ซื่อสัตย์ จริงใจต่อลูกค้า สูตร ‘ชาตรามือ’ เคลื่อนธุรกิจ 80 ปี

ชาตรามือ” สืบทอดธุรกิจถึงรุ่น 3 โดยมีทายาทคนสำคัญอย่าง พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย์ธารี จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องดื่มชาตรามือ ขับเคลื่อนธุรกิจราว 15 ปีแล้ว
.
จากแบรนด์ “ชาตรามือ” มีร้านให้บริการลูกค้า 225-230 สาขา ปัจจุบันแตกแบรนด์ใหม่รอบ 30 ปี “CTM” เพื่อเสิร์ฟผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย
.
หากมองตลาดชา “พราวนรินทร์” บอกว่า อัตราการเติบโตของตลาดมีมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคเดิมดื่มชานอกบ้านอาจจะอยู่ที่ 2-3 แก้วต่อสัปดาห์ ปัจจุบันเพิ่มเป็น 5 แก้วต่อสัปดาห์ ยิ่งกว่านั้น ยังมีกลุ่มเป้าหมาย ชา เลิฟเวอร์ที่ติด 2-3 แก้วต่อวัน กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ
.
จากชาตรามือ หากจะเจาะช่องว่างตลาดและเสิร์ฟชาให้กลุ่มเป้าหมาาย “พราวนรินทร์” อ่านเทรนด์พบว่า ตลาดชายุคปัจจุบันไม่ต่างจากกาแฟ ที่เป็นคลื่นที่ 3 คือยุคแห่งความพิเศษ หรือ สเปเชียลตี
“ตลาดชามีหลายเซ็กเมนต์ บางช่วงตลาดชาพร้อมดื่มหรือ RTD เติบโตและหดตัวลง ยุคนี้เป็นยุคของชาสเปเชียลตี เหมือนกาแฟ”
.
เมื่อดูตามเทรนด์ตลาดและความต้องการผู้บริโภค บวกกับ “ความตั้งใจ” ในการรังสรรค์สินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย จึงปั้นแบรนด์ CTM เข้าทำตลาด นำร่องสาขาแรกที่ศูนย์การค้าดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เนื้อที่ 50 ตารางเมตร(ตร.ม.) เพื่อนำเสนอชารูปแบบใหม่ๆ มีผลไม้สด มีท็อปปิงเอาใจคนรักชา
.
การสร้างแบรนด์ใหม่ต้องการ “ฉีก” ภาพจากชาตรามือ มุ่งนำเสนอความเป็นแบรนด์ที่ร่วมสมัย มีความเป็นไลฟ์สไตล์ และภาพลักษณ์สากลมากขึ้น ขณะที่ “ชาตรามือ” เน้นความเป็นต้นตำรับชาไทย หรือออริจินัล ไทย ที ความเป็นตำนาน มรดกแบรนด์ที่สืบทอดกันมา 80 ปี
.
การเปิด CTM 1 สาขาแรก จะก้าวไปสาขา 2 ต้องดูผลตอบรับจากกลุ่มเป้าหมาย แต่จากแผนธุรกิจที่วางไว้ หากจะขยายสาขาจะลุยทำเลย่านใจกลางธุรกิจ(CBD) หัวเมืองหลัก หัวเมืองรอง เป็นต้น

“ชาตรามือเราทำชามา 80 ปีแล้ว ตอนแพรวเริ่มเข้ามาสานต่อธุรกิจ ตลาดชามีการเติบโต การขยายตัวของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศต้องการดื่มชามากขึ้น เราจึงมองการขยายตลาดหลากเซ็กเมนต์”
.
สำหรับชาตรามือจำหน่ายเริ่มต้น 45 บาท การเปิดร้านมีตั้งแต่ 25-30 ตร.ม. ร้านมีทั้งที่นั่งและไม่มีที่นั่ง เป็นเหมือนคีออส เน้นซื้อกลับ และทูโก ส่วนเมนูชาหลากหลายแบบต้นตำรับรสชาติชาไทย ส่วน CTM เป็นร้านที่จำหน่ายชาเริ่มต้น 70 บาท มีความสเปเชียลตี
.
“ชาตรามือผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย ส่วน CTM เป็นเมนูเครื่องดื่มชาที่อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่ง 2 แบรนด์ มองว่าครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคดื่มชา 80% แล้ว และ CTM จะเป็นแบรนด์ที่เราอยากสร้างแล้วให้ Shine ด้วยตัวเอง และเป้าหมายอย่างน้อยอยากแบรนด์ขยายไปครึ่งหนึ่งของชาตรามือ”
.
ทายาทรุ่น 3 ปลุกปั้นแบรนด์ใหม่รอบ 30 ปีแล้ว ภาพใหญ่คือการสานต่อมรดกตกทอดกิจการครอบครัว “ชาตรามือ” ให้เป็นแบรนด์โลก ซึ่งเป้าหมายคือการปักหมุดพาแบรนด์ไทยเจาะแผนที่โลก
.
15-20 ปีที่กรุยทางต่างประเทศจริงจัง “พราวนรินทร์” บอกว่าสามารถขยายร้านชาตรามือรูปแบบให้สิทธิ์เปิดร้านหรือไลเซนส์ไป 13 ประเทศ มี 130 สาขา โดยสหรัฐ เป็นสาขาแรกนอกทวีปเอเชีย และ “แคนาดา” คือสาขาล่าสุดที่เปิด หมุดหมายต่อไปคือการลุย “เม็กซิโก” ช่วงปลายปี 2568
เกณฑ์การโกอินเตอร์ จะเลือกประเทศที่มีการบริโภคชามาก ตลาดมีขนาดใหญ่ โอกาสต่อยอดเติบโต และ “พันธมิตร” ต้องมีใจรักธุรกิจจริงๆ ก้าวต่อไปของการสร้างแบรนด์โลกหรือ Global Brand คือการขยายตลาดในประเทศเดิมให้ใหญ่ และสร้างแบรนด์ในประเทศสำคัญ เช่น ลอนดอน ประเทศอังกฤษเดิมเปิดร้านรูปแบบ “Pop-up Store” ปีหน้าจะเปิดร้านเต็มรูปแบบ หรือการขยายตลาดในจีนให้แกร่งขึ้น รวมถึงปั้นแบรนด์ในสหรัฐมีการรับรู้วงกว้างเป็นประตูสู่ตลาดโลก เป็นต้น
.
ปัจจุบันการเปิดร้านชาตรามือในไทยเฉลี่ย 30 สาขาต่อปี ส่วนต่างประเทศอยู่ที่ 10 สาขาต่อปี เป้าหมายใหญ่หากจะเป็นโกลบอลแบรนด์จะต้องสร้างยอดขายสัดส่วน 90% จากปัจจุบัน 30%
.
เพื่อทลายข้อจำกัดการทำตลาดต่างประเทศ จึงจะมีการเพิ่มสินค้าใหม่เสริมทัพ อย่าง ชาตรามือคอมบูฉะ รูปแบบชาพร้อมดื่ม(RTD) จะเป็นประตูบานใหม่ที่สร้างโอกาสเติบโต เพราะผู้บริโภคจะดื่มได้เลย โดยในไทยเตรียมจำหน่ายเร็วๆนี้ราคา 35 บาท นำร่องโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านชาตรามือ
.
“เราตั้งใจจะเป็นโกลบอลแบรนด์ ขยายสาขามากขึ้น เพิ่มสินค้าใหม่ เพราะชามีขีดจำกัดในการไปตลาดโลก บางสินค้าส่งออกใหม่ๆ การนำเสนอสินค้าใหม่จะทำให้เจาะตลาดกว้างหรือแมสขึ้นในประเทศที่ยังไม่ได้ไป รวมถึงชาตรามือคอมบูฉะ เป็นการรุก RTD ครั้งแรก”
.
เพราะเป็นทายาทธุรกิจ ที่ยังมี “พ่อแม่” เปรียบเสมือนกุนซือ ที่ปรึกษาและสอนลูกๆ ทำให้กิจการครอบครัวไม่เน้นเผยตัวเลขมากนัก ทว่า “พราวนรินทร์” มองยอดขายในระยะยาวอยากเติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท หวังบรรลุเป้าให้เร็วกว่า 5 ปี และรายได้ต่างประเทศเติบโตขึ้น อยากเห็นแบรนด์ไทยเป็นเครือข่ายหรือเชน เหมือนกับกาแฟดังระดับโลกด้วย
.
“การเป็นโกลบอลแบรนด์ วัดจากผู้บริโภคต้องรู้จัก ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและบริการ รวมถึงยอดขายที่มาจากต่างประเทศด้วย”
.
80 ปีคือเส้นทางของ “ชาตรามือ” หากเทียบจุดเปลี่ยนสำคัญๆ หนึ่งในสิ่งที่ “พราวนรินทร์” หยิบยกมาแชร์ คือการออกเครื่องดื่ม “ชากุหลาบ” และ “ไอศกรีมชาไทย” ชาตรามือ รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยถล่มทลาย ทำให้แบรนด์ฮิตติดลมบนอย่างมาก มีการสร้างคอนเทนต์เป็นกระบอกเสียงบอกต่อล้นหลาม
.
“ชาตรามือโตต่อเนื่อง แต่หนึ่งในช่วงที่พีคสุดคือออกชากุหลาบ เพราะประสิทธิภาพดีมาก เราไม่ได้หวังให้แชร์เรื่องนี้ แต่คนเจอประสบการณ์ร่วมกัน” พราวนรินทร์กล่าวพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน
.
ตลอดการสนทนา “พราวนรินทร์” มีความพินอบพิเทา เมื่อถามถึง “คัมภีร์” ที่ทายาทธุรกิจได้ถูกำชับและสืบทอดคืออะไร คำตอบคือ “ความซื่อสัตย์ จริงใจต่อลูกค้า”
.
“คุณพ่อคุณแม่กำชับเรื่องความซื่อสัตย์ จริงใจต่อลูกค้า เราต้องการสร้างสรรค์สินค้าที่ดีให้กับลูกค้า เวลามีปัญหาพร้อมที่จะให้เคลม และสิ่งที่ท่านฝากคือการรักษาความเป็นผู้นำตลาดชาไทย”
.
:: ซื่อสัตย์ จริงใจต่อลูกค้า สูตร ‘ชาตรามือ’ เคลื่อนธุรกิจ 80 ปี ::
ชาตรามือ” สืบทอดธุรกิจถึงรุ่น 3 โดยมีทายาทคนสำคัญอย่าง พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย์ธารี จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องดื่มชาตรามือ ขับเคลื่อนธุรกิจราว 15 ปีแล้ว
.
จากแบรนด์ “ชาตรามือ” มีร้านให้บริการลูกค้า 225-230 สาขา ปัจจุบันแตกแบรนด์ใหม่รอบ 30 ปี “CTM” เพื่อเสิร์ฟผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย
.
หากมองตลาดชา “พราวนรินทร์” บอกว่า อัตราการเติบโตของตลาดมีมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคเดิมดื่มชานอกบ้านอาจจะอยู่ที่ 2-3 แก้วต่อสัปดาห์ ปัจจุบันเพิ่มเป็น 5 แก้วต่อสัปดาห์ ยิ่งกว่านั้น ยังมีกลุ่มเป้าหมาย ชา เลิฟเวอร์ที่ติด 2-3 แก้วต่อวัน กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ
.
จากชาตรามือ หากจะเจาะช่องว่างตลาดและเสิร์ฟชาให้กลุ่มเป้าหมาาย “พราวนรินทร์” อ่านเทรนด์พบว่า ตลาดชายุคปัจจุบันไม่ต่างจากกาแฟ ที่เป็นคลื่นที่ 3 คือยุคแห่งความพิเศษ หรือ สเปเชียลตี
“ตลาดชามีหลายเซ็กเมนต์ บางช่วงตลาดชาพร้อมดื่มหรือ RTD เติบโตและหดตัวลง ยุคนี้เป็นยุคของชาสเปเชียลตี เหมือนกาแฟ”
.
เมื่อดูตามเทรนด์ตลาดและความต้องการผู้บริโภค บวกกับ “ความตั้งใจ” ในการรังสรรค์สินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย จึงปั้นแบรนด์ CTM เข้าทำตลาด นำร่องสาขาแรกที่ศูนย์การค้าดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เนื้อที่ 50 ตารางเมตร(ตร.ม.) เพื่อนำเสนอชารูปแบบใหม่ๆ มีผลไม้สด มีท็อปปิงเอาใจคนรักชา
.
การสร้างแบรนด์ใหม่ต้องการ “ฉีก” ภาพจากชาตรามือ มุ่งนำเสนอความเป็นแบรนด์ที่ร่วมสมัย มีความเป็นไลฟ์สไตล์ และภาพลักษณ์สากลมากขึ้น ขณะที่ “ชาตรามือ” เน้นความเป็นต้นตำรับชาไทย หรือออริจินัล ไทย ที ความเป็นตำนาน มรดกแบรนด์ที่สืบทอดกันมา 80 ปี
.
การเปิด CTM 1 สาขาแรก จะก้าวไปสาขา 2 ต้องดูผลตอบรับจากกลุ่มเป้าหมาย แต่จากแผนธุรกิจที่วางไว้ หากจะขยายสาขาจะลุยทำเลย่านใจกลางธุรกิจ(CBD) หัวเมืองหลัก หัวเมืองรอง เป็นต้น
.
“ชาตรามือเราทำชามา 80 ปีแล้ว ตอนแพรวเริ่มเข้ามาสานต่อธุรกิจ ตลาดชามีการเติบโต การขยายตัวของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศต้องการดื่มชามากขึ้น เราจึงมองการขยายตลาดหลากเซ็กเมนต์”
.
สำหรับชาตรามือจำหน่ายเริ่มต้น 45 บาท การเปิดร้านมีตั้งแต่ 25-30 ตร.ม. ร้านมีทั้งที่นั่งและไม่มีที่นั่ง เป็นเหมือนคีออส เน้นซื้อกลับ และทูโก ส่วนเมนูชาหลากหลายแบบต้นตำรับรสชาติชาไทย ส่วน CTM เป็นร้านที่จำหน่ายชาเริ่มต้น 70 บาท มีความสเปเชียลตี
.
“ชาตรามือผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย ส่วน CTM เป็นเมนูเครื่องดื่มชาที่อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่ง 2 แบรนด์ มองว่าครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคดื่มชา 80% แล้ว และ CTM จะเป็นแบรนด์ที่เราอยากสร้างแล้วให้ Shine ด้วยตัวเอง และเป้าหมายอย่างน้อยอยากแบรนด์ขยายไปครึ่งหนึ่งของชาตรามือ”
.
ทายาทรุ่น 3 ปลุกปั้นแบรนด์ใหม่รอบ 30 ปีแล้ว ภาพใหญ่คือการสานต่อมรดกตกทอดกิจการครอบครัว “ชาตรามือ” ให้เป็นแบรนด์โลก ซึ่งเป้าหมายคือการปักหมุดพาแบรนด์ไทยเจาะแผนที่โลก
.
15-20 ปีที่กรุยทางต่างประเทศจริงจัง “พราวนรินทร์” บอกว่าสามารถขยายร้านชาตรามือรูปแบบให้สิทธิ์เปิดร้านหรือไลเซนส์ไป 13 ประเทศ มี 130 สาขา โดยสหรัฐ เป็นสาขาแรกนอกทวีปเอเชีย และ “แคนาดา” คือสาขาล่าสุดที่เปิด หมุดหมายต่อไปคือการลุย “เม็กซิโก” ช่วงปลายปี 2568
.
เกณฑ์การโกอินเตอร์ จะเลือกประเทศที่มีการบริโภคชามาก ตลาดมีขนาดใหญ่ โอกาสต่อยอดเติบโต และ “พันธมิตร” ต้องมีใจรักธุรกิจจริงๆ ก้าวต่อไปของการสร้างแบรนด์โลกหรือ Global Brand คือการขยายตลาดในประเทศเดิมให้ใหญ่ และสร้างแบรนด์ในประเทศสำคัญ เช่น ลอนดอน ประเทศอังกฤษเดิมเปิดร้านรูปแบบ “Pop-up Store” ปีหน้าจะเปิดร้านเต็มรูปแบบ หรือการขยายตลาดในจีนให้แกร่งขึ้น รวมถึงปั้นแบรนด์ในสหรัฐมีการรับรู้วงกว้างเป็นประตูสู่ตลาดโลก เป็นต้น
.
ปัจจุบันการเปิดร้านชาตรามือในไทยเฉลี่ย 30 สาขาต่อปี ส่วนต่างประเทศอยู่ที่ 10 สาขาต่อปี เป้าหมายใหญ่หากจะเป็นโกลบอลแบรนด์จะต้องสร้างยอดขายสัดส่วน 90% จากปัจจุบัน 30%
.
เพื่อทลายข้อจำกัดการทำตลาดต่างประเทศ จึงจะมีการเพิ่มสินค้าใหม่เสริมทัพ อย่าง ชาตรามือคอมบูฉะ รูปแบบชาพร้อมดื่ม(RTD) จะเป็นประตูบานใหม่ที่สร้างโอกาสเติบโต เพราะผู้บริโภคจะดื่มได้เลย โดยในไทยเตรียมจำหน่ายเร็วๆนี้ราคา 35 บาท นำร่องโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านชาตรามือ
.
“เราตั้งใจจะเป็นโกลบอลแบรนด์ ขยายสาขามากขึ้น เพิ่มสินค้าใหม่ เพราะชามีขีดจำกัดในการไปตลาดโลก บางสินค้าส่งออกใหม่ๆ การนำเสนอสินค้าใหม่จะทำให้เจาะตลาดกว้างหรือแมสขึ้นในประเทศที่ยังไม่ได้ไป รวมถึงชาตรามือคอมบูฉะ เป็นการรุก RTD ครั้งแรก”
.
เพราะเป็นทายาทธุรกิจ ที่ยังมี “พ่อแม่” เปรียบเสมือนกุนซือ ที่ปรึกษาและสอนลูกๆ ทำให้กิจการครอบครัวไม่เน้นเผยตัวเลขมากนัก ทว่า “พราวนรินทร์” มองยอดขายในระยะยาวอยากเติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท หวังบรรลุเป้าให้เร็วกว่า 5 ปี และรายได้ต่างประเทศเติบโตขึ้น อยากเห็นแบรนด์ไทยเป็นเครือข่ายหรือเชน เหมือนกับกาแฟดังระดับโลกด้วย
.
“การเป็นโกลบอลแบรนด์ วัดจากผู้บริโภคต้องรู้จัก ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและบริการ รวมถึงยอดขายที่มาจากต่างประเทศด้วย”
.
80 ปีคือเส้นทางของ “ชาตรามือ” หากเทียบจุดเปลี่ยนสำคัญๆ หนึ่งในสิ่งที่ “พราวนรินทร์” หยิบยกมาแชร์ คือการออกเครื่องดื่ม “ชากุหลาบ” และ “ไอศกรีมชาไทย” ชาตรามือ รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยถล่มทลาย ทำให้แบรนด์ฮิตติดลมบนอย่างมาก มีการสร้างคอนเทนต์เป็นกระบอกเสียงบอกต่อล้นหลาม
.
“ชาตรามือโตต่อเนื่อง แต่หนึ่งในช่วงที่พีคสุดคือออกชากุหลาบ เพราะประสิทธิภาพดีมาก เราไม่ได้หวังให้แชร์เรื่องนี้ แต่คนเจอประสบการณ์ร่วมกัน” พราวนรินทร์กล่าวพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน
.
ตลอดการสนทนา “พราวนรินทร์” มีความพินอบพิเทา เมื่อถามถึง “คัมภีร์” ที่ทายาทธุรกิจได้ถูกำชับและสืบทอดคืออะไร คำตอบคือ “ความซื่อสัตย์ จริงใจต่อลูกค้า”
.
“คุณพ่อคุณแม่กำชับเรื่องความซื่อสัตย์ จริงใจต่อลูกค้า เราต้องการสร้างสรรค์สินค้าที่ดีให้กับลูกค้า เวลามีปัญหาพร้อมที่จะให้เคลม และสิ่งที่ท่านฝากคือการรักษาความเป็นผู้นำตลาดชาไทย”

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นีเวีย เปิดผลวิจัยระดับโลกชี้ ‘ความเหงา’ ภัยเงียบยุคใหม่ ชวนคนไทยช่วยกันดูแลใจ ภายใต้โครงการ NIVEA CONNECT

Reality Show เมืองไทย จะไปไกลทั่วโลก

ทุกความสำเร็จ เริ่มต้นที่..."ลงมือทำ"

”เอส“ เดินเกมส์ลุยปี 69 ส่งน้ำสีเรืองแสงเอาใจเจนซ่า

EMILY’S หมี่ไก่ฉีก มีลุ้นแตะ ‘500 ล้าน’ ขายได้เดือนละ 1 ล้านกล่อง เตรียมบุกต่างประเทศด้วย