กำลังซื้อ-หนี้ครัวเรือน ฉุดตลาดแว่นตา 6,000 ล้าน ดิ่ง 20-30% หนักกว่าโควิด

ปัญหาใหญ่ของประเทศไทยด้านเศรษฐกิจชะลอตัว หนีไม่พ้น “อำนาจซื้อ” หรือกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง กลายเป็นปัจจัยกระทบธุรกิจสาหัส
.
ตลาดแว่นตาแม้จะมีทั้งฟังก์ชัน และแฟชัน ใส่เพราะปัญหาสายตา สูงวัย หรือจะชื่นชอบความสวยงาม กันแดดกันลม ล้วนได้รับผลกระทบจากเงินในกระเป๋าผู้บริโภคหายไป นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเติบโตเหมือนในอดีต
ประพันธ์ ผดุงเกียรติสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น จำกัด ฉายภาพว่า สถานการณ์ธุรกิจแว่นตาครึ่งปีแรกอยู่ในภาวะ “แทบคลาน” เหตุเพราะผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ จากหนี้ครัวเรือนสูง ยิ่งย้อนดูตั้งแต่ต้นปีจะพบว่าประเทศไทยเผชิญหลากปัจจัยลบ ไม่ว่าจะเป็นเหตุแผ่นดินไหวเมียนมา สะเทือนถึงไทย ท่องเที่ยวเครื่องยนต์หลัก ต้องเจอประเด็นร้อนนักแสดงจีนถูกลักพาตัว ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกังวลเรื่องความปลอดภัย ซ้ำเติมต่อด้วยภาษีทรัมป์ สงครามการค้า กระหน่ำผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
.
ทั้งนี้ ตลาดแว่นตามูลค่าราว 6,000 ล้านบาท ผ่านครึ่งปีแรกจึงอยู่ในภาวะ “ดิ่งเหว” เพราะตลาดหดตัวแรง 20-30% หนักกว่าช่วงวิกฤติโควิด-19 ระบาด ขณะที่ยอดขายบริษัทหดตัวราว 25%
“หลายเดือนที่ผ่านมา ภาพรวมธุรกิจแทบจะคลาน ตลาดอยู่ในภาวะ struggling มาก หลักๆแล้วมาจากกำลังซื้อ ที่มีผลจากหนี้ครัวเรือนสูง ซึ่งจะอยู่กับเราไปอีกนาน ปัจจัยอื่นมาแล้วไป สงครามการค้า ภาษีทรัมป์ แต่หนี้ครัวเรือนต้องทยอยแก้ แก้ไขข้ามวันข้ามคืนไม่ได้”
.
ประพันธ์ ขับเคลื่อนอายลิ้งค์ วิชั่น 32 ปี นำเข้าแบรนด์แว่นตาระดับโลกกว่า 20 แบรนด์มาบุกตลาดไทย และเส้นทางธุรกิจผ่านหลากมรสุม ทั้งวิกฤติต้มยำกุ้ง ช่วงโควิด-19 ระบาด ทว่า ปี 2568 ถือว่าเผชิญความโหดหินสุดอีกด้วย
.
“ปีนี้ธุรกิจหนักสุด หนักกว่าวิกฤติต้มยำกุ้งด้วย ส่วนตอนโควิดยอดขายตก จากที่โตสูง แล้วค่อยสไลด์ลงมา ตอนนี้หลักๆย้ำว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงมาก มีผลกระทบธุรกิจ”
.
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจต้องเดินหน้า ภายใต้บริษัท มีการทำตลาดแว่นตาหลายแบรนด์ ทว่า “ไอซี! เบอร์ลิน”(ic!berlin) ที่ทำตลาดกว่า 2 ทศวรรษ มีการเติบโตมากสุด ด้วยจุดเด่น เอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความเรียบหรูไม่ตะโกนหรือ Quiet Luxury ประกอบกับคุณภาพ และราคาเข้าถึงได้ในระดับ “หมื่นบาทขึ้นไป” เมื่อเทียบกับเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแบรนด์เนม ทำให้ผู้บริโภคยังซื้อสินค้าอยู่
.
นอกจากนี้ การทำตลาดต่อเนื่อง มีแบรนด์แอมบาสเดอร์ “หมาก ปริญ สุภารัตน์” พระเอกแถวหน้าของเมืองไทยตลอด 3 ปี การจัดกิจกรรม สร้างการรับรู้แบรนด์ เจาะกลุ่มเป้าหมาย จัดคอนเสิร์ตสร้างเอนเกจเมนต์กับกลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นทำตลาดให้เหมาะกับประเทศไทยหรือ Localized Marketing ที่สำคัญไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วย ปีที่แล้วยังใช้งบราว 20 ล้านบาท ทำการตลาดเหล่านี้ล้วนทำให้มีการเติบโตในทิศทางที่ดี
.
“แบรนด์แฟชันกระทบมาก ส่วนไอซี!เบอร์ลิน กระทบน้อย หากครึ่งปีหลังไม่มีเหตุการณ์อะไร เว้นการเมือง เราจะกลับมาใส่เกียร์ 5 ใหม่ เพื่อทำแคมเปญการตลาดกระตุ้นยอดขาย ผ่านแบรนด์แอมบาสเดอร์มากขึ้น”
.
ไอซี!เบอร์ลิน ในประเทศไทย ยังเป็นตลาดสำคัญ และสร้างยอดขายสูงสุดอันดับ 2 ของโลก รองจากเยอรมัน ประเทศกำเนิดแบรนด์ด้วย นอกจากนี้ แบรนด์ยังทำยอดขายสูงสุด 1 ใน 3 หรือกว่า 100 ล้านบาท ของพอร์ตโฟลิโอบริษัท
ทั้งนี้ ปี 2566 ยักษ์ธุรกิจอิตาลี “marcolin” ที่มีแบรนด์แว่นตาในพอร์ตโฟลิโอชื่อดัง เช่น ทอม ฟอร์ด(Tom Ford), ทิมเบอร์แลนด์(TIMBERLAND), แม็กซ์มาร่า(MAX MARA), เอ็มซีเอ็ม(MCM) และบีเอ็มดับบลิว(BMW) ฯ ได้เข้าซื้อกิจการแบรนด์แว่นตา “ไอซี! เบอร์ลิน”(ic!berlin) เข้ามาเสริมพอร์ตโฟลิโอ แนวทางการทำตลาดได้ปรับเปลี่ยนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยบริษัทแม่จะเข้ามากำหนดกลยุทธ์ การดิสเพลย์ตกแต่งร้านค้า การขยายสาขา รวมถึงเลือก “แบรนด์แอมบาสเดอร์” มากขึ้น
.
สำหรับการขยายธุรกิจ ไอซี!เบอร์ลิน ปีนี้จะมีการเปิดช้อปที่โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จากปัจจุบันมี 2 สาขา ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน และเมกาบางนา ส่วนปีหน้าจะเพิ่มอีก 2 จุด มุ่งทำเลที่มีขาช้อปหรือทราฟฟิกจำนวนมาก เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์ระดับโลก ยังมีการจำน่ายผ่านร้านค้าพันธมิตรต่างๆ ซึ่งบริษัทมีเครือข่ายกว่า 170 จุดทั่วประเทศ ขณะที่ตลาดแว่นตาโดยรวม มีร้านหรือจุดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 3,500-4,000 แห่ง โดยกว่า 50% เป็นของคู่แข่งรายใหญ่(FYI:ท็อปเจริญ)
.
“บริษัทแม่จะลงมาดูการทำตลาดใกล้ชิดมากขึ้น อย่างแบรนด์แอมบาสเดอร์ปี 2569 จะเปลี่ยนคนใหม่ก็ขอเลือกด้วย ซึ่งเราเสนอไป 2-3 รายให้เลือก เกณฑ์พิจารณาไม่ใช่วัดแค่ความดัง มีอิทธิพล มีคนติดตามหรือ Follower จำนวนมาก แต่คาแร็กเตอร์ต้องสอดคล้องกับภาพลักษณ์แบรนด์ด้วย การสร้างแบรนด์ต้องเป็นไปตามนโนบายและทิศทางเดียวกันทั่วโลก ซึ่งปีหน้า ไอซี!เบอร์ลินจะครบรอบ 30 ปี จะมีการรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ เห็นการดิสเพลย์จุดขายที่เหมือนกันทั่วโลก เป็นต้น”
.
ล่าสุด ไอซี!เบอร์ลิน เปิดตัวแว่นตา 2 คอลเลกชันใหม่เพื่อทำตลาดในประเทศไทย ได้แก่ คอลเลกชันความร่วมมือกับ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG และคอลเลกชัน Fall winter 25/26 ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดหรือ Best Seller มาตลอดเกือบ 30 ปี และเตรียมฉลองใหญ่ มีเซอร์ไพรซ์มากมาย ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 30 ของไอซี!เบอร์ลินด้วย พร้อมกันนี้ยังมีการประชุมกับตัวแทนจำหน่าย พันธมิตรในภาคพื้นเอเชีย 10 ประเทศ ในประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดเอเชีย เพื่อโชว์ศักยภาพและเห็นพลังของแบรนด์ การทำตลาดที่ยอดเยี่ยม
.
อย่างไรก็ตาม จากการทำตลาดดังกล่าว บริษัทคาดว่ายอดขายอาจหดตัว จากปีก่อนอยู่ที่ 300 ล้านบาท
.
“เรามีแว่นตาฟังก์ชันและแฟชัน เมื่อเศรษฐกิจดีแว่นตาแฟชันจะยอดขายจะโดนกระทบก่อน แต่ถ้าเศรษฐกิจดี แว่นตาแฟชันจะเติบโตดีก่อน เพราะผู้บริโภคช้อปด้วยอารมณ์”

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นีเวีย เปิดผลวิจัยระดับโลกชี้ ‘ความเหงา’ ภัยเงียบยุคใหม่ ชวนคนไทยช่วยกันดูแลใจ ภายใต้โครงการ NIVEA CONNECT

Reality Show เมืองไทย จะไปไกลทั่วโลก

ทุกความสำเร็จ เริ่มต้นที่..."ลงมือทำ"

SABUY เลิกถือหุ้นไขว้ บ.สบายฟูลฟิลเมนท์ ด้าน SBNEXT พ้นสถานะเป็น บ.ย่อย SABUY

”เอส“ เดินเกมส์ลุยปี 69 ส่งน้ำสีเรืองแสงเอาใจเจนซ่า