‘เจ้าสัว’ ขนมขบเคี้ยวไทย รุกคนรุ่นใหม่ สู้สมรภูมิตลาดสแน็ค 4 หมื่นล้าน

ส่องสมรภูมิตลาดสแน็คไทยปี 2567 มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท แบรนด์ต้องเร่งปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญ เพื่อให้รับมือกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังซื้อยังคงตรึงตัว และลูกค้าในประเทศยังระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างสูง ทำให้เห็นเทรนด์การนำเสนอสินค้าให้สอดคล้องกับแต่ละช่องทาง พร้อมรุกทำตลาดผ่านออนไลน์ ที่เป็นน่านน้ำที่เติบโตแรงเสมอ

แบรนด์ “เจ้าสัว” สแน็คของประเทศไทย ที่อยู่ในตลาดไทยมากว่า 65 ปีแล้ว เข้ามาบุกเบิกตลาดสแน็คในกลุ่มใหม่กับข้าวตัง ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พร้อมสร้างสินค้าติดตลาด ด้วยสินค้ายอดนิยมกับ ข้าวตังรสดั้งเดิม รองลงมา น้ำพริกเผา และกุ้ง สาหร่าย พร้อมรุกการตลาดในปีนี้อย่างเข้มข้นตลอดทั้งปี

“ณภัทร โมรินทร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและทำตลาดขนมข้าวตัง “เจ้าสัว” ฉายภาพตลาดสแน็คในประเทศไทยปี 2567 มีมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะขยายตัว 5% ใกล้เคียงกับปีก่อน สอดรับกับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไทยที่กลุ่มลูกค้าในประเทศต่างระมัดระวังในการใช้จ่ายเลือกซื้อสินค้าต่างๆ โดยจากตลาดสแน็คมีขนาดใหญ่ ส่งผลให้ตลาดสแน็คในเช็ดเมนต์ใหม่ๆ มีการขยายตัวสูง สะท้อนจาก สแน็คในกลุ่มข้าวตัง มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 10%

จากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซื้อในประเทศยังคงตรึงตัว โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด ทำให้บริษัทได้วางกลยุทธ์ขององค์กรนำเสนอสินค้าให้เหมาะสมกับช่องทางการทำตลาดทั้ง สำหรับช่องทางออฟไลน์ เตรียมแผนเพิ่มผ่านร้านค้าแบบดั้งเดิม (เทรดดิชั่นนอลเทรด) ให้ครอบคลุมจำนวน 2 หมื่นร้านค้าภายในสิ้นปีนี้ จากในปัจจุบันมีช่องทางรวม 8,000 ร้านค้า พร้อมนำเสนอสินค้าราคา 20 บาทผ่านช่องทางนี้ และมุ่งภาพลักษณ์ของสินค้าที่มีความคุ้มค่าและสะดวกในการรับประทาน

สำหรับช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ได้นำเสนอสินค้าให้มีความหลากหลาย ตั้งแต่ราคา 20 – 60 บาท โดยช่องทางนี้มีฐานลูกค้าหลักจากต่างชาติ ต่างนิยมให้ความสนใจกับสินค้าสแน็คของประเทศไทยและเป็นของฝากที่นิยมซื้อกลับประเทศ

พร้อมกันนี้ได้เตรียมงบการตลาดในปีนี้ประมาณ 70 ล้านบาท เดินหน้าจัดทำแคมเปญใหม่ “Taste The Truth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ” เพื่อร่วมกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจน Z ให้สนใจเข้ามาชิมขนมข้าวตังเจ้าสัว มุ่งสร้างการรับรู้ใหม่ว่าเป็น สแน็คที่มีประโยชน์ทางโภชนาการ และได้สื่อสารการตลาดผ่านการดึง “เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข” มาร่วมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อร่วมตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าไปสู่กลุ่มเป้าหมาย ที่ อีกทั้งได้รุกทำตลาดผ่านออนไลน์มากขึ้น เพื่อทำให้ลูกค้าสนใจในแบรนด์ และดึงอินฟลูเอนเซอร์มาร่วมขยายฐานกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มความใกล้ชิดกับแบรนด์สินค้า ร่วมตอกย้ำการเป็นสแน็คที่สามารถทานได้ในทุกวัน

รุกสยายปีกส่งออก จีน สหรัฐ เกาหลีใต้

นอกจากการขยายตลาดในประเทศแล้ว ยังวางแผนบุกตลาดส่งออกควบคู่กัน ทั้งการรุกตลาดในประเทศจีน สหรัฐ และเกาหลีใต้ นับเป็นสามตลาดที่มีความสำคัญและมีขนาดใหญ่ ผ่านการมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าในแต่ละตลาด พร้อมชูภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เป็นสแน็คจากประเทศไทย

โดยจากที่ผ่านมาสินค้านำไปทำตลาดและได้รับผลตอบรับดีต่อเนื่อง ภาพรวมบริษัทมีการส่งออกไปใน 12 ประเทศทั่วโลก

เราเห็นตลาดสแน็คของไทย มีเชกเมนต์ใหม่อย่างสาหร่าย สามารถขยายตัวและเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้แบรนด์จะมุ่งสร้างเชกเมนต์ใหม่นี้ให้แข็งแกร่งและขยายตัวมากขึ้น

เล็งลงทุนใหม่ 300 ล้านบาทเพิ่มกำลังการผลิต

อีกทั้งบริษัทได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาที่ระดับ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมดแล้ว จากในปีก่อนมีกำลังการผลิต 60% เพื่อรองรับการขยายตลาดส่งออก ทำให้ประเมินว่าภายในสองปีนับจากนี้ จะต้องมีการลงทุนใหม่ 300 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่จังหวัดนครราชสีมา รองรับการขยายตลาดส่งออกใหม่ในอนาคต

ทั้งนี้จากแผนการขยายธุรกิจและการรุกตลาด เพิ่มช่องทางกระจายสินค้าและขยายกลุ่มเป้าหมาย จะผลักดันทำให้บริษัท สร้างผลประกอบการรวมเติบโต 15% จากปีก่อน ที่มียอดขายรวมประมาณ 1,500 ล้านบาท

ในปัจจุบันแบรนด์เจ้าสัว ครองผู้นำตลาด สแน็คกลุ่มข้าวตังที่ 78.5% ในปีก่อน ส่วน ขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู มีส่วนแบ่งการตลาด 57.2% สำหรับช่องทางการขาย จะมาจาก ตลาดโมเดิร์นเทรด 37% ช่องทางเทรดดิชั่นนอลเทรด 30% และส่งออก 27%

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต