จาก City Branding ‘อัตลักษณ์ใหม่ กทม.’ ส่องกรณีศึกษา ‘ปั้นแบรนด์กรุงโซล’ สุดปัง พร้อมหาคำตอบ ทำไมเมืองต้องสร้างแบรนด์?

กระแสแรงข้ามคืน เมื่อ กทม. ติดตั้งป้ายสติกเกอร์ดีไซน์ใหม่ ระบุข้อความว่า “กรุงเทพฯ Bangkok” ทดแทนของเดิม “Bangkok City of life” บน Sky Walk แยกปทุมวัน บริเวณหน้าหอศิลปฯ เชื่อมต่อ BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-สถานีสยาม ซึ่งหลังจากเผยแพร่ในโลกออนไลน์ออกไปไม่นานก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นในสังคม มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยบางความเห็นระบุว่า “ชอบป้ายเดิมมากกว่า” อีกทั้งยังเกิดการแชร์ข้อมูลว่าป้ายสติกเกอร์ดังกล่าว กทม. จ้างทำในราคาสูงถึง 3 ล้านบาท
.
อย่างไรก็ตาม ทาง กทม. ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน จริงๆ แล้ว กทม. ไม่ได้ทำแค่ป้ายสติกเกอร์ใหม่ แต่เป็นการดำเนินงานในโครงการ กำหนดอัตลักษณ์และภาพลักษณ์หลักของกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้าง CI (Corporate Identity) และ Branding ใหม่ของ กทม. ทั้งเมือง ใช้สำหรับจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้มีความชัดเจน มีเอกลักษณ์เหมาะสม มีมาตรฐานสากล และมีความเป็นเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2566 แล้ว ในวงเงิน 2,952,600 บาท ครอบคลุมงาน 11 ประเภท โดยหนึ่งในนั้นก็คือป้ายสติกเกอร์ชิ้นนี้นั่นเอง
.
จริงๆ แล้ว การทำ City Branding ไม่ใช่เรื่องใหม่ แถมหลายเมืองใหญ่ทั่วโลกก็ทำกัน โดยวัตถุประสงค์หลักของการสร้างแบรนด์ให้กับเมือง ก็เพื่อทำให้เมืองเป็นที่น่าสนใจ ทั้งในสายตาของนักท่องเที่ยว นักลงทุน หรือแม้แต่คนในประเทศเองก็ตาม โดยใช้กลยุทธ์การสื่อสารอัตลักษณ์ของเมืองให้โดดเด่น ผ่านสัญลักษณ์​ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ศิลปะ สโลแกน ฯลฯ ซึ่งก็จะช่วยดึงดูดเม็ดเงิน และกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองนั้นให้เติบโตมากขึ้น
.
ยกตัวอย่างเมืองที่ทำ City Branding ได้อย่างน่าสนใจก็คือ “กรุงโซล” ของเกาหลีใต้ ที่เพิ่งจะรีแบรนด์ใหม่ไปไม่นานเมื่อกลางปี 2566 ที่ผ่านมา ว่ากันว่าการรีแบรนด์ใหม่ครั้งนี้ จะทำให้กรุงโซลก้าวขึ้นสู่ Top 5 เมืองชั้นนำระดับโลก
.
รัฐบาลกรุงโซล (SMG) เปิดเผยถึงการทำ City Branding ใหม่ของเมือง โดยนำเสนอสโลแกนใหม่ว่า “Seoul, My Soul” (โซล จิตวิญญาณของฉัน) รวมถึงมีการออกแบบโลโก้เมืองโซลรูปแบบใหม่ ที่สื่อถึงเอกลักษณ์และความคิดสร้างสรรค์ของเมือง
.
ทั้งนี้ ทางการกรุงโซลได้เปิดโอกาสให้ชาวเมืองร่วมกันนำเสนอไอเดียการตั้งสโลแกนใหม่ของเมือง และมีการโหวตทางโทรศัพท์ โดยเริ่มเปิดรับความคิดเห็นสาธารณะเดือนสิงหาคม 2565 จากนั้นก็มีการสำรวจความพึงพอใจในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2566
.
จากสโลแกนที่ส่งเข้ามาทั้งหมดผลปรากฏว่า สโลแกน “Seoul, My Soul” ชนะโหวตไปด้วยคะแนน 63.1% ทั้งนี้ มีคำบรรยายประกอบสโลกแกนด้วยว่า “โซลเป็นเมืองที่มีศูนย์กลางอยู่ที่พลเมือง และความเป็นพลเมืองโดยรวมจะสร้างกรุงโซลที่ดีขึ้น”
.
ส่วนการออกแบบโลโก้ใหม่ของเมือง พบว่ามีองค์ประกอบสัญลักษณ์สีสันสดใส 3 รูป ได้แก่ “หัวใจ” ตัวแทนของความรัก สื่อถึงเมืองแห่งความรักที่รวบรวมผู้คนมารวมกัน, “เครื่องหมายอัศเจรีย์” ตัวแทนของแรงบันดาลใจ สื่อถึงเมืองแห่งแรงบันดาลใจที่มอบประสบการณ์ใหม่ๆ , “หน้ายิ้ม” ตัวแทนของความสนุก สื่อถึงเมืองแห่งความสนุกสนานที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล ซึ่งรูปสัญลักษณ์เหล่านี้สื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมาพอที่จะเอาชนะอุปสรรคทางภาษาได้
.
#CityBranding #อัตลักษณ์ใหม่กทม. #ปั้นแบรนด์กรุงโซล #กรุงเทพฯBangkok #SkyWalk
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจSoftPower

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต