เจาะกลยุทธ์ แม็คโคร เร่งพอร์ต ‘Own brand’ ดันสินค้าไทยโต สู่ผู้นำด้านอาหาร

ส่องสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมในปี 2568 เต็มไปด้วยความท้าทาย และความไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ของไทยในกลุ่มค้าปลีกอย่าง ซีพี แอ็กซ์ตร้า ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” ได้เร่งแผนการตลาดครั้งใหญ่ร่วมกระตุ้นตลาดค้าปลีก และกลุ่มฟู้ดเซอร์วิสของไทยให้กลับมาขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งอีโคซิสเต็ม
.
ธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ แม็คโคร ประเทศไทย และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มสายงานการพาณิชย์สินค้า บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายใต้ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีสัญญาณความไม่แน่นอน ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกมองหาสินค้าที่มีความคุ้มค่ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) และอาหารพร้อมปรุง (Ready-to-Cook) ดังนั้นแผนของแม็คโครในปี 2568 จึงมุ่งปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า ผ่านการนำเสนอสินค้า Own Brand ที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับการเร่งขยายกลุ่มสินค้า Own Brand ของแม็คโคร จึงเน้นผ่าน 6 แบรนด์หลัก ประกอบด้วย แบรนด์ aro (เอโร่) แบรนด์กลุ่มอาหาร และของใช้, เซพแพ็ค (Savepak) แบรนด์กลุ่มอาหาร และของใช้ราคาย่อมเยา, โมเมนโต (MOMENTO) แบรนด์กลุ่มสินค้าเครื่องนอน และของใช้ในบ้าน , แน็คซ์แน็คซ์ แบรนด์กลุ่มขนมขบเคี้ยว, คิ้วท์แอนด์ แคร์ แบรนด์แม่และเด็ก และ เพ็ทส์เฟรนด์ แบรนด์กลุ่มสัตว์เลี้ยง
.
ทั้งกลุ่ม Own Brand ที่มีเรือธงอย่าง aro ที่อยู่ในตลาดมายาวนานกว่า 36 ปี เท่ากับปีที่ก่อตั้งแม็คโคร และเป็นแบรนด์หลักในการส่งออกกลุ่มอาหาร ได้มีแผนปรับการดีไซน์สินค้า และการใช้โลโก้ของสีใหม่มาร่วมสร้างการจดจำ และขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย โดยจากปัจจุบันที่มีสีแดง แสดงถึงความเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป และสีทอง แสดงถึงความพรีเมียม โดยเตรียมปรับสีแดงไปสู่การใช้สีน้ำเงิน เนื่องจากบริษัทได้ทำการสำรวจแล้วพบว่า สีน้ำเงินให้ความรู้สึกถึงโมเดิร์น และความภักดีต่อแบรนด์ เพื่อที่จะอยู่คู่กับผู้บริโภคไปตลอด ซึ่งจะทยอยเห็นสีใหม่ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
.
ทางด้านกลยุทธ์ในการพัฒนา Own Brand ของแม็คโคร จึงมุ่งเน้นพัฒนาจากความเข้าใจพฤติกรรมความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการ โฮเรก้า กลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z จึงวางแผนร่วมมือกับเชฟชื่อดังของประเทศไทยในการพัฒนาสินค้ากลุ่มอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมรับประทาน เพื่อให้ได้เมนูใหม่ๆ ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งการร่วมมือกับเชฟชื่อดัง ยังเป็นการร่วมมือช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มโฮเรก้า และกลุ่มฟู้ดเซอร์วิส รวมถึงกลุ่มเชฟ เพิ่มรายได้อีกทาง เนื่องจากผู้ประกอบการในกลุ่มนี้บางส่วนยอดขายลดลง ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และกลุ่มผู้บริโภคที่มีการใช้จ่ายเงินน้อยกว่าปกติ ซึ่งการนำเสนอเมนูใหม่ๆ จึงทำให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น เรียกว่า “เป็นอีกโครงการที่ร่วมมือกับทุกภาคส่วนผ่านพ้นพายุวิกฤติเศรษฐกิจ” ไปด้วยกัน
พร้อมกันนี้ บริษัทยังให้น้ำหนักกับการร่วมมือกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในการพัฒนาสินค้ากลุ่ม Own Brand วางแผนขยายไปยังกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบต่างๆ มากขึ้น อาทิ กลุ่มผลไม้ตัดแต่ง เป็นต้น เพื่อร่วมมือเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเกษตร และการยกระดับให้กับเอสเอ็มอีของประเทศไทย จากที่ผ่านมา ได้มีการร่วมมือกับเกษตรกรไทย และเอสเอ็มอีกลุ่มอาหารสด และเนื้อแช่แข็ง ทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้มีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น
.
อีกทั้งจะขยายความร่วมมือ (Co-branding) ระหว่างไทยแบรนด์ไทยในระดับภูมิภาค และแบรนด์ชั้นนำของต่างประเทศ เพื่อพัฒนาสินค้าจำหน่ายในแม็คโคร และพัฒนาสินค้าในรสชาติที่แตกต่างจากที่ทำตลาดทั่วไป พร้อมกำหนดราคาสินค้าที่คุ้มค่า ล่าสุด มีการจับมือกับทั้ง แบรนด์ของไทยพัฒนาสินค้ารสชาติพิเศษมีเฉพาะในแม็คโคร รวมถึงมีการร่วมมือกับแบรนด์จากประเทศจีนในกลุ่มซอสปรุงรส แบรนด์น้ำมันมะกอกจากอิตาลี เป็นต้น เพื่อร่วมทำให้ผู้บริโภคของไทยได้รับสินค้าที่ดีของโลก รวมถึงแบรนด์ต่างๆ ได้ขยายฐานกลุ่มลูกค้ากว้างมากขึ้น ทั้งหมดเป็นยุทธศาสตร์ในการผลักดันธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสของประเทศให้ขยายตัวไปต่อเนื่องทั้งอีโคซิสเต็ม
.
นอกจากนี้ บริษัทวางนโยบายในการปรับปรุงทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ควบคู่กัน ทั้งสาขาของ แม็คโคร ได้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการสำรวจ และติดตามอินไซต์ของกลุ่มลูกค้าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าต้องการประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าที่ดีมากขึ้น จึงได้เดินหน้าปรับสาขาใหม่ให้มีความโมเดิร์นมากขึ้น ร่วมดึงดูดลูกค้าในการเข้ามาใช้บริการและทำให้ลูกค้าสนใจเลือกซื้อสินค้าในห้างค้าปลีกยาวนานขึ้น
.
พร้อมกันนี้ได้มีการขยายไปสู่การพัฒนาระบบการชอปปิงผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของแม็คโครกับ Makro PRO ทำให้ลูกค้าที่เลือกซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้รับประสบการณ์ในการชอปปิงแบบใหม่ และเกิดความสะดวกมากที่สุด ตลอดจนได้วางแนวทางรุกทำตลาดผ่านช่องทางใหม่ๆ ทั้งการทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่าง ติ๊กต็อก (TikTok) มากขึ้น ร่วมสร้างประสบการณ์ที่สนุกสนานให้แก่กลุ่มลูกค้า เนื่องจากกลุ่มลูกค้าคนไทยสนใจความบันเทิง และใช้เวลาผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ต่อวันในเวลาหลายชั่วโมง
..
“ภาพจำของแม็คโคร คือ การเป็นเดสทิเนชันกลุ่มอาหาร นึกถึงอาหาร นึกถึงแม็คโคร และมีกลุ่มหลักเป็น B2B แต่เราได้ปรับใหม่ มุ่งสร้างประสบการณ์การซื้อของที่สนุกสนาน ดีทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริโภค ภาพทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก”
.
ธนิศร์ กล่าวต่อว่า ในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2025 หรืองานแสดงสินค้าอาหารระดับภูมิภาค แม็คโครได้ร่วมนำเสนอสินค้ากลุ่มอาหารทั้งกลุ่มอาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมรับประทาน รวมถึงอาหารเมนูใหม่ๆ ที่ได้พัฒนาร่วมกับเชฟชื่อดัง และสินค้ากลุ่ม co-branding ทั้งจากแบรนด์ไทย และแบรนด์นานาชาติ ทั้งหมดเพื่อร่วมผลักดันการขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ ของกลุ่มอาหารไทยสู่ตลาดโลก เนื่องจากสินค้ากลุ่มอาหารของไทย ที่เป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ กำลังได้รับความนิยมสูงมากในต่างประเทศ ซึ่งภาพรวมแม็คโครมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศรวมประมาณ 10 ประเทศ อีกทั้งมีแผนการขยายส่งออกสินค้าไทยกลุ่มใหม่ออกไปในประเทศ เกาหลีใต้ จีน และออสเตรเลีย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินภาพรวมในปัจจุบัน ยอดขายสินค้ากลุ่ม Own Brand ของแม็คโคร คิดเป็นสัดส่วน 18.5% ของยอดขายสินค้าทั้งหมด ประเมินว่าจากการรุกทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จะผลักดันให้ยอดขายกลุ่ม Own Brand ของแม็คโครเพิ่มขึ้นมา และคิดเป็นสัดส่วน 25-30% ภายในปี 2570 อีกทั้งจะทำให้แม็คโคร เป็นผู้นำในการเป็นฟู้ดเดสทิเนชันของกลุ่มลูกค้าทั้งผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มโฮเรก้า ได้อย่างแข็งแกร่ง

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต