เปิดเหตุผล ยักษ์ใหญ่ ‘ชาร์ป’ รีเทิร์นรุกตลาดไทยรอบ 10 ปี


‘ชาร์ป’ กลับมารุกตลาดไทยอีกครั้งในรอบ 10 ปี พร้อมปรับโฉมดีไซน์ใหญ่ในรอบ 50 ปี ขยายไลน์สินค้า ย้ำเป้าหมาย รักษาแชมป์เบอร์หนึ่งในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
.
แบรนด์ชาร์ป (Sharp) ได้อยู่ในตลาดประเทศไทยมาเป็นเวลา 52 ปี โดยมีฐานโรงงานผลิตสินค้าในประเทศไทย กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานฉะเชิงเทรา และโรงงานที่กิ่งแก้ว เพื่อรองรับทำตลาดในไทยและส่งออกไปในต่างประเทศ สินค้าแรกที่ผลิตในประเทศไทยเป็นกลุ่มหม้อหุงข้าว ที่ผลิตมาเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี
.
แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ชาร์ป แบรนด์ญี่ปุ่น ได้ห่างหายการทำตลาดในประเทศไทย ท่ามกลางการเข้ามาของแบรนด์ต่างๆ ที่รุกทำตลาดอย่างหนัก จนถึงในปี 2568 ที่ชาร์ปประกาศแผนกลับมารุกทำตลาดในไทยครั้งใหญ่
.
นายวิโรจน์ ทานัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในปี 2568 มีความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะถดถอย และเรื่องหนี้ครัวเรือนมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้า ทำให้ประเมินว่า ตลาดรวมจะมีการขยายตัวที่ระดับ 1% 
.
ขณะเดียวกันตลาดมีแรงกดดันจากการเข้ามาของแบรนด์จากประเทศจีนในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กเช่นกัน และอาจกำหนดราคาสินค้าที่ต่ำกว่าแบรนด์จากประเทศอื่นๆ ประมาณ 50% ซึ่งแบรนด์จากจีนเข้ามาทำตลาดในไทยกว่า 10 ปีแล้ว ส่วนนโยบายของ ชาร์ป ไม่ได้เน้นแข่งขันในเรื่องราคาสินค้า และเน้นเป็นแบรนด์ที่เน้นนำเสนอทางด้านคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่น 
:: การรีเทิร์นใหญ่รอบ 10 ปีของชาร์ป มุ่งเป้ารักษาแชมป์เบอร์หนึ่ง ::
แผนของแบรนด์ชาร์ป ในปี 2568 ได้กลับมาทำตลาดในไทยครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ภายหลังก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักกับการขยายช่องทางจำหน่ายสินค้ารวมถึงมุ่งพัฒนาดีไซน์สินค้าที่ปรับจากเทรดดิชั่นนอล ให้มีดีไซน์ที่ทันสมัยมากขึ้น ทั้งหม้อหุงข้าว เครื่องน้ำอุ่นและพัดลม อีกทั้งดีไซน์ไม่ได้เน้นเฉพาะด้านฟังก์ชันเท่านั้น แต่ปรับการดีไซน์ให้สอดรับการเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านของกลุ่มลูกค้า ถือเป็นการปรับดีไซน์สินค้าครั้งใหญ่ในรอบกว่า 50 ปี เพื่อขยายฐานกลุ่มใหม่ๆ และกลุ่มเจน Z
.
อีกทั้งต้องการร่วมตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ญี่ปุ่น โดยบริษัทที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย ผ่านการมีโรงงาน 2 แห่งในไทย ทั้งที่ฉะเชิงเทราและกิ่งแก้ว มีการส่งออกหลักสู่ตลาดในภูมิภาคอาเซียน อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมา ลาว เป็นต้น ถือเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในไทย 
.
