‘แจ็ค แอนด์ จิล’ เทงบติดท็อป 3 เร่งโต 30 ปี ชิงตลาดขนมขบเคี้ยว 7.4 หมื่นล้านบาท

ตลาดขนมขบเคี้ยว ตลอดจนบิสกิต คุกกี้ และเวเฟอร์ ถือว่ามีผู้เล่นรายใหญ่มากมาย ทั้งแบรนด์ไทย แบรนด์ระดับภูมิภาค และแบรนด์โลก

“ยูอาร์ซี” เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญ ที่มีฐานทัพธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์มากว่า 4 ทศวรรษ ส่วนตลาดในประเทศไทย ปักหมุดไว้ 30 ปี มี “แจ็ค แอนด์ จิล”(Jack ‘n Jill) แบรนด์หัวหอกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค

สำหรับสินค้าในพอร์ตโฟลิโอของ แจ็ค แอนด์ จิล ถือว่าหลากหลาย เช่น ฟันโอ, ทิวลี่, โรลเลอร์ โคสเตอร์, โลซาน, ดิวเบอร์รี่, ไดนาไมท์ ฯ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหนีไม่พ้นกลุ่มเด็ก วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ เมื่อแบรนด์เดินทางครบ 30 ปี ยังวางหมากรบสร้างการเติบโตในทศวรรษใหม่ต่อเนื่อง

ฐานันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย ลาว และกัมพูชา และรองประธาน บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพว่า เป็นเวลากว่า 30 ปีที่ แจ็ค แอนด์ จิล มุ่งมั่นนำเสนอสินค้าเข้าสู่ตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย ปัจจุบันเครือมีสินค้าในพอร์ตโฟลิโอมากกว่า 15 แบรนด์ ใน 5 หมวดสินค้า ได้แก่ บิสกิต, เวเฟอร์, ขนมขบเคี้ยว, เค้ก และลูกอม ขณะที่ผลิตภัณฑ์เรือธงในกลุ่มบิสกิต และเวเฟอร์อันดับยืนหนึ่งในตลาดอย่างแข็งแกร่งคือ “ฟันโอ” และ “ทิวลี่”

สถานการณ์ตลาดขนมขบเคี้ยว บิสกิตฯ ในประเทศไทยปี 2565 มีมูลค่าตลาดถึง 74,000 ล้านบาท การฟื้นตัวของตลาด สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวที่ขยายตัว กลับมาคึกคัก รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ออกมาปลดปล่อยไลฟ์สไตล์ ใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น จึงคาดการณ์ภาพรวมปี 2566 จะปรับตัวดีขึ้น

เมื่อตลาดมีแนวโน้มที่ดี ประกอบกับยูอาร์ซีเดินทางเติบโตมา 3 ทศวรรษ จึงลุยทำตลาดเต็มสูบ ผลักดันการเติบโต

ปีนี้บริษัททุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท เพื่อทำแคมเปญและสื่อสารการตลาดแบบ 360 องศา ซึ่งการใช้เงินก้อนโต ยังทำให้ติด “ท็อป 3” ในกลุ่มขนมขบเคี้ยวที่เปย์งบโฆษณาสูงสุดด้วย

ส่วนการทำตลาดเพื่อเสริมแกร่งแบรนด์ และเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ได้ชูกลยุทธ์การใช้ชีวิต มันส์ สนุก ตามสโลแกน “Life is Fun” มีการออกสินค้าที่มีนวัตกรรม สร้างสีสัน เช่น ที่ผ่านมาออก ฟันโอสแควร์, โรลเลอร์โคสเตอร์ จัมโบ้ แบบแผ่นเรียบ , ทิวลี่xฟันโอ รวมถึงผนึกพันธมิตรเอาใจสาวกทั้ง 2 แบรนด์ขยายฐานลูกค้าด้วย เช่น การ Collabs : X “ทิวลี่xโอวัลติน” และโรลเลอร์โคสเตอร์xบาร์บีคิว พลาซ่า เป็นต้น

เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี แจ็ค แอนด์ จิล ได้พัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง พร้อมทุ่มงบประมาณทางการตลาดทำแคมเปญอัดแน่นตลอด 12 เดือน ผ่านช่องทางหลักคือสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เนื่องจากสอดคล้องพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ เจนซี(GenZ)ในการเสพสื่อ”

นอกจากทำตลาดขนมขบเคี้ยว บิสกิต เวเฟอร์ฯ ให้เติบโต ครึ่งปีหลัง บริษัทยังมองการขยายตลาดสู่สินค้าสุขภาพ ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นด้วย จึงเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ที่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ อย่าง “เล็คซัส (Lexus)” และ “โอ๊ตครันชน์ (Oat Krunch)” มาเสิร์ฟลูกค้า

จากแผนงานดังกล่าว บริษัทคาดการณ์ผลประกอบการจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-12% ขณะที่ปี 2565 ยอดขายเติบโต 10% จากปี 2564

“ภาพรวมตลาดขนมขบเคี้ยวปีนี้น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากปัจจัยบวกหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวฟื้น ผู้เล่นรายใหม่ออกสินค้าเข้ามาช่วยกระตุ้นให้ตลาดคึกคักและเติบโต”

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

สงครามร้านชานมไข่มุกพลิกสู่บลูโอเชี่ยน! ‘แบร์เฮาส์’ ผุด 109 สาขา ปี 71

‘HAAB’ ขายขนมไข่เดือนละ ‘3 ล้านชิ้น’ เปิดร้านมา 1 ปี เตรียมบุก ‘มาเลเซีย’ เป็นประเทศแรก

ลอรีอัล ปารีส พา “ณิชา” บินลัดฟ้าสร้างปรากฎการณ์ Walk Your Worth โชว์บนรันเวย์สุดอลังการ ใจกลางหอไอเฟล ณ กรุงปารีส

เมื่อคนใส่กางเกงยีนส์ กลายเป็นคนมี Creative Looking

มิติใหม่แห่งการเสพสื่อ เรื่องแบบนี้คุณต้องรู้