คนไทยกินชาส้มทะลุ ‘4 แสนแก้ว’ ร้านเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 205% ยอดสั่งซื้อโตแซงหน้ากาแฟ

จับตากระแส “ชาไทย” ยังแรงดีไม่มีตก แม้มัทฉะโตพุ่งแต่ชาไทยยังได้รับความนิยมสูง พบ ปีที่แล้วมีร้านเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 205% ยอดสั่งซื้อทะลุ “4 แสนแก้ว” ด้านเจ้าของร้านชาไทย ชี้ ต่างชาติขานรับ-ปักหมุดต้องกินชาไทยให้ได้
.
กระแส “ชาไทย” หรือ “ชาเย็น” โตแรงเพิ่มขึ้นทุกปีไม่มีหยุด จากที่เราคุ้นชินกับภาพของชาสีส้มตามรถเข็น หลายปีมานี้ชาไทยถูกยกระดับให้มีความพิเศษเพิ่มขึ้นไปอีก จากรูปแบบเดิมสู่การเกิดขึ้นของ “ชาไทยพิเศษ” หรือชาไทยสเปเชียลตี้ ที่เคล้าไปด้วยความละเมียดละไมในการคัดสรรกลิ่น-รส คล้ายกับตลาดกาแฟพิเศษที่ผู้บริโภคสามารถเลือกเมล็ดกาแฟได้ตามความชอบ
.
ข้อมูลจาก “ไลน์แมน วงใน” (LINE MAN Wongnai) ระบุว่า ปี 2565 คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้อุตสาหกรรมชาขยายตัวในเชิงโครงสร้างมากขึ้น ทั้งคุณภาพ ความหลากหลายของแหล่งปลูกชา รวมถึงกำลังการผลิต ส่งผลให้ประเทศไทยอยู่ในฐานะตลาดค้าชาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของโลก “ชาไทย” จึงเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งในไทยและต่างประเทศ
.
“แพร-มิญชยา บูรณะเศรษฐกุล” เจ้าของร้าน “KHIRI Thai Tea” ร้านชาไทยพิเศษเจ้าแรกในไทย เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า เธอรักการดื่มชาไทยตั้งแต่เด็กๆ เคยมีประสบการณ์ทำร้านกาแฟมาก่อน แต่เพราะสถานการณ์ระหว่างเกิดโรคระบาด ทำให้เธอได้อยู่ท่ามกลางอุตสาหกรรมชาในฐานะผู้ประกอบการ “มิญชยา” มองว่า เมนูชาไทยในคาเฟ่มีความหลากหลายน้อยกว่ากาแฟที่เลือกได้ทั้งเมล็ด กลิ่น รส คงจะดีเหมือนกันถ้าคนรักชาได้เลือกใบชาอย่างที่ตัวเองชอบ นั่นจึงเป็นที่มาของร้าน “KHIRI Thai Tea”
.
แรกเริ่มเดิมที “มิญชยา” คลุกคลีกับธุรกิจร้านกาแฟมาก่อน แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ เมื่อทุกร้านค้าต้องปิดลงชั่วคราวเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรจึงอยู่ในภาวะ “Over-supply” เพราะไม่มีคนรับซื้อ เมื่อขายไม่ได้เกษตรกรก็ต้องดั๊มป์ราคาให้ถูกลง ทำให้กลุ่มผู้ปลูกเมล็ดกาแฟมองหาพืชชนิดอื่นๆ ทดแทนรายได้จนมาเจอกับใบชา 
.
เจ้าของร้าน “KHIRI Thai Tea” บอกว่า ซัพพลายเออร์เกษตรกรที่ผูกปิ่นโตกันมาเริ่มแนะนำให้เธอปลูกชาคู่ขนานกันไป ข้อดีของชา คือสามารถปลูกในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับกาแฟได้ อีกทั้งยังสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปีไม่เกี่ยงฤดูกาล ในช่วงทดสอบรสชาติ “มิญชยา” เกิดไอเดียอยากปรับแต่งใบชาเผื่อว่าในอนาคตจะต่อยอดเป็นธุรกิจได้ บวกกับความชอบดื่มชาของของตนเป็นทุนเดิม
.
“เราปลูกในแหล่งแต่ละจังหวัดตามชื่อที่ตั้ง แหล่งชาที่ดีที่สุดอยู่ที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่สูงขั้นบันได มีความชื้นพอเหมาะที่จะได้ชารสชาติที่ดี ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะปลูกพวกผลไม้ตระกูลเบอร์รี่หรือดอกไม้ที่มีกลิ่นฉุนหน่อย พวกนี้จะส่งผลให้ใบชาออกมารสชาติตามนั้น เวลาผึ้งผสมเกสรดอกไม้ก็จะผสมจากต้นไม้ใกล้เคียงที่ปลูก อาจจะมีสตรอเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ ลูกพรุน ฯลฯ ตัวดินและตัวเกสรจากพืชเหล่านั้นจะทำให้ใบชามีรสชาติต่างกัน”
.
สำหรับตลาดชาไทยโดยเฉพาะชาไทยพิเศษ จากฐานข้อมูลของ “ไลน์แมน วงใน” พบว่า ระหว่างปี 2565-2567 การเติบโตของชาไทยพิเศษเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีร้านชาไทยพิเศษเปิดใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 205% สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจการเลือกชาไทยคุณภาพสูงมากขึ้น
.
เฉพาะปีที่แล้วมียอดสั่งซื้อชาไทยพิเศษผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรีไลน์แมนรวมกันมากถึง “4 แสนแก้ว” โตขึ้น 81% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยปี 2566 มียอดสั่งซื้อราวๆ “2 แสนแก้ว” ปี 2565 “1 แสนแก้ว” และปี 2564 อยู่ที่ “8-9 หมื่นแก้ว” ส่วนพื้นที่ที่มีร้านชาไทยพิเศษมากที่สุดยังตกเป็นของ “กรุงเทพฯ” คิดเป็นสัดส่วน 46% ของร้านชาไทยพิเศษทั้งหมดประเทศ ตามมาด้วย “นนทบุรี” และ “ชลบุรี”
.
อย่างไรก็ตาม ในภาพใหญ่ของตลาดสเปเชียลตี้หรือเครื่องดื่มพิเศษ “กาแฟ” ยังเป็นผู้นำตลาดในแง่จำนวน ส่วนชาไทยมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและน่าจับตามอง หากเทียงเคียงสัดส่วนในช่วง 3 ปีก่อนหน้า พบว่า ยอดสั่งซื้อชาไทยพิเศษโตขึ้นกว่า 3.3 เท่า ขณะที่กาแฟพิเศษเติบโตราวๆ 2.7 เท่า น่าสนใจว่า หลังจากนี้ตลาดชาไทยจะยืนระยะความป็อปปูลาร์ได้อีกไกลแค่ไหน เพราะนอกจากชาไทย เร็วๆ นี้ “มัทฉะ” หรือ “ชาเขียว” ก็โตแรงจนของขาดตลาด เกิดภาวะกักตุน-รีเซลผงมัทฉะพร้อมราคาขายเกรดพรีเมียมที่กระโดดแรงไปไกลถึงแก้วละ 250-300 บาท
.
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจBusiness

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต