“คลัง” ออกประกาศหั่นภาษีนำเข้า BEV เงื้อนไขสูงสุด 0% มีผล 1 ม.ค.67
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลัง ลดภาษีนำเข้า BEV หนุนมาตรการ EV 3.5 สำหรับรถราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท ระบุ เงื่อนไขสูงสุดภาษีเป็น 0 มีผล 1 ม.ค.67 “บีโอไอ” ทยอยชี้แจงค่ายรถ มั่นใจมาตรการภาษี หนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
มาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าระยะแรก
(EV 3) ที่เริ่มปี 2565
ส่งผลกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเต็มที่ทำให้ยอดจดทะเบียนรถใหม่เติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.2566 อยู่ที่ 67,056 คัน เพิ่มขึ้น 7.9 เท่า
เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว
ล่าสุดรัฐบาลประกาศ
“มาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่
2” หรือ EV
3.5 ในช่วงเวลา 4 ปี (2567-2570) โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่เดือน
ม.ค.2567 เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวต่อเนื่อง
และผลักดันไทยก้าวสู่การเป็นฐานผลิตชั้นนำของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล
กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจว่า
กระทรวงการคลังได้ออกประกาศที่เกี่ยวข้องกับมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่ 2
(EV 3.5) ตามที่คณะรัฐมนตรี
(ครม.) ให้ความเห็นชอบ โดยได้ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่นำเข้ามาทั้งคันเพื่อประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ
“สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(บีโอไอ) ได้ชี้แจงให้ผู้ประกอบการรถยนต์เป็นที่เรียบร้อย
เพื่อให้เข้าใจสิทธิประโยชน์เงินอุดหนุน การลดภาษีสรรพสามิตและภาษีนำเข้า” แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว
ลงนามโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ณ วันที่
28 ธ.ค.2566 รวมทั้งประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 29 ธ.ค.2566
และมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.2567
ประกาศดังกล่าวกำหนดให้รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป
หมายถึงรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10
คนแบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (Battery Electic Vehicle : BEV) ที่ประกอบสำเร็จรูปและนำเข้ามาทั้งคัน (Completely
Built Up : CBU)
ทั้งนี้
กำหนดให้ลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรสำหรับ BEV สำเร็จรูปที่มีราคาชายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท
ที่นำเข้าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2568 รวม 2 ปี โดยมีเงื่อนไข
ดังนี้
ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรี
(FTA) แล้ว
ยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระไม่เกิน 40% ให้ได้รับการยกเว้นอากร
ผู้นำของเข้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้
FTA แล้วยังมีอัตราอากรที่ต้องชำระมากกว่า
40% ให้ได้รับการลดอัตราอากรลงอีก 40%
ผู้นำของเข้าที่ไม่ใด้ใช้สิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรี
ให้ได้รับการลดอัตราอากรลงเหลือ 40%
นอกจากนี้
กระทรวงการคลังกำหนดเงื่อนไขให้การลตอัตราอากรหรือยกว้นอากรดักล่าวผู้นำของเข้าต้องแสตงหนังสือรับรองการแสดงการได้รับสิทธิจากกรมสรรพสามิต
รวมทั้งกรณีที่ผู้นำเข้าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไซที่กรมสรรพสามิตกำหนด
และกรมสรรพสามิตได้แจ้งเพิกถอนหนังสือรับรองการแสดงการได้รับสิทธิสำหรับของใดกับกรมศุลกากรแล้ว
ให้ถือว่าของนั้นไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรตามประกาศนี้ตั้งแต่วันนำชองเข้า
และผู้นำของเข้ามีหน้าที่ต้องแจ้งขอชำระค่าภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องภายใน
30 วันนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนสิทธิ
รวมทั้งต้องชำระค่าภาษีอากรให้เสร็จสิ้นภายใน 30
วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจำนวนเงินคำภาษีอากร
แต่ไม่ถูกตัดสิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรในการลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรตาม FTA
ที่ได้ยื่นไว้ในขณะนำของเข้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้