหมาดๆ
คือ “เครือสหพัฒน์” กับ “ลอว์สัน 108”
ด้วยเหตุผลของการเป็นบริษัทขนาดใหญ่
ที่มีธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ
การแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆ ของเครือสหพัฒน์
การเข้ามาสู่ธุรกิจค้าปลีกแบบเต็มตัว
จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองไม่น้อย
.
ก่อนหน้านั้น เครือสหพัฒน์
เคยลงทุนร้านค้าปลีกของตัวเอง
ภายใต้ชื่อ “ร้าน 108 ช็อป”
ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกคอนวีเนียนสโตร์
และยังมีการเปิดช็อปแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำ
ในเครืออีกด้วย
.
นอกจากร้านคอนวีเนียนสโตร์แล้ว
เครือสหพัฒน์ยังมีการขยายฐานธุรกิจ
ในร้านค้าปลีกเพอร์ซันนั่ลแคร์และดรักสโตร์
โดยสร้างร้านซูรูฮะ ซูเปอร์ ดรักสโตร์ ในประเทศไทย
.
จากกลยุทธ์ ที่ยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ค่ายทำ
คือการเพิ่มอำนาจการต่อรองให้เพิ่มขึ้น
แม้ผู้ประกอบการค้าปลีกเอง
จะพยายามทำตลาดในรูปแบบ
ของการจับมือร่วมกับซัพพลายเออร์มากขึ้น
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงผลกระทบ
ที่จะเกิดขึ้นกับสินค้าที่ไม่ใช่แบรนด์หลักๆ
ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ที่จะโดนบีบพื้นที่
ของตัวเองให้เหลือน้อยลงเรื่อยๆ
.
สิ่งเหล่านี้ทำให้ซัพพลายเออร์
พยายามที่จะหากลวิธีต่างๆ เข้ามา
เพื่อบาลานซ์อำนาจการต่อรอง
แนวทางแรก...การไล่ซื้อแบรนด์ต่างๆ
เข้ามาเพิ่มใน Portfolio
เป็นแนวทางที่ซัพพลายเออร์
ยักษ์ใหญ่ระดับโลกนิยมทำ
อาทิ ค่ายพีแอนด์จี
ที่ไล่ซื้อแบรนด์ต่างๆ มากมาย
.
แนวทางที่ 2...กลยุทธ์การตลาด
เพื่อสร้างให้แบรนด์ขอวตน
ให้ก้าวขึ้นมาติดอันดับ 1 - 3
เพื่อให้เกิดความต้องการจากลูกค้า
สิ่งนี้จะทำได้ ต้องมีระบบการกระจายสินค้าที่ดี
เพื่อลดโอกาสที่สินค้าจะขาดหายไปจากเชลฟ์
ถ้าสินค้าขาด อาจเกิดการเปลี่ยนแบรนด์ได้
.
แนวทางที่ 3...ทำหน้าที่เป็นร้านค้าปลีก หรือทำตัวเป็นรีเทลเลอร์เอง
ซึ่งเป็ยแนวทางที่ทั้ง 3 ค่าย กำลังทำอยู่
เพราะนอกจากการมีช่องทาง
ในการขายสินค้าของตัวเองแล้ว
สิ่งที่ตามมายังมีอีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้
จากธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
หรือการสัมผัสกับผู้บริโภคโดยตรง
ทำให้ได้ข้อมูลที่พฤติกรรมของผู้บริโภค
ที่สามารถอัพเดทได้แบบเรียลไทม์
.
นี่คือแนวทางการเข้ามาทำธุรกิจค้าปลีก
ของซัพพลายเออร์รายใหญ่ๆ
ที่จะปรับทิศทางมาแบบนี้มากขึ้น
และถูกบรรจุเป็นยุทธศาสตร์หนึ่ง
ในการสร้างการเติบโตในระยะยาวนั่นเอง
.
ChatTalks…คุยธุรกิจ คิดให้เป็น
www chattalks.info
www.facebook.com/chatchaitalk
Tel.092-387-1241 , Line ID : ChatTalks
Email : kittisak1241@yahoo.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้