ทั้งนี้ในปัจจุบัน ชาร์ปในผู้นำกลุ่มหม้อหุงข้าว ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 40% จากตลาดที่มีมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนพัดลม ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับสอง อยู่ประมาณ 21% ถือว่ามีส่วนแบ่งการตลาดไม่ห่างมากนักจาก แบรนด์ผู้นำตลาด ซึ่งตลาดรวมกลุ่มพัดลม มีมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือมีจำนวนประมาณ 12 ล้านตัวต่อปี 
.
ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่น เซกเมนต์ที่เจาะตลาดกลางขึ้นไป แบรนด์สามารถครองผู้นำทางการตลาดเช่นกัน ทางด้านตลาดเตารีดไอน้ำ ตลาดรวมมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยได้เข้ามาทำตลาดเตารีดไอน้ำครั้งแรก จากที่ผ่านมาเน้นทำตลาดเตารีดแห้ง 
:: ชาร์ปปรับดีไซน์จากเทรดดิชั่นนอลมุ่งทันสมัยมากขึ้น ::
แผนการนำเสนอสินค้าในปี 2568 ได้เตรียมนำเสนอสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กเข้ามาทำตลาดรวม 5 กลุ่มหลักประกอบด้วย
• พัดลม SHARP ขนาด 18 ดีไซน์ใหม่ 
• หม้อหุงข้าว SHARP CUBE รุ่น 1 ลิตร ปรับจากรูปแบบหม้อหุงข้าวใหม่ สู่หม้อหุงข้าวสี่เหลี่ยม เน้นดีไซน์มินิมอล 
• หม้อทอดไร้น้ำมัน SHARP รุ่น 4.2 ลิตร , 6.8 ลิตร และ 7 ลิตร 
• เตารีดไอน้ำ SHARP 3 รุ่น โดยได้ขยายรุกสู่ตลาดเตารีดไอน้ำแบบเต็มรูปแบบ เตารีดไอน้ำSHARP 3 รุ่นใหม่ รุ่น 1,800 วัตต์ (EI-S300)  2,000 วัตต์ ( EI-S301)  และ 2,400 วัตต์ (EI-S302) 
• เครื่องทำน้ำอุ่น SHARP รุ่น MODI (โมดี้) 3,500 วัตต์ และ 4,500 วัตต์ ที่ได้ปรับดีไซน์เครื่องทำน้ำอุ่นครั้งใหญ่ เน้นความมินิมอล 
ทั้งนี้ประเมินว่าจากแผนการตลาดที่วางไว้ จะทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายโดยรวมขยายตัว 5% ถือเป็นการขยายตัวเท่ากับปีก่อน ที่สร้างยอดขายรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท พร้อมทำให้แบรนด์ชาร์ป สามารถรักษาผู้นำในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กของประเทศไทยได้ต่อไป
.
ทางด้านแผนการตลาดได้เตรียมงบการตลาดไว้ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อน ในการเร่งสร้างแบรนด์และทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงโปรโมชันตลอดปี พร้อมกับเร่งขยายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น รวมถึงการมุ่งบริหารต้นทุนภายในองค์กร โดยในปัจจุบันต้นทุนต่างๆ มีการปรับขึ้นประมาณ 5% แต่บริษัทยังมุ่งบริหารต้นทุน เพื่อทำให้ราคาสินค้าอยู่ในระดับเท่าเดิม
.
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของประเทศไทย ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 กลุ่มสินค้าที่ขายดีจะเป็นพัดลม จากการเข้าสู่ฤดูร้อนประจำปี ซึ่งชาร์ปมีพัดลมแบบธรรมดาเป็นสินค้าหลัก แต่เซกเมนต์พัดลมไอน้ำ ชาร์ปไม่เคยเข้ามาทำตลาด แต่มองว่ามีโอกาสและอยู่ระหว่างการศึกษา

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นีเวีย เปิดผลวิจัยระดับโลกชี้ ‘ความเหงา’ ภัยเงียบยุคใหม่ ชวนคนไทยช่วยกันดูแลใจ ภายใต้โครงการ NIVEA CONNECT

Reality Show เมืองไทย จะไปไกลทั่วโลก

ทุกความสำเร็จ เริ่มต้นที่..."ลงมือทำ"

SABUY เลิกถือหุ้นไขว้ บ.สบายฟูลฟิลเมนท์ ด้าน SBNEXT พ้นสถานะเป็น บ.ย่อย SABUY

”เอส“ เดินเกมส์ลุยปี 69 ส่งน้ำสีเรืองแสงเอาใจเจนซ่า