AOT ปรับใหญ่สนามบิน รับ ‘ผู้โดยสาร-เที่ยวบิน-สินค้า’ ดันไทยสู่ ‘ฮับการบินโลก’

AOT วางแผนพัฒนาและขยายขีดความสามารถของ 6 ท่าอากาศยาน เพื่อรับ “ผู้โดยสาร-เที่ยวบิน-สินค้า” ที่เพิ่มขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ เศรษฐกิจไทย ยกระดับศักยภาพสนามบิน ดันไทยสู่ “ฮับการบินโลก”
.
อุตสาหกรรมการบิน ถือเป็นหนึ่งในเครื่องจักรหลักของ เศรษฐกิจไทย ไม่เพียงสร้างรายได้จาก นักท่องเที่ยว หลายสิบล้านคนต่อปี แต่ยังเป็นเส้นเลือดใหญ่เชื่อมโยงการค้า การลงทุน และการขนส่งสินค้า การเดินหน้าของ ท่าอากาศยานไทย (AOT) ในการขยายและยกระดับสนามบินทั้ง 6 แห่ง จึงไม่ใช่แค่เรื่องการเดินทางสะดวกสบาย แต่คือการลงทุนเพื่อยกระดับขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศ
.
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ภาพรวมของการเดินทางทางอากาศยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน ทอท. มีผู้โดยสารรวมกว่า 125.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 5.6% จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 76.6 ล้านคน เติบโต 5.4% และผู้โดยสารภายในประเทศ 49.3 ล้านคน เติบโต 5.9% ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการเดินทางอย่างแข็งแกร่ง
.
ในส่วนของปริมาณเที่ยวบิน มีมากกว่า 788,106 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 7.5% โดยเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 444,944 เที่ยวบิน เติบโต 6.9% และเที่ยวบินภายในประเทศ 343,162 เที่ยวบิน เติบโต 8.4% ซึ่งมีจำนวนลูกค้าหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงนักธุรกิจและแรงงานข้ามชาติ เป็นต้น
.
“ปัจจัยสำคัญที่ยังทำให้ AOT มั่นใจ คือการที่สายการบินทั่วโลกแสดงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ผ่านการยื่นขอจัดสรรเวลาการบิน (Slot) ในช่วง Winter 2025/2026 (ตุลาคม 2568-มีนาคม 2569) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มความถี่เที่ยวบินและเปิดเส้นทางใหม่ โดยเฉพาะจาก อินเดีย ยุโรป สแกนดิเนเวีย และสหรัฐอเมริกา”
.
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2569 (เริ่ม 1 ตุลาคม 2568) AOT คาดการณ์ว่าผู้โดยสารจะเติบโตต่อเนื่อง 6-7% หรือทะลุ 130 ล้านคน ขณะที่จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นกว่า 10% แตะ 800,000 เที่ยวบิน และปริมาณสินค้าอากาศขยายตัวจาก 1.5 ล้านตัน เป็น 1.7 ล้านตัน
.
“สำหรับปัจจัยบวกที่หนุนการเติบโต ได้แก่ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล สายการบินทั่วโลกเร่งสั่งเครื่องบินใหม่เข้าสู่ตลาด รวมถึงกระแสโซเชียลมีเดียที่กระตุ้นให้ผู้คนเดินทางมากขึ้น”
.
:: พัฒนาสนามบินหลัก-ภูมิภาค รองรับดีมานด์ ::
อย่างไรก็ตาม AOT มีแผนการพัฒนาและขยายขีดความสามารถของ 6 ท่าอากาศยาน เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น แบ่งเป็น
1. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีแผนลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ขยายการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 80 ล้านต่อปี และโครงการพัฒนาพื้นที่ด้านทิศใต้ (South Development) ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำงานแผนแม่บท (Master Plan) ซึ่งประกอบด้วยการสร้างรันเวย์ เส้นที่ 4 ขยายการรองรับเที่ยวบิน 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมง การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้จะสามารถรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเป็น 120 ล้านคนต่อปี
2. ท่าอากาศยานดอนเมือง มีแผนพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ในการสร้างอาคารผู้โดยสาร (Terminal 3) ซึ่งจะประกอบด้วยองค์ประกอบและเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อรองรับทั้งเที่ยวบินระหว่างประเทศ และภายในประเทศ จะรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 40 ล้านคนต่อปี
3. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีโครงการขยายท่าอากาศยานเพื่อรองรับทั้งเที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ รวมถึงปรับปรุงภายในทั้งหมดและแก้ไขปัญหาจราจรหน้าท่าอากาศยาน รวมถึงในแผนระยะยาวมีการศึกษาควบคู่ไปกับโครงการท่าอากาศยานล้านนาเพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่หรือเที่ยวบินระหว่างประเทศในอนาคต 
4. ท่าอากาศยานภูเก็ต มีแผนพัฒนาศักยภาพของท่าอากาศยานโดยจะขยายและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ให้รองรับผู้โดยสารได้ 18 ล้านคน ในเฟสแรก ขณะที่แผนระยะยาวมีการศึกษาท่าอากาศยานอันดามันควบคู่กัน เพื่อเป็นทางเลือกในการขยายหรือสร้างท่าอากาศยานเสริมในอนาคต
5. ท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีแผนปรับปรุงท่าอากาศยานให้มีส่วนร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัด โดยเป็นประตูเชื่อมต่อกับมาเลเซีย ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยาน คือการรองรับผู้โดยสารได้ 10 ล้านคนต่อปี
6. ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีแผนผลักดันเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งการซ่อมอากาศยาน (Aviation MRO City) และเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวจึงมีโครงการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารให้สะดวกสบายขึ้น โดยมีเป้าหมายรองรับผู้โดยสารได้ 8 ล้านคน
.
“ยอมรับว่าปัจจุบันทั้ง 6 สนามบินอยู่ในระดับเต็มศักยภาพแล้ว จึงต้องเร่งเดินหน้าขยายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้จัดทำ Master Plan ใหม่ เพื่อขยายพื้นที่รองรับทางทิศใต้ คาดเสร็จสิ้นปลายปีนี้ และอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อก่อสร้างอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันออกเพิ่มเติม”
.
:: จาก “สนามบินใหญ่” สู่ “ฮับการบิน” ::
นางสาวปวีณา กล่าวเพิ่มว่า การจะเป็นฮับการบิน ไม่ใช่เพียงมีอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่และจำนวนผู้โดยสารมาก แต่ต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง ผู้โดยสาร-เครื่องบิน-สินค้า ที่สามารถเชื่อมโยงและถ่ายเปลี่ยนได้สะดวกสบาย พร้อมศักยภาพ MRO (ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน) Cargo Terminal และ Free Trade Zone เพื่อดึงดูดสายการบินต่างชาติ
.
ดังนั้น สนามบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางทั้งผู้โดยสารและสินค้า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ เศรษฐกิจไทย ที่ไม่ใช่เพียงการผ่านทาง แต่ยังจะต้องดึงนักเดินทางให้หยุดพักและท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกด้วย
.
:: ถอดบทเรียนจากสนามบินโลก ::
อย่างไรก็ตาม AOT ได้ศึกษาตัวอย่างจากสนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ ที่ออกแบบให้ผู้โดยสารอยากใช้เวลาในสนามบินมากขึ้น ทั้งการช้อปปิ้ง ร้านอาหาร สวน และพื้นที่พักผ่อน โดยปัจจุบันนี้ AOT จึงได้ปรับแนวทาง เช่น การนำเทคโนโลยีระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) รวมถึงการออกแบบโถงพักคอยผู้โดยสารแบบ Open Gate เพิ่มความสะดวกสบาย รวมถึงจัดทำพื้นที่สนามเด็กเล่น พื้นที่ Nap Zone นอกจากนี้ยังเพิ่มโซนอาหารพื้นเมืองที่สนามบินดอนเมืองอีกด้วย
.
อีกทั้งยังปรับโซนค้าปลีกในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับ คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี และยังเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ เช่น ห้องสูบบุหรี่ (ได้รับยกเว้นจากกระทรวงสาธารณสุข), ห้องให้นมบุตร รวมถึงพื้นที่สำหรับผู้โดยสารพิเศษ เป็นต้น
.
:: จุดแข็ง-จุดอ่อน อุตสาหกรรมการบินไทย ::
นางสาวปวีณา กล่าวเพิ่มว่า สนามบินของประเทศไทยมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน โดยจุดแข็ง คือทำเลที่ตั้งใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะช่วยประหยัดน้ำมันในการบินผ่านเส้นทางหลัก และความเป็นไทยที่เข้าใจและใส่ใจผู้โดยสาร ทำให้บริการโดดเด่น
.
ส่วนจุดอ่อน ต้องยอมรับว่า พื้นที่สนามบินหลักบางแห่งเป็นพื้นที่ลุ่ม ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการก่อสร้างและปรับปรุงนานกว่าประเทศคู่แข่ง รวมถึงกฎระเบียบค่อนข้างซับซ้อน และการบูรณาการเทคโนโลยีระหว่างหน่วยงานยังมีข้อจำกัด
.
“ปัจจุบันผู้โดยสารที่ใช้ไทยเป็นจุดเปลี่ยนถ่าย (Transit Traffic) ยังมีเพียง 7% หากไทยต้องการเป็นฮับการบินระดับโลก ควรเพิ่มเป็น 20% เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ดูไบ หรืออิสตันบูล”
.
ดังนั้น สิ่งที่เราต้องการสื่อสารกับผู้โดยสารคือ “สนามบินไทยต้องเป็นที่ที่ทุกคนรู้สึกไว้วางใจและอยากกลับมาใช้บริการ” หากเราทำได้ต่อเนื่อง สนามบินไทยจะได้รับความเชื่อมั่นจากทั่วโลก และดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการบินแห่งเอเชียอย่างแน่นอน
.
หากไทยสามารถยกระดับศักยภาพสนามบินสู่การเป็น “ฮับการบินโลก” ได้จริง จะหมายถึงการเพิ่มมูลค่าให้กับ GDP อย่างมหาศาล ขณะเดียวกันยังสร้างโอกาสการจ้างงาน การลงทุน และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและโลก ไทยจะไม่ใช่เพียง “จุดหมายปลายทางท่องเที่ยว” แต่คือ จุดยุทธศาสตร์ของเศรษฐกิจการบินโลก

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นีเวีย เปิดผลวิจัยระดับโลกชี้ ‘ความเหงา’ ภัยเงียบยุคใหม่ ชวนคนไทยช่วยกันดูแลใจ ภายใต้โครงการ NIVEA CONNECT

Reality Show เมืองไทย จะไปไกลทั่วโลก

ทุกความสำเร็จ เริ่มต้นที่..."ลงมือทำ"

SABUY เลิกถือหุ้นไขว้ บ.สบายฟูลฟิลเมนท์ ด้าน SBNEXT พ้นสถานะเป็น บ.ย่อย SABUY

”เอส“ เดินเกมส์ลุยปี 69 ส่งน้ำสีเรืองแสงเอาใจเจนซ่า