เปิดรายได้ ‘6 ยักษ์กาแฟเมืองไทย’ ปี 2567 โกยฉ่ำสูงสุดทะลุหมื่นล้าน!

ความนิยมในการบริโภคกาแฟของบ้านเรายังแรงดีไม่มีตก วัดได้จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดกาแฟไทยที่ไม่ได้มีเพียงรายใหญ่ครองตลาด แต่ยังมีรายเล็กที่โตวันโตคืน ขยายไปกี่สาขาก็ได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง ยิ่งเป็นร้านที่มาพร้อมคอนเซปต์ “Affordable Price” หรือราคาที่สมเหตุสมผลยิ่งรุดหน้าได้ไกล

.

สำหรับปีที่ผ่านมามีเชนกาแฟหลายแห่งทยอยนำส่งงบการเงินประจำปีเป็นที่เรียบร้อย บางเจ้าเติบโตทั้งในแง่รายได้ กำไรสุทธิ และจำนวนสาขา โดยเฉพาะ “กาแฟพันธุ์ไทย” ที่แม้จะมาทีหลังเพื่อน แต่กลับโตไกล-แซงหน้าเชนใหญ่หลายแห่ง พร้อมเร่งเครื่องทำตามเป้าใหญ่สู่ร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ

ทว่า ปัจจุบัน “คาเฟ่ อเมซอน” (Café Amazon) ยังครองตำแหน่งร้านกาแฟที่มีจำนวนสาขามากสุด ยิ่งช่วงหลังที่ธุรกิจหลักของบริษัทแม่อย่าง “ปตท.” ต้องเจอความท้าทายเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลก ก็พบว่า สัดส่วนรายได้กลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ซึ่งมี “คาเฟ่ อเมซอน” เป็นพอร์ชันใหญ่สุดกลับโตวันโตคืน พร้อมกับการทุ่มสรรพกำลังชิงก้อนเค้กทั้งใน และนอกประเทศ ด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในยุคของ “ดิษทัต ปันยารชุน” เพื่อทำให้คาเฟ่ อเมซอน บริหารจัดการได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น

.

 :: Café Amazon ขึ้นแท่นธุรกิจหลักเจ้าพ่อน้ำมัน ในไทยก็โต นอกประเทศยังไปได้อีก ::

ต้นปี 2568 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ “OR” เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2567 โดยระบุว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 723,958 ล้านบาท ลดลงราว 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ให้เหตุผลว่า มาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงรวมถึงปริมาณการขายก็ลดลงด้วย

.

แต่ที่น่าสนใจ คือ กลุ่มธุรกิจขาไลฟ์สไตล์ที่เป็นร่มใหญ่ของธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มเติบโต 8.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ลึกลงในรายละเอียดยังพบว่า “EBITDA” หรือกำไรก่อนหักภาษี และค่าเสื่อมต่างๆ ของกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 อยู่ที่ 4,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,124 ล้านบาท หรือโตขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิก็โต 100% เช่นเดียวกัน

.

ปัจจุบันสัดส่วนธุรกิจไลฟ์สไตล์ของ OR มี “คาเฟ่ อเมซอน” เป็นแบรนด์เรือธง นอกจากนั้นยังมี “Pearly Tea” ร้านชานมไข่มุกจากไต้หวัน “Pacamara Coffee Roasters” ร้านกาแฟสเปเชียลตี้ที่ OR เข้าถือหุ้นใหญ่กว่า 81% รวมถึงบิวตี้สโตร์ “found & found” ที่เร่งขยายได้เป็น 10 สาขาในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 สะท้อนว่า ทิศทางของ OR ไม่ได้พึ่งพาธุรกิจขายน้ำมันเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว แต่ยังปรับโฟกัสไปที่ฝั่งค้าปลีกมากขึ้นด้วย

ไล่เลียงความเคลื่อนไหวใหญ่ๆ ในปีที่ผ่านมา มีโมเดล “OR Space” คอนวีเนียนมอลล์ที่พัฒนาจากปั๊มน้ำมันกึ่งคอมมูนิตี้มอลล์ จนกลายเป็น “OR Space” ที่ไม่มีหัวจ่ายน้ำมันอยู่ในพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้ “สุชาติ ระมาศ” ผู้อำนวยการใหญ่ OR เคยบอกไว้ว่า อนาคตอยากผลักดันสัดส่วน Non-oil มากกว่านี้ ตอนนี้ค้าปลีกกินส่วนแบ่งพอร์ตโฟลิโอของ OR ทั้งเครือราว 30% มองว่า เป็นโอกาสทางธุรกิจ บริษัทไม่สามารถอยู่เฉยได้ ต้องหาอะไรใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพบ้าง

.

อย่างไรก็ตาม “คาเฟ่ อเมซอน” ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจค้าปลีก-ไลฟ์สไตล์ ปีที่ผ่านมียอดขายรวมทั้งหมด 400 ล้านแก้ว เฉลี่ยตกเดือนละ 33 ล้านแก้ว หรือขายได้มากถึง 1.1 ล้านแก้วต่อวัน ส่วนยอดขายทั้งหมดในปี 2567 อยู่ที่ “389 ล้านบาท” เติบโตจากปีก่อนหน้า 18% มีสาขาในประเทศ 4,485 แห่ง นอกประเทศ 437 แห่ง รวมทั้งสิ้นตอนนี้มีสาขาทั้งหมด 4,922 แห่ง (ตัวเลข ณ เดือนเมษายน 2568)

.

สำหรับสาขานอกประเทศ พบว่า “กัมพูชา” มีจำนวนสาขาคาเฟ่ อเมซอน มากที่สุดรวม 254 แห่ง ส่วนปั๊ม ปตท. มีทั้งสิ้น 186 แห่ง นอกจากร้านกาแฟยังมีร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) และร้านสะดวกซัก “Otteri” ที่ OR ถือหุ้นอยู่ 40% เข้าไปเปิดกิจการร่วมด้วย

.

แม้จะมีสาขาเยอะสุดในไทย (ไม่นับรวม All Café ในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven) แต่ผู้บริหารก็มองว่า คาเฟ่ อเมซอน ยังไปได้อีก ที่ผ่านมา OR ภายใต้การบริหารของ “ดิษทัต ปันยารชุน” หัวเรือใหญ่ที่เพิ่งอำลาตำแหน่งไปเมื่อปลายปี 2567 ปฏิรูปโครงสร้างธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน แบ่งออกเป็นสามส่วนหลักๆ ตั้งแต่ต้นน้ำในการจัดซื้อวัตถุดิบ กลางน้ำเพื่อดูแลการผลิต และการดำเนินการ และปลายน้ำกำกับดูแลร้านค้าหลายพันแห่ง เชื่อว่า ถ้าพัฒนาต้นน้ำได้ดี ร้านก็สามารถผลิตกาแฟคุณภาพสูงได้

.

“คาเฟ่ อเมซอน” มีแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า และกาแฟโรบัสต้าทางภาคเหนือ ร่วมมือกับเกษตรกรในพื้นที่ทั้งในโครงการหลวง สหกรณ์การเกษตร และวิสาหกิจชุมชน มีโรงคั่วกาแฟเป็นของตัวเองที่มีกำลังการผลิต 2,700 ตันต่อปี ตั้งอยู่ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

:: “กาแฟพันธุ์ไทย” ม้ามืดที่เกิดช้า แต่มีแววนำไกลกว่าใครเพื่อน ::

นี่คือ ร้านกาแฟที่อยู่ในสัดส่วนธุรกิจ Non-oil ของพีทีจี เอ็นเนอยี หรือ “PTG” ภายใต้การนำของ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2555 ตลอดเกือบสิบปีที่เปิดกิจการมา “กาแฟพันธุ์ไทย” อยู่ในสภาวะขาดทุนมาโดยตลอด ทว่า พลิกทำกำไรได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2565 ซึ่งเป็นจุดหักเลี้ยวที่ทำให้กาแฟพันธุ์ไทยติดสปีดอย่างก้าวกระโดด

.

ผลประกอบการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ในปี 2565 มีรายได้รวม 404 ล้านบาท กำไรสุทธิ 78 ล้านบาท และหลังจากนั้น ทั้งรายได้ และกำไรก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปีล่าสุดทำรายได้ไป “3,049 ล้านบาท” กำไรสุทธิ “291 ล้านบาท” เฉพาะรายได้โตเกือบๆ 116% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

.

ก่อนหน้านี้ผู้บริหารเคยให้ข้อมูลไว้ว่า ยอดขายส่วนใหญ่มาจากสาขาเดิม หรือ “Same-Store Sales Growth” ที่ยังคงเติบโตราวๆ 20-30% ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาอยู่ที่ 100-120 แก้วต่อวันต่อสาขา เป้าหมายในการขยายสาขาเพิ่มขึ้นทุกปี บวกกับกลยุทธ์การตลาดผ่าน “บัตรแดง” หรือ “PT Max Card Plus” ที่นำไปซื้อเครื่องดื่มร้านกาแฟพันธุ์ไทยแบบมีส่วนลด ทั้งหมดมีส่วนทำให้รายได้ และแบรนดิ้งกาแฟพันธุ์ไทยรุดหน้าขึ้นทุกปี

.

ปีนี้เฉพาะไตรมาสแรก “กาแฟพันธุ์ไทย” ตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 146 แห่ง และยังคงเป้าใหญ่ในการไปให้ถึง 5,000 แห่งภายในปี 2571 ไว้เหมือนเดิม หากทำได้เท่ากับว่า “กาแฟพันธุ์ไทย” จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในแง่จำนวนสาขาแซงหน้า “คาเฟ่ อเมซอน” จะทำได้หรือไม่คงต้องจับตาดูกันต่อไป

.

เพราะการขยายสาขาอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียง 3 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย ยากที่สุดสำหรับธุรกิจร้านกาแฟ คือ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานระดับซีเนียร์ที่ต้องอาศัยความชำนาญ-สั่งสมประสบการณ์พักใหญ่

:: เงือกเขียวเสียแชมป์ระดับโลก แต่ยังครองเบอร์ 1 ในไทย ::

2-3 ปีที่ผ่าน ไม่ใช่ปีที่ดีของสตาร์บัคส์เท่าไร มีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารที่เข้ามานั่งได้เพียงไม่นาน ถึงขั้นต้องปลดออกกลางทางเพราะยอดขายที่ย่ำแย่ กระทั่งได้ “บิ๊กดีล” ดึง “ไบรอัน นิกโคล” (Brian Niccol) อดีตผู้บริหารที่คร่ำหวอดในวงการอาหารมาหลายแห่ง มีการยุบ-เพิ่ม-ยกเลิกหลายอย่างเพื่อปรับทิศทางธุรกิจให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น

.

วิกฤติสตาร์บัคส์ร้ายแรงถึงขนาดที่ “โฮวาร์ด ชูลท์ส” (Howard Schultz) อดีตผู้บริหารสตาร์บัคส์ออกมาแสดงความเห็นผ่านบล็อกส่วนตัวว่า สตาร์บัคส์ต้องเร่งแก้ไขข้อผิดพลาดโดยด่วน ครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องรีบสำนึกผิด และหาต้นตอให้เร็วที่สุด มองว่า โจทย์สำคัญของสตาร์บัคส์ไม่ใช่การเพิ่มยอดการใช้จ่ายของลูกค้า แต่จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภครู้สึกว่า ต้องมาใช้บริการที่ร้านสตาร์บัคส์เท่านั้น

.

ในขณะที่บรรยากาศของสตาร์บัคส์ระดับโลกดุเดือด ฝั่งสตาร์บัคส์ ประเทศไทย ไม่ได้มีทิศทางเดียวกับบริษัทแม่เสียทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น การปรับกลยุทธ์ 1 แถม 1 ที่ฝั่ง “ไบรอัน นิกโคล” บอกว่า จะลดสัดส่วนโปรโมชันนี้ลง ขณะที่ผู้บริหารไทยบอกว่า ยังคงโปรโมชันดังกล่าวเหมือนเดิม ความถี่อาจจะน้อยลง ไม่ได้เน้นทำบ่อยมากแค่พอให้หายคิดถึงกัน หรือเรื่องการตัดเมนูตระกูล “Frappuccino” ออก เพื่อลดขั้นตอนการทำเครื่องดื่มให้ลีนมากที่สุด สำหรับของไทยก็พบว่า ยังไม่มีความเคลื่อนไหวล้อไปตามนโยบายที่ว่ามา

แม้กระทั่งแผนยกเลิกชาร์จราคาเมนูนมพืช ที่ทางสตาร์บัคส์บริษัทแม่ยกเลิกเก็บเงินส่วนต่างหากลูกค้าต้องการเปลี่ยนวัตถุดิบจากนมวัวเป็นนมพืช ของไทยพบว่า ยังคงไว้เช่นเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามนโยบายดังกล่าว เทียบเคียงกันแล้วทิศทางของ “สตาร์บัคส์ ประเทศไทย” ยังสดใส เมื่อดูตัวเลขผลประกอบการ “บริษัท คอฟฟี่ คอนเซ็ปต์ รีเทล จำกัด” ปีล่าสุด พบว่า ทำเงินทะลุหลัก “หมื่นล้านบาท” ได้สำเร็จ

.

เมื่อพลิกดูตัวเลขพบว่า สัดส่วนกำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยราว 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ภาพรวมธุรกิจกาแฟเงือกเขียวในไทยยังไปได้ดี ปัจจุบันมีจำนวนสาขา 525 แห่ง อัตราการเปิดสาขาใหม่เฉลี่ยที่ 30 แห่งต่อปี โดย “เนตรนภา ศรีสมัย” กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์  ประเทศไทย เคยให้ข้อมูลไว้ว่า ในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “ไทย” ถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง ยังมีที่ทางให้ขยายสาขาใหม่ๆ ได้อีกเรื่อยๆ

:: “อินทนิล” โตเสมอตัว “Black Canyon” ขายดีขึ้น ส่วน “True Coffee” เริ่มไปนอกช็อป ::

นอกจาก “คาเฟ่ อเมซอน” และ “กาแฟพันธุ์ไทย” ที่โตไปพร้อม Core Business อย่างปั๊มน้ำมัน ฟากฝั่งค่ายบางจากก็มี “อินทนิล” (Inthanin) ก่อตั้งขึ้นในปี 2549 ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 1,060 สาขา พร้อมกับรายได้ปีล่าสุด “1,100 ล้านบาท” กำไรสุทธิ “11.7 ล้านบาท” โดยหากดูรายได้ย้อนหลังของกาแฟอินทนิลภายใต้การบริหารของ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด พบว่า มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทำเงินแตะหลักพันล้านได้มาตั้งแต่ปี 2565

.

ผู้บริหารบางจาก รีเทล เคยให้ข้อมูลไว้ว่า ธุรกิจร้านกาแฟยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ปัจจุบันบางจากมีปั๊มน้ำมัน 2,200 แห่ง แต่ร้านอินทนิลมีเพียง 1,000 แห่ง (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2567) มองว่า “อินทนิล” ยังมีโอกาสโตต่อทั้งใน และนอกพื้นที่ให้บริการปั๊มน้ำมัน แผนติดสปีดหลังจากนี้อยากเร่งขยายสาขาให้ได้ 200 แห่งต่อปี พร้อมเจาะ Gen Z เป็นกลุ่มเป้าหมายถัดไป

.

สำหรับ “แบล็ค แคนยอน” (Black Canyon) น่าจะเป็นเชนกาแฟที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย อยู่มานาน 32 ปีเต็ม แม้ภาพลักษณ์จะให้ความรู้สึกเหมือนแบรนด์จากต่างประเทศ แต่ “แบล็ค แคนยอน” ก่อตั้งและบริหารโดยคนไทยแท้ๆ

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Creden Data ระบุว่า บริษัท แบล็ค แคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ภายใต้การบริหารของตระกูลจิตนราพงศ์ มีบริษัท โปร-ลายน์ โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทโฮลดิ้งของตระกูล ประกอบธุรกิจกี่ยวกับค้าขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 สัดส่วน 20.37%

.

ส่วนรายได้ของ “แบล็ค แคนยอน” พบว่า ทำเงินได้ราวๆ 1,300-1,500 ล้านบาทมาตลอดสิบปี ทำกำไรสม่ำเสมอ ยกเว้นในช่วงปี 2562-2564 ที่ติดลบสูงสุดถึงร้อยล้านบาท คาดว่า เป็นผลกระทบจากสถานการณ์ล็อกดาวน์ เพราะสาขาส่วนใหญ่ของ “แบล็ค แคนยอน” ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า

.

ด้าน “ทรูคอฟฟี่” (True Coffee) ก่อตั้งขึ้นในปี 2549 แรกเริ่มเดิมทีมาจากแนวคิดที่ต้องการเสิร์ฟเครื่องดื่ม และเบเกอรีให้ลูกค้าที่มารอจ่ายบิลค่าโทรศัพท์ แต่ไปๆ มาๆ รสชาติของทรูเริ่มกลายเป็นที่ติดอกติดใจ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ “ชานมเย็นเกล็ดหิมะ” เป็นที่เลื่องลือถึงความหอมอร่อยนัวแบบไม่มีใครเหมือน แต่ที่มากไปกว่านั้น คือ พฤติกรรมการดื่มกาแฟของคนไทยที่โตวันโตคืน จนทำให้เกิด “ทรูคอฟฟี่” ไม่ได้หยุดแค่ร้านสำหรับนั่งรอ แต่ยังเป็น “เดสทิเนชัน” ที่ลูกค้าเดินเข้ามาซื้อเพราะนึกถึง

รายได้ปี 2567 ของ “ทรูคอฟฟี่” ภายใต้บริษัท ทรู ไลฟ์สไตล์ รีเทล จำกัด อยู่ที่ “264 ล้านบาท” ขาดทุนสุทธิ “226 ล้านบาท” ส่วนปีอื่นๆ ก่อนหน้ารายได้ยังคงเกาะกลุ่มที่หลัก 200-400 ล้านบาท โดยเป้าหมายที่เคยประกาศไว้จะมีการขยายสาขามากขึ้น ไม่ได้จำกัดตัวเองไว้กับช็อปทรูเพียงอย่างเดียว แต่เป็นร้านกาแฟที่พร้อมสู้ในสมรภูมิที่ดุเดือดพร้อมกับความต้องการที่มากขึ้นทุกวัน

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต