‘มาม่า’ พับแผนลงทุนเพิ่มฮังการี กังวลแรงงาน – ROI อาจใช้เวลาเกิน 7 ปี หันขยายผลิตไทย

“มาม่า” ชะลอแผนขยายลงทุนเพิ่มฮังการี กังวลเรื่องแรงงานไทยที่อยู่ได้ไม่ยาว ประเมิน ROI อาจต้องใช้เวลาเกิน 7 ปี พร้อมเตรียมแผนการผลิตสินค้ากลุ่มพรีเมียม มาม่า โอเค - ส่วนยอดการผลิตในไทยรวมเฉลี่ย 7 ล้านซอง/วัน
.
นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA เปิดเผยว่า แผนการลงทุนต่างประเทศในปี 2568 บริษัทได้ตัดสินใจชะลอการลงทุนในประเทศฮังการีออกไปก่อน จากเดิมที่มีแผนขยายการลงทุนใหม่ในปีนี้ เนื่องจากนโยบายของประเทศฮังการีหลายด้านยังไม่สอดคล้อง ทั้งเรื่องแรงงานไทยที่ให้ทำงานได้ในเวลา 2-3 ปีเท่านั้นและต้องกลับประเทศไทย รวมถึงเผชิญสถานการณ์เรื่องต้นทุนค่าก่อสร้างที่ค่อนข้างแพง และราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น 
.
ทั้งนี้บริษัทได้มีการพิจารณาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ต้องอยู่ในระดับ 15% และต้องใช้เวลาคืนทุนที่ยาวนานกว่าแผนเดิม ที่อาจมากกว่า 7 ปี จึงชะลอยาวแผนลงทุนใหม่ รวมถึงต้องติดตามว่า นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ของประเทศฮังการี จะมีการปรับแผนอย่างไรในเรื่องแรงงาน 
.
สำหรับ โรงงานฮังการี บริษัทมีไลน์การผลิตในปัจจุบัน ด้วยอัตราการผลิตประมาณ 3 แสนซอง จากอัตราการผลิต 2 เครื่องจักร โดยสามารถผลิตได้ประมาณ 2-3 กะ เฉลี่ยกะละ 8 ชั่วโมง รวมต่อวันประมาณ 16 ชั่วโมง ซึ่งมีแผนลงทุนเพิ่มเติมเนื่องจากมีที่ดินเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง และโรงงานในฮังการีส่วนใหญ่เป็นการใช้แรงงานไทย 
.
เมื่อประเมินในภาพรวม “มาม่าในฮังการี” กำลังการผลิตในปัจจุบันยังไม่ได้เต็ม 100% แต่มีปัญหาเรื่องขนส่งต่างๆ และสถานการณ์ในเรื่องสงคราม จึงต้องส่งจากไทยไปเพิ่มเติม แต่ในปัจจุบันไทยกำลังการผลิตอาจเต็มเช่นกัน ดังนั้นบริษัทสามารถปรับแผนไปเพิ่มการผลิตในประเทศต่างๆ สามารถทดแทนกันได้ 
.
อย่างไรก็ตาม การชะลอขยายลงทุนเพิ่มในประเทศฮังการีออกไปก่อน แต่บริษัทยังมุ่งมั่นในการขยายส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เนื่องจาก การขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในต่างประเทศไม่ได้ถูกควบคุมราคา จึงสร้างอัตราการทำไรที่สูง รวมถึงสามารถส่งออกสินค้าไปได้จากต่างประเทศไทย ส่วนในประเทศไทยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถูกควบคุมในเรื่องราคา 
.
“ที่ผ่านมาการลงทุนทุกอย่างของบริษัททำอย่างรอบคอบ จากเดิมในปีก่อนผมบอกว่าจะไปลงทุนขยายกำลังการผลิตในฮังการี แต่ในปีนี้งดการลงทุนออกไป เนื่องจากการประเมินพบว่า  ภาพจากการลงทุนอาจไม่ดีอย่างที่คิดไว้ ทั้งจากเศรษฐกิจยุโรปและสถานการณ์ในเรื่องสงคราม เดิมคิดว่า ผลตอบแทนจากการลงทุน จะใช้เวลา 7 ปี อาจกลายเป็น 11-12 ปี เลยยังไม่ทำ”
.
นอกจากนี้ ตลาดในประเทศไทย บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตสินค้ากลุ่ม มาม่า โอเค (OK) และมาม่า บิ๊กแพ็ค เป็นกลุ่มสินค้าพรีเมียมและเป็นเทรนด์ที่กำลังมา ในโรงงานที่จังหวัดระยอง เริ่มการผลิตได้ในช่วงปี 2569 เนื่องจากกลุ่มสินค้าพรีเมียมมีอัตราการผลิตที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า เห็นได้จากช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา มาม่า โอเค สร้างการเติบโตถึง 30%
.
สำหรับสินค้ากลุ่มมาม่าแบบธรรมดา ยังไม่ได้เกิดปัญหาสถานการณ์สินค้าขาดตลาด โดยบริษัทได้รับปากกับภาครัฐและประชาชน จะไม่ให้มาม่าแบบซองที่มีราคา 7 บาทเกิดปัญหาผลิตไม่ทันและขาดตลาดอย่างเด็ดขาด เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นของประชาชน ซึ่งอัตราการผลิตมาม่าแบบซอง จะอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านซอง/วัน 
.
“ภาพรวมการผลิตสินค้าไม่ทัน และมีอัตราการผลิตถึงระดับ 100% จะเป็น กลุ่มใหม่ มาม่า โอเค และบิ๊กแพ็ค  ที่มีความต้องการสูง จึงต้องเพิ่มเครื่องจักร 1 เครื่อง ทำให้มียอดการผลิตเพิ่มขึ้นที่ 20% แต่มาม่าแบบซอง ราคา 7 บาท ยังมีอัตราการผลิตเพียงพออยู่“ 
.
สำหรับผลประกอบการในปี 2568 คาดว่า ยอดขายยังเติบโตอยู่ แต่จะไม่เติบโตเท่ากับปี 2567 ส่วนเมื่อเทียบกับปี 2566 จะอยู่ในระดับสูงมากกว่า 
.
ทางด้านภาพรวมผลประกอบการในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถผลกำไรสุทธิ 3,565 ล้านบาท สัดส่วนมาจาก ตลาดในประเทศ 42% การส่งออก 27% มาจากการลงทุน 22% และอื่นๆ 9%

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต