จากยอดขายหลักร้อย สู่อาณาจักรพันล้าน! ‘ไพลิน’ เคลื่อน มัลตี้ บิวตี้ สู่ 10 ปี
อีก 3 ปี “ไพลิน” กับบทบาทแม่ทัพในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัลตี้ บิวตี้ จำกัด จะนำพาอาณาจักรธุรกิจขนาดย่อมของตัวเองภายใต้ร้านค้าปลีกความงาม “มัลตี้ บิวตี้” ทะยานยอดขายแตะ 1,000 ล้านบาท พร้อมกับภารกิจสร้างแบรนด์ให้เป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภคหรือ Top of Mind
.
:: จากงานอดิเรก สู่ธุรกิจร้อยล้าน! ::
“ไพลิน” เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจ ความตั้งใจใหญ่คือต้องการลาออกจากงานเพื่อสวมบทบาทคุณแม่เต็มตัว พร้อมๆกับทำมาค้าขายไปพร้อมๆกัน จึงเลือกเปิดร้านขายสินค้าความงาม เครื่องสำอางเล็กๆ ที่ลิโด้ เมื่อ 7 ปีก่อน บนพื้นที่ 12 ตารางเมตร(ตร.ม.) เท่านั้น และมีสินค้าเพียง 4-5 แบรนด์ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า แต่มีจุดยืนหรือ Positioning ที่ชัดเจนในการชูแบรนด์เกาหลีเกาะกระแส K-Beauty ที่มาแรงในขณะนั้น ทั้งยี่ห้อดัง อีทูดี้(ETUDE) สกินฟู้ด(Skinfood) เข้ามาตีตลาดไทย
.
ส่วนพนักงานที่ร้านแน่นอนว่า “ไพลิน” รับบทขายเอง แนะนำลูกค้าเองทุกอย่าง ไม่มีทีมงานช่วยแต่อย่างใด
.
ทั้งนี้ การขายสินค้าระยะแรก ไม่ได้หวือหวานัก เพราะสร้างยอดขายหลัก “ร้อยบาทต่อวัน” เท่านั้น ก่อนที่จะเติบโตมีแบรนด์เพิ่มแตะหลัก 10 และในระยะ 6 เดือน ที่ได้แตะเงินด้วยยอดขาย “หมื่นบาทต่อวัน” จากนั้นเข้าสู่หลัก “แสนบาท” ในเดือนที่ 8
แม้จะบุกเบิกธุรกิจด้วยตัวเอง และสร้างยอดขายเติบโตในเวลาอันรวดเร็ว ทว่า เส้นทางก็ไม่ได้สวยหรูหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบนัก เพราะการทำธุรกิจส่วนตัว เมื่อเผชิญปัญหา จะปรึกษาใครก็ยากจะมีคนเข้าใจ โดยเฉพาะเพื่อนๆที่เป็นพนักงาน มนุษย์เงินเดือน ที่มองว่า การเป็นเจ้าของกิจการน่าจะมีความสุข มีอิสระ ฯ
.
ทั้งนี้ การทิ้งบทบาทเภสัชกร 7 ปีในบริษัทยา มาเริ่มทำธุรกิจวัย 30 ปี ดังนั้น การทำธุรกิจ ช่วงแรกจึงมีความสาหัสไม่น้อย เพราะต้องทำทุกอย่างเองทั้งหมด อีกทั้งต้นทุน โดยเฉพาะค่าเช่าพื้นที่ซึ่งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ(CBD) มีราคาแพงหลัก “แสนบาทต่อเดือน”
.
“ช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ ยากสุด เพราะไม่มีคนให้กำลังใจ บ่นกับใครก็ไม่ได้ ท้อ เพราะทำอะไรไม่ได้ และช่วงเริ่มเรายังทำอะไรไม่เป็น แต่ก็ไม่รู้จะหันหน้าหาใคร เพื่อนทำงานออฟิศก็ไม่เข้าใจเรา”
:: คติประจำใจคือ “อดทน” ::
ผ่านจุดหัวเดียวกระเทียมลีบทางความคิด อ่านเกมธุรกิจ แต่เมื่อผ่านจุดอุปสรรค ทำให้ “ไพลิน” ถูกเจียระไน และแข็งแกร่งบนเส้นทางธุรกิจ
.
หากตกผลึกคัมภีร์สำคัญที่ทำให้ “ไพลิน” สร้างร้านมัลตี้ บิวตี้เติบโตได้ ยกให้ “ความอดทน” กลายเป็นคติประจำใจไปด้วย
.
“คติประจำใจในการทำงานคือ ความอดทน เพราะตอนเป็นพนักงาน แล้วมาทำธุรกิจเรานึกว่าจะสวยหรู”
.
นอกจากความอดทน ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เลือดนักธุรกิจ” ของ “ไพลิน” มีอยู่เต็มขั้น ด้วยครอบครัวมีการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ(Health care) เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ดีเอ็นเอนักสู้มีอยู่เต็มขั้นด้วย
.
