chattalks

จากการตรวจสอบพบว่า สื่อออนไลน์ที่ถูกใช้เป็นช่องทางในการต้มตุ๋นหลอกลวงของเหล่ามิจฉาชีพมากที่สุดในขณะนี้คือ TikTok (ติ๊กต็อก) เนื่องจากเป็นสื่อโซเชียลที่ได้รับความนิยมแบบก้าวกระโดด ปัจจุบันมีผู้ใช้ในไทยกว่า 40 ล้านแอ็กเคานต์ โดยวิธีการหลักๆ ของมิจฉาชีพคือจะเปิดบัญชีติ๊กต็อกและไล่กดติดตามผู้ใช้ติ๊กต็อกคนอื่นๆ เพื่อให้คนเหล่านี้กดติดตามกลับ ซึ่งถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ใช้ติ๊กต็อก และเมื่อมีการกดติดตามซึ่งกันและกัน มีสถานะเป็นเพื่อนกันแล้ว มิจฉาชีพจะสามารถส่งไดเรกต์ข้อความมายังบัญชีติ๊กต็อกของเหยื่อได้ ซึ่งข้อความที่ส่งมาหลอกลวงจะมี 2 ลักษณะหลักๆ คือ 1) ชักชวนให้เข้าร่วมกลุ่มเพื่อสร้างรายได้ โดยอ้างว่าแค่กดไลก์ กดติดตามในติ๊กต็อกก็สามารถสร้างรายได้หลักร้อยหลักพันต่อวัน หรือบอกว่าจะสอนวิธีสร้างรายได้วันละหลายพันบาท หากสนใจให้แอดไลน์ไปตามที่ระบุ เมื่อแอดไลน์แล้วระบบจะพาไปยังหน้าที่ให้เลือกว่าสนใจหรือไม่ ถ้ากด “สนใจ” ก็จะนำไปสู่การทำภารกิจในรูปแบบต่างๆ เช่น เล่นเกมแลกโบนัสเพื่อนำโบนัสไปขึ้นเงิน โดยให้เหยื่อชอปปิ้งสินค้าผ่านช็อปปี้ภายในระยะเวลาที่จำกัด เพื่อให้เหยื่อมีเวลาคิดน้

ใครตามตลาดหุ้นและการเงินบ้านเรา  มีเคสใหม่ๆ ให้ศึกษาเสมอ  และถูกนำมาหลอกจนสูญเงินมหาศาล  ใครจำไม่ได้ ผมพอจะรื้อฟื้นให้ฟัง เคสแรก …จากนักการเงิน ที่ชื่อว่า “ราเกส สักเสนา”  เขาเป็นนักการเงินการธนาคารชาวอินเดีย  อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์  อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่  ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ  เจ้าของฉายา “พ่อมดการเงิน” "ผมได้รู้จักนายราเกซ ในสมัยที่เขายังเป็นคอลัมนิสต์  เขียนบทความเกี่ยวกับการเงิน ลงในหนังสือพิมพ์และนิตยสาร เกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงิน  ซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน  ในที่สุดเขาเข้ามาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวผม  โดยให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงินใหม่ๆ ปี 2535 หุ้นของธ.กรุงเทพฯ พาณิชย์การ ถูกนักลงทุเนข้าไปกว้านซื้อ โดยมีเป้าหมายที่จะเข้ามาครอบงำกิจการ  ทำให้ราคาหุ้นของธนาคารขยับขึ้นไป สูงถึง 26.85 บาทต่อหุ้น เวลาดังกล่าว นายราเกซเสนอตัวเข้ามาช่วย ด้วยการเข้ามาซื้อหุ้น ในธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ  โดยส่วนหนึ่งของเงินลงทุน มาจากเงินกู้ของธนาคารฯ   ช่วยให้ธนาคารรอดพ้น จากการเข้าครอบงำกิจการจากนักลงทุน  ทำให้ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ กลับมาม

“ยาเสียสาว” คืออะไร  ทำไมถูกนำมาก่อเหตุอาชญากรรม  เตือนระวังตกเป็นเหยื่อ ถึงขั้นเสียชีวิตได้!! . คุณหมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่  ให้ความรู้ว่า ยาเสียสาว  หากนำมาใช้ผิดประเภท  อาจเข้าสู่การกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ  ทำให้เกิดเรื่องอาชญากรรมได้ “มันเป็นคำรวมๆ คำว่า ยาเสียสาว ยาเสียหนุ่ม เป็นคำรวมๆ ของยา ที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม เคลิ้ม  หรืออยากมีเซ็กซ์นั่นเอง ถ้าตัวกระตุ้นทางเพศ จะมีตัวเดียว  คือ ตัว “จีเอชบี (Gamma-hydroxybutyrate)” จะทำให้มีความอยาก  เพราะฉะนั้นก็มีส่วนทำให้คึก  ยาเสียสาวทุกตัวน่ากลัวหมดเลย  แต่ “อัลปราโซแลม (Alprazolam)”  ในระยะยาวก็จะเสียความทรงจำ  ทำให้คิดอะไรไม่ค่อยไว  นึกอะไรไม่ค่อยออก สมองไม่ค่อยดี มันเป็นยาออกฤทธิ์ที่ทางการแพทย์ใช้  ซึ่งจะใช้ก็ต่อเมื่อมีการรับรองแพทย์ อย่างถูกต้อง มีการเขียนใบสั่งยา  ไม่สามารถไปซื้อเองได้  ต้องให้คุณหมอเป็นคนระบุเอาไว้  แต่ว่ามันมีการนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ อย่างเรื่องของการที่ยาบางชนิด  เราเอาไปใช้ในการดมสลบ  เช่น ในเรื่องการผ่าตัด แก้การปวด การเจ็บ  แต่ด้านการทำให้เคลิ้ม  ทำให้เกิดเรื่องอาชญากรรม การข่มขืน” โดยยาอัลปร

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์

เมื่อก่อนสมัยก่อน การแต่งกายไปทำงานออฟฟิศ มันเป็นกฎระเบียบเลยทีเดียว ว่าคุณต้องใส่กางเกงสแล็ค และใส่เสื้อสีขาวแขนยาว จนมีศัพท์เฉพาะว่า WHITE COLLAR . ยