ปรับโฉมใหญ่ เซ็นทรัล มารีนา สู่เอาต์เล็ตใหญ่สุดในภาคตะวันออก ดึงทัวริสต์
เซ็นทรัลพัฒนา รุกหนักเมืองท่องเที่ยว “พัทยา” ปรับโฉมรีเทล “เซ็นทรัล มารีนา” สู่ “เซ็นทรัล มารีนา เอาต์เล็ต” พัทยา แห่งใหม่ ใหญ่สุดในภาคตะวันออก ดึง 100 แบรนด์มาเปิดเต็มพื้นที่ วางหมุดหมายใหม่นักช้อปทั่วโลก คาดเพิ่มยอดทราฟฟิกได้ถึง 3-3.5 หมื่นคนต่อวัน
.
การเคลื่อนทัพธุรกิจค้าปลีกของเซ็นทรัลพัฒนาในช่วงปลายปีนี้ กับการรุกตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างเมือง “พัทยา” ที่ขึ้นแท่นสู่เมืองท่องเที่ยวสำคัญในโลก ได้มีการปรับโฉมใหญ่ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล มารีน่า ไปสู่การทำ “เซ็นทรัล มารีนา เอาต์เล็ต” แห่งใหม่ ที่มีขนาดใหญ่สุดในตะวันออก
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับโฉมครั้งใหญ่สู่ “เซ็นทรัล มารีนา เอาต์เล็ต” ได้วางให้เป็นแม็กเน็ตแห่งใหม่ของเมือง ในการร่วมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมเป็นจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งที่ทุกคนต้องมาเยือน
.
สำหรับ “เซ็นทรัล มารีนา เอาต์เล็ต” ได้มุ่งออกแบบใน Theme outlet ในสไตล์ Beach vibes สอดคล้องกับเมืองพัทยา พร้อมจัดทำจุดถ่ายรูปทั่วพื้นที่ และมีการจัดทำไนท์มาร์เก็ต รวมสตรีทฟู้ดดังท้องถิ่นและร้านค้าต่างๆ กว่า 100 ร้าน การจัดโชว์พิเศษที่หมุนเวียนตลอดทั้งเดือน
.
สำหรับแบรนด์ดังต่างๆ มีจำนวน 100 ร้านค้า อาทิ Nike Factory Store แห่งแรกในพัทยา, Adidas Outlet มีขนาดใหญ่สุดในภาคตะวันออก, Puma Outlet ใหญ่สุดในภาคตะวันออก, Skechers Outlet มีขนาดใหญ่สุดในพัทยา, Supersports Factory Store มาเป็นครั้งแรกในภาคตะวันออก, Pan & Arena Outlet Flagship Store แห่งแรกในภาคตะวันออก, Naraya แห่งเดียวในภาคตะวันออก โดยทั้งหมดได้เปิดในเดือน พ.ย.2567 ส่วน New Balance Outlet แห่งแรกในพัทยา มีแผนเปิดปี 2568
ทั้งนี้การปรับโฉมใหญ่ของรีเทลมาจาก เนื่องจาก พัทยา ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่กว่า 5 ล้านคน ขึ้นแท่นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และที่ผ่านมาได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในโลกประจำปี 2023 (The Most Visited Cities in the World) อันดับที่ 15 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนกว่า 9.44 ล้านคน
.
อีกทั้งศักยภาพของจังหวัดชลบุรี มีความแข็งแกร่ง ทั้งกลุ่มครอบครัวที่มีกำลังซื้อสูง โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน รายงานในปี 2566 จ.ชลบุรี มีโรงเรียนนานาชาติรวม 13 แห่ง มากที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ รวมถึงมีค่าเทอมแต่ละโรงเรียน เฉลี่ยต่อเทอมประมาณ 8 หมื่น จนถึง 6.5 แสนบาท หรือประมาณ 2.5 แสนบาท จนถึง 2 ล้านบาทต่อปี ส่วนภาพรวมจังหวัดชลบุรีมี จีพีพี รวมประมาณ 1.1 ล้านบาท
.
ทางด้านระบบการเดินทาง ถือเป็นจังหวัดที่มีเมกะโปรเจกต์ภาครัฐหลายโครงการ การ อาทิ รถไฟฟ้าโมโนเรล 3 สาย เมืองพัทยา (สายสีเขียว-สายสีแดง-สายสีม่วง), โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ทั้งหมด สามารถรองรับผู้โดยสารได้รวมกันถึง 200 ล้านคนต่อปี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้