:: ย้ำจุดยืนสินค้าความงาม เครื่องสำอางเกาหลี ::
สำหรับแผนการขับเคลื่อนธุรกิจของร้าน “มัลตี้ บิวตี้” ยังคงย้ำจุดยืนการเป็นร้านที่มีสินค้าความงา เครื่องสำอางเกาหลี เกาะกระแส K-Beauty สร้างความโดดเด่นและแตกต่างจาก “คู่แข่ง” แม้ว่าความนิยมของ K-Beauty จะแผ่วลงบา้ง แต่ยังมีโอกาสเติบโตได้ เมื่อเทียบกับตลาด ด้วย “ราคา” ของสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ(Skincare) จับต้องได้ และราคาต่ำกว่าแบรนด์ตะวันตก อินเตอร์ฯแบรนด์เกือบ 10 เท่า เช่น แบรนด์เกาหลีราคา 400-800 บาท อินเตอร์ฯแบรนด์หลัก 3,000-5,000 บาท เป็นต้น
.
เมื่อกระแส K-Beauty ไม่ป๊อปปูล่า “ไพลิน” จึงปรับกลุยทธ์การทำตลาด โดยยังโฟกัสแบรนด์เกาหลีเช่นเดิม แต่ที่เปลี่ยนคือ “หมวดหมู่สินค้า” จากเดิมเน้นกลุ่มสีสันหรือ Make up ต้องไปลุย Skincare มากขึ้น เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณทุกขั้นตอน ไปจนถึงก่อนแต่งหน้า
.
แนวโน้มสกินแคร์มาแรง คาดการณ์จะต่อเนื่องถึงปี 2568 บริษัทจึงวางแผนจะนำสินค้าแบรนด์เกาหลีรายการใหม่ๆ(SKU)มาเติมพอร์ตโฟลิโอในร้านทุกเดือน ขึ้นอยู่กับการพัฒนาสินค้าใหม่(NPD)ของแบรนด์ด้วย ล่าสุดยังนำเข้า 5 แบรนด์เกาหลีมาจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูสีฟที่ร้าน “มัลตี้ บิวตี้” ด้วย
.
ปัจจุบันร้านมัลตี้ บิวตี้ มีสินค้าจำหน่ายกว่า 400 แบรนด์ และสกินแคร์ มีสัดส่วนมากขึ้นราว 50%
.
:: สกินแคร์ทำรายได้ต่อบิลดี เจาะวัยทำงานมีกำลังซื้อ ::
การมุ่งสินค้าสกินแคร์ ส่วนหนึ่งเพราะราคาต่อชิ้นสูง เมื่อเทียบกับกลุ่มเมกอัพ อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย จากวัยรุ่น ไปสู่ “วัยทำงาน” ที่มีกำลังซื้อสูง
.
อีกทั้งสินค้ากลุ่มเมกอัพ มาเร็วไปเร็ว แม้ความสามารถในการทำ “กำไรจะดี” แต่กลุ่มสกินแคร์ลูกค้าที่ใช้แบรนด์ต่างๆจะมีระยะยาว 2-3 ปี เป็นต้น ส่วนการสื่อสารการตลาด จะปรับเปลี่ยนไปใกล้ชิดวัยทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะ “ติ๊กต็อก”(TikTok) ที่เป็นผู้ใหญ่ซื้อสินค้ามากขึ้น ย้ายจาก เอ็กซ์(X) และ อินสตาแกรม(Instagram:IG)
.
“กลุ่มเป้าหมายใหญ่ที่ต้องการขยายฐานคือวัยทำงาน อายุ 31-35 ปี ซึ่งจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาสูงได้ โดยภายใน 2 ปีข้างหน้าอยากให้มีสัดส่วน 30% จากปัจจุบันกลุ่มนี้มี 10-15%”
.
:: ย่างก้าวปีที่ 10 ปี มุ่ง 1,000 ล้านบาท ::
ปี 2567 ร้านค้าปลีกสินค้าความงามมีการแข่งขันสูง “คู่แข่ง” ในสมรภูมิเดียวกันต่าง “รุกหนัก” ทั้งสื่อสารการตลาด จัดกิจกรรมต่างๆ ดึงแบรนด์ใหม่เสริมทัพในร้านดึงดูดลูกค้า รวมถึง “ขยายสาขา” กันอย่างคึกคัก
.
มัลตี้ บิวตี้ มีการเปิดร้านใหม่ 5 สาขา ทำให้มีร้านบริการลูกค้าแล้ว 10 สาขา โดยล่าสุดบริษัททุ่มงบราว 30 ล้านบาท เปิดร้านมัลตี้ บิวตี้ แฟล็กชิปสโตร์ ที่สยามสแควร์ พื้นที่ 300 ตร.ม. จากร้านปกติจะมีขนาด 150-200 ตร.ม.
.
ส่วนแผนปี 2568 จะเปิด 2-3 สาขา ใช้เงินลงทุนราว 10-20 ล้านบาทต่อสาขา
.
อย่างไรก็ตาม อีก 3 ปีหรือภายในปี 2570 “ไพลิน” จะขับเคลื่อนกิจการร้าน “มัลตี้ บิวตี้” ครบ 10 ปี เป้าหมายทางธุรกิจ ต้องการสร้างรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาท จากปี 2567 คาดการณ์รายได้ยังเติบโต “เท่าตัว” ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้