‘HooRay!’ นมโปรตีนเจ้าแรกในไทย เข้าใกล้ ‘พันล้าน’ โกยยอดขาย 4 ล้านขวด/เดือน เล็งส่งออกเร็วๆ นี้

สินค้าประเภท “นมโปรตีน” ผุดขึ้นหลายยี่ห้อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อกันทั้งตามห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หรือร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน จากเดิมที่การกินโปรตีนมาในรูปแบบผง ใช้วิธีผสมน้ำ-เขย่า-ดื่ม พร้อมกับแพ็กเกจจิ้งที่ดู “ฮาร์ดคอร์” มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนออกกำลังหนักๆ ปรากฏว่า 10 ปีที่แล้ว กลับมีคนเห็น “Pain Point” อยากทำให้เข้าถึงง่าย ที่สำคัญคืออยากทำให้รสชาติอร่อย กินง่ายกว่ารูปแบบเดิมๆ 
.
10 ปีที่แล้ว จึงเกิดนมโปรตีน “HooRay!” โดยมี ต้น-วงษ์เดช เอี่ยวสานุรักษ์ เจน-ชัชณี พฤกษ์ศลานันท์ และเอก พฤกษ์ศลานันท์ ร่วมกันก่อร่างธุรกิจขึ้นมา ในวันที่ประเทศไทยยังไม่มีเทคโนโลยีหรือองค์ความรู้ในการพัฒนานมโปรตีน ใช้เวลาร่วม 3 ปีกว่าจะออกมาเป็น End Product และใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสร้างการรับรู้ในกลุ่มแมส กระทั่งปี 2568 คาดว่า จะเป็นปีแรกที่ “HooRay!” ทะยานสู่หลักไมล์พันล้านสำเร็จ และเริ่มมองไกลไปถึงการพานมโปรตีนสัญชาติไทยสู่ตลาดต่างประเทศด้วย
:: ทำ “นมโปรตีน” เพราะยังไม่มีที่ไหนขาย บินดูงานสหรัฐ กว่า 3 ปีถึงมีนมขวดแรก ::
.
จุดเริ่มต้นก่อนมาปั้น HooRay! “เจน” และ “ต้น” ทำธุรกิจฟิตเนสในรูปแบบ “Private Fitness” ตั้งอยู่ย่านทองหล่อ โดยมีรายละเอียดแตกต่างจากฟิตเนสทั่วๆ ไป ใช้กระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นกล้ามเนื้อ ระหว่างทำธุรกิจฟิตเนสขายคอร์สออกกำลังกายก็จะขายแพ็คไปกับคอร์สด้านโภชนาการ ประกอบไปด้วยอาหารเพื่อสุขภาพและโปรตีนผง ตอนนั้นทั้งคู่มองว่า มีความยุ่งยากเกิดขึ้น เมื่อเทรนเนอร์ต้องนำโปรตีงผงมาทำให้อร่อยด้วยการปั่นร่วมกับผลไม้ จึงเกิดเป็นคำถามในใจว่า แล้วทำไมไม่ลองทำโปรตีนให้อร่อย พร้อมดื่ม กินง่ายๆ ดูล่ะ
.
ธุรกิจฟิตเนสดำเนินกิจการไปได้ราว 2 ปี พร้อมกับมายด์เซตที่อยากทำโปรดักต์ให้แตกต่างจากท้องตลาด สุดท้าย “เจน” และ “ต้น” ตัดสินใจขายหุ้นทิ้ง และหันมาโฟกัสที่การริเริ่มทำโปรตีนพร้อมดื่ม พร้อมกับชักชวน “เอก” น้องชายของเจนมาร่วมหัวจมท้ายในโปรเจกต์นี้ด้วยกัน
.
ก่อนหน้านี้ “เอก” ทำงานด้าน IT ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ส่วนเจนและต้นเจอกันที่ “PwC” เมื่อตัดสินใจว่า จะทำนมโปรตีนก็เริ่มจากการหางานวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศ จากนั้นจึงขับรถไปที่ฟาร์มนมในจังหวัดสระบุรี ถือคติว่า “ถ้าไม่รู้ก็ไปถามผู้รู้เลยดีกว่า”

พอไปถึงก็พบว่า ฟาร์มนมเองยังไม่มี “Knowhow” เรื่องนี้เช่นกัน ไม่สามารถให้คำตอบได้ จึงไปต่อที่ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีนักวิชาการมารับฟังโปรเจกต์นมโปรตีนเสร็จสรรพ แต่ก็ยังไม่สามารถให้คำแนะนำได้เช่นกันด้วยองค์ความรู้บวกกับเทคโนโลยีในตอนนั้นยังไม่เพียงพอ สุดท้าย “เจน” และ “ต้น” บินไปที่สหรัฐเพื่อดูว่า ประเทศที่ผลิตภัณฑ์นมไปสุดจริงๆ เป็นอย่างไร ทำสินค้าแบบไหนออกสู่ตลาด กระทั่งไปเจอกับนักวิจัยที่ให้คำแนะนำได้ จุดเริ่มต้นของ “HooRay!” จึงเริ่มต้นขึ้น
“ความยาก คือ Knowhow และเทคโนโลยีที่ประเทศไทยยังไม่มี เพราะฉะนั้น เราต้องนำ Knowhow มา Implement กับเทคโนโลยี ณ ปัจจุบันในประเทศไทยให้ได้ มีการมาปรับเปลี่ยนจากรีเสิชที่ได้มาเยอะพอสมควร เรื่องรสชาติและการ Educated ก็ยาก Pain Point ของเรา คือโปรตีนไม่อร่อย แพ็กเกจจิ้งฮาร์ดคอร์ ลูกค้าบางกลุ่มอาจจะเข้าไม่ถึง เราพยายามดีไซน์ให้อร่อย สะดวก แพ็กเกจจิ้งเข้าถึงได้ในหลายๆ กลุ่ม”
.
ช่วงเริ่มต้น “HooRay!” มี 2 รสชาติ ได้แก่ รสจืดและรสช็อกโกแลต เริ่มทำการตลาดด้วยการแจกตัวอย่างสินค้าให้ลองชิม “เอก” บอกว่า “HooRay!” เป็นบริษัทเล็กๆ ที่ไม่ได้มีงบการตลาดมากมายเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ จึงเลือกทุ่มเงินไปกับการพัฒนาโปรดักต์ เพราะเชื่อว่า สินค้าที่ดีจะขายได้ด้วยตัวมันเอง การตลาดของ “HooRay!” จึงเน้นให้ลูกค้าชิมฟรีทั้งขวด แล้วบอกต่อปากต่อปากไปเรื่อยๆ แบบนี้จะทำให้ฐานลูกค้าแข็งแรงต่อแบรนด์จริงๆ เน้นไปออกบูธตามงานวิ่ง งานออกกำลังกาย
.
:: โตสุดๆ หลังยุคโควิด-19 เชื่อแบรนด์แอมฯ ที่ดีที่สุด คือลูกค้าทุกคน ::
“เอก” บอกว่า ใช้เวลาพักใหญ่เหมือนกัน กว่าจะมีฐานลูกค้ามากเพียงพอสำหรับการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงลูกค้าได้แพร่หลาย ช่วงขวบปีแรกๆ ยังไม่เติบโตดีมาก ก่อนโควิด-19 รายได้ยังอยู่ที่ปีละ 20 ล้านบาท มาก้าวกระโดดจริงๆ หลังการแพร่ระบาดใหญ่จบลง
.
มองว่า จุดเปลี่ยนเกิดเพราะคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตัวเอง บวกกับการเข้าไปอยู่ในร้าน “เซเว่น-อีเลฟเว่น” (7-Eleven) ทำให้มีช่องทางการจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ยอดขายหลังจากนั้นจึงขึ้นไปแตะหลักร้อยล้านบาท และเติบโตหลักร้อยเปอร์เซ็นต์แทบทุกปี
.
จังหวะก่อนเข้าเซเว่น-อีเลฟเว่นก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ “HooRay!” ตั้งราคาขวดละ 69 บาท พอพัฒนาไปเรื่อยๆ เริ่มมี Economy of Scale จึงทำราคาใหม่ที่ 49 บาท ซึ่งก็เป็นโจทย์จากสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่ที่ต้องการทำราคาแบบเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม ช่วงนั้นยังไม่มีนมโปรตีนแบรนด์อื่นๆ มาเทียบเคียง-เปรียบเทียบราคามากนัก แต่เมื่อผ่านการพัฒนามาพักใหญ่ ต้นทุนการค้าดีขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบดีขึ้น ตัวเลข 49 บาท จึงพอเหมาะพอสมทั้งฝั่งผู้บริโภคและเจ้าของแบรนด์ด้วย
.
แม้ปัจจุบันจะมีนมโปรตีนแบรนด์ใหม่ผุดขึ้นหลายเจ้า แต่ “เอก” กลับมองว่า การแข่งขันที่มากขึ้นยิ่งดีกับผู้บริโภค แข่งเยอะยิ่งต้องสร้างความแตกต่างของสินค้ามากขึ้น เป็นเหตุผลที่นมโปรตีนของ “HooRay!” ขวดแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว กับรสชาติปัจจุบันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ยึดเอาฟีดแบ็กจากลูกค้าทั้งคำชมและคำติมาประกอบร่างในการดีไซน์สินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด
.
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อนมโปรตีนทุกวันนี้แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือคนออกกำลังกาย อยากหาโปรตีนที่อร่อย สะดวก กินได้ทุกวัน และอีกกลุ่มคืออยากกินโปรตีนเพียวๆ แบบ “Whey Protein Isolate” ตอนนี้ “HooRay!” จึงตัดสินใจลองตลาดด้วยการออกโปรดักต์โปรตีนผง แต่ก็ยังยึดคอนเซปต์เรื่องกินง่ายและอร่อยเหมือนเดิม
.
สำหรับชื่อ “HooRay!” เอกบอกว่า ตอนตั้งชื่อมีหลายตัวเลือกที่หยิบมากางบนโต๊ะ สุดท้ายได้ออกมาเป็นชื่อนี้ เพราะฟังแล้วให้พลังบวก พูดแล้วจำได้ทันที แต่ขณะเดียวกันดีไซน์ของขวดนมโปรตีนก็ไม่ได้เน้นชื่อแบรนด์มากที่สุด แต่เป็นคำว่า “Protein” บนขวดที่มีขนาดใหญ่กว่าชื่อยี่ห้อ เพราะตอนนั้นยังไม่มีเครื่องดื่มรูปแบบนี้ในตลาด ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้บริโภคเห็นชัด เข้าใจว่า เป็นสินค้าอะไร เห็นแว้บเดียวต้องรู้ทันทีว่า มีโปรตีนเป็นพระเอก
.
“การตลาดส่วนใหญ่จะทุ่มงบในสื่อต่างๆ ซึ่งใช้งบประมาณค่อนข้างมาก แต่สุดท้ายคนซื้อต้องไปที่หน้าชั้นวางอยู่ดี เราจึงเน้นไปที่ Point of Purchase แพ็กเกจจิ้งเมื่อ 10 ปีที่แล้วค่อนข้างฮาร์ดคอร์ เน้นสีแดง เมทัลลิก มีกล้าม มีดัมเบล เราไม่ได้ดีไซน์แบบนั้น เราทำให้เฟรนด์ลี่ ตอนนี้ก็ยังไม่มีแผนจ้างแบรนด์แอมบาสเดอร์ ผู้บริโภคไม่ได้เชื่อแล้วว่า ดาราที่หุ่นดี กล้ามสวย เกิดจากการกินสินค้านั้นๆ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของเราก็คือลูกค้าทุกคน ถ้าสินค้าเราทำให้สุขภาพดีขึ้น พาไปถึงเป้าหมาย สร้างกล้ามเนื้อได้ นั่นแหละคือคนที่จะนำเสนอแบรนด์เราได้ดีที่สุด”
.
:: ปีที่แล้วขายได้ 50 ล้านขวด มั่นใจไปถึง “พันล้าน” ฝันอยากเป็น “Protein of Asia” ::
เมื่อถามว่า ปีไหนขายดีที่สุด “เอก” บอกว่า ทุกปีของ “HooRay!” สร้าง New High เสมอ ปีแรกที่เข้าไปอยู่ในเซเว่น-อีเลฟเว่น “HooRay!” ทำยอดขายแตะหลักร้อยล้านสำเร็จ จากนั้นก็กระโดดเป็น “315 ล้านบาท” และโตอีกเท่าตัวเป็น “644 ล้านบาท” ในปี 2566 ส่วนในปีนี้ดูจากแนวโน้มตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เชื่อว่า จะเป็นปีแรกที่ “HooRay!” พิชิตพันล้านสำเร็จแน่นอน  
.
ปัจจุบันตลาดนมโปรตีนบ้านเรายังมีไม่ถึง 10 แบรนด์ หลักๆ ในไทยมีประมาณ 5-6 ราย ราคาขายใกล้เคียงกันหมด ส่วนมูลค่าตลาดนมโปรตีนอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท “HooRay!” กินสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 5 ของตลาด ถามว่า การก้าวมาถึงธุรกิจพันล้านในปีที่ 10 เร็วหรือช้าเกินไป “เอก” มองว่า ใช้เวลาเร็วกว่าที่คิด หากนับตั้งแต่อุปสรรควันแรกๆ กว่าจะออกมาเป็นนมโปรตีนสักขวด
.
“HooRay!” วางจุดยืนเป็น “Protein Expert” ตั้งแต่วันแรก พอผู้บริโภครับรู้ว่า แบรนด์มีความเชี่ยวชาญจริงๆ เชื่อในสินค้าจริงๆ จึงไม่ยากเกินไปที่แบรนด์จะเติบโตได้แข็งแรง โดยในอนาคต “HooRay!” มีแผนออกไลน์โปรดักต์ใหม่ๆ มาเสริมทัพอีก จะได้เห็นกันภายในปีหน้า ส่วนแผน IPO ยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปิดประตู ตอนนี้อยากโฟกัสการทำรายได้ของบริษัทให้มั่นคง จุดประสงค์ คือสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืนในระยะยาว 
.
“ปีที่แล้วเราขายไปประมาณ 50 ล้านขวด ปีนี้เราขายอยู่ที่เดือนละ 3-4 ล้านขวด เราใช้ OEM ไม่มีโรงงานผลิตเอง เทคโนโลยีของแต่ละโรงงานต่างกัน เหมาะกับสินค้าบางชนิดและไม่เหมาะกับสินค้าบางชนิด เราเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับสินค้านั้นๆ เพื่อผลิตนม คิดว่า เป็นจุดแข็งของเราอีกหนึ่งอย่าง ยืดหยุ่นได้ ไม่ต้องติดกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ในโรงงาน”
.
ส่วนเป้าหมายในปีหน้าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน คาดว่า จะเติบโตด้วย “Pacing” เท่าๆ กัน สินค้าใหม่มีแผนออกเพิ่มทุกปี อย่างน้อยที่สุดปีละ 1 SKU มากกว่านั้นได้ถ้าไทม์มิ่งเหมาะสม ด้านผลกระทบด้านเศรษฐกิจในธุรกิจ F&B ระบุว่า “HooRay!” ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสุขภาพยังสำคัญจำเป็นกับผู้บริโภค เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร คนก็ยังต้องดูแลตัวเองตลอดเวลา

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต