‘มาลี’ ขยายขอบเขตโตมากกว่าผลไม้ ‘จางหลิงเฮ่อ’ ดันน้ำมะพร้าวขึ้นเบอร์ 1 ครั้งแรก

หลายปีที่ผ่านมา “มาลี” มีการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ เพื่อหาน่านน้ำใหม่หรือ New S-Curve สร้างการเติบโตทางธุรกิจ ล่าสุดได้ประกาศวิสัยทัศน์ “Beyond Fruit to Global Wellbeing” โดยก้าวใหม่ของ “มาลี” จะต้องไม่จำกัดกรอบแค่สินค้าที่เกี่ยวกับ “ผลไม้” อีกต่อไป
.
ทั้งนี้ สเต็ปการเติบโตแรกใน 3 ปี ตั้งแต่ปี 2569-2571 จะผลักดันการเติบโตเฉลี่ยที่ 10-15% อย่างต่อเนื่อง แต่ความท้าทายมีหลากประการ เพราะปี 2568 แนวโน้มยอดขายทั้งปีส่งสัญญาณ “ติดลบเล็กน้อย”
“มาลีจะทรานส์ฟอร์มจากน้ำผลไม้มุ่งสู่ Global Wellbeing ซึ่งจุดเแข็งเราคือเบอร์ 1 ในตลาดน้ำผลไม้เซ็กเมนต์พรีเมียมของเมืองไทย และน้ำมะพร้าวเป็นเบอร์ 1 ครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา” เอกรินทร์ พินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ฉายภาพ
.
เพื่อสานเป้าหมายใหญ่ “เอกรินทร์” เผยกลยุทธ์ของมาลี ประกอบด้วย
1.สร้างการเติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” สำหรับ “แบรนด์มาลี” ให้มีสัดส่วน 55% จาก 40% โดยจะเห็นบริษัทขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าไปยัง “หมวดหมู่ใหม่ที่ไม่เคยทำตลาดมาก่อน” แต่เน้นกลุ่มสุขภาพ จากปัจจุบันมีสินค้า เช่น น้ำผลไม้ น้ำมะพร้าว รวมถึงรับจ้างผลิต(โออีเอ็ม)ผลิตภัณฑ์นม น้ำดื่ม ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง
.
2.การรับจ้างผลิต ยังต้องเติบโตจากลูกค้าเดิม และขยายฐานสู่ลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะพันธมิตรแบรนด์ระดับโลก ซึ่ง “มาลี” มีศักยภาพความพร้อมจาก 3 โรงงานในไทย 2 แห่ง และเวียดนาม 1 แห่ง รวมกำลังการผลิตสินค้า 749 ล้านลิตร ใช้กำลังผลิตไปราว 60% ยังสามารถรองรับความต้องการลูกค้าและการเติบโตได้อีกถึง 40%
ปัจจุบันมาลี รับจ้างผลิตสร้างสัดส่วนรายได้ 60% อนาคตการเติบโตไม่ลดลง แต่เป็นการสร้างสมดุลพอร์ตโฟลิโอและ “โฟกัสกำไร” จากแบรนด์สินค้าตัวเองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม โจทย์รับจ้างผลิต นอกจากสร้างมาตรฐานสากล คือการบริหารจัดการ “ต้นทุนให้ต่ำ” เพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
.
บริษัทยังวางแผนลงทุนต่อเนื่องใน 3 ปีทั้งการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติแทนคน ยกระดับเทคโนโลยี นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ)มาใช้เพื่อทำให้ “กำไรดีขึ้น”
.
“ปีนี้บริษัทวางรากฐานสู่การเติบโตในอนาคต สินค้าที่เราอยากไปจะมุ่งตอบเทรนด์สุขภาพ วางเป้าหมายให้แบรนด์เราเองเติบโตก้าวกระโดด เพื่อเพิ่มความสามารถการทำกำไร ส่วนการรับจ้างผลิตบริษัทต้องการแบรนด์ที่น่าเชื่อถือให้ลูกค้าระดับโลกมาร่วมงานด้วยจุดแข็งมีประสิทธิภาพการผลิตสูง ต้นทุนแข่งขันได้ สร้างสรรค์ให้แบรนด์เติบโตควบคู่กัน”
.
3.การขยายตลาดต่างประเทศ โดยกำหนดประเทศเชิงยุทธศาสตร์ที่ต้องโฟกัสมากขึ้น 4 ประเทศ แบ่งเป็น จีนและเกาหลีใต้ เน้นเสิร์ฟน้ำมะพร้าวให้ผู้บริโภคเนื่องจากมีโอกาสเติบโตสูง ที่สำคัญเกาหลีใต้ แบรนด์ “มาลีโคโค่”(Malee COCO) เป็นเบอร์ 1 ในช่องทางออฟไลน์แล้ว ส่วนตะวันออกกลางและอินโดนีเซีย มุ่งป้อนน้ำผลไม้มาลี เนื่องจากเป็นประเทศที่ชื่นชอบสินค้าไทย และอินโดนีเซีย บริษัทยังมีการ “ร่วมทุน” กับพันธมิตรผู้ผลิตเครื่องดื่มพร้อมดื่ม(RTD) สร้างแต้มต่อด้วย
.
“ปี 2569-2571 บริษัทวางเป้าหมายเติบโต 10-15% ต่อปี ขณะที่ภาพรวมปี 2568 ยอดขายอาจอ่อนตัวลงหรือติดลบจากปีก่อนที่ยอดขายกว่า 8,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากตลาดต่างประเทศทั้งกัมพูชา ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 4% และเมียนมา 1% ของตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม จากการที่ไทย-กัมพูชาลงนามข้อตกลงสันติภาพ โดยมีประธานาธิบดีทรัมป์เป็นสักขีพยาน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ขัดแย้งจะคลี่คลายโดยเร็ว และธุรกิจกลับมาเดินหน้าได้ จากปัจจุบันบริษัทชะลอการสื่อสารตลาดแบรนด์มาลีในกัมพูชา แต่ยังขายสินค้าปกติ แต่ยังมีผลกระทบการส่งสินค้าทางบกจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา”
.
เรืองรัตน์ ว่องสุวรรณเลิศ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานการตลาด บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันมาลีมีการส่งสินค้าและทำตลาดกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ล่าสุด บริษัทได้ดึง “จางหลิงเฮ่อ” (Zhang Linghe) เป็นตัวแทนแบรนด์ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคนแรก(APAC Brand Ambassador)ของ “Malee COCO” ซึ่งราว 4 เดือนที่สื่อสารตลาดผลตอบรับดีมาก ยอดขายน้ำมะพร้าวเติบโตสูงมากอัตราเท่าตัวเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง
.
“การใช้จางหลิงเฮ่อเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทำให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์ในวงกว้าง ผลักดันยอดขายในจีนให้เติบโตมาก ที่สำคัญยังส่งผลให้ Malee COCO เป็น 1 ครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีที่ทำตลาดน้ำมะพร้าวด้วย สะท้อนว่าแบรนด์มาถูกทาง ซึ่งการทำตลาดต่างประเทศเราใช้งบประมาณสูงขึ้น แต่เรามี Quick Win คือตลาดจีนและเกาหลีใต้ หลังทำวิจัยรู้อินไซต์ว่าสินค้าใดเหมาะสมกับตลาด”
สำหรับภาพรวมตลาดน้ำผลไม้ปีมีมูลค่าราว 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 2% โดยมาลีเป็นผู้นำครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำผลไม้เซ็กเมนต์พรีเมียมกว่า 30% ขณะที่ Malee COCO ส่วนแบ่งตลาดกว่า 30% ในตลาดน้ำมะพร้าว

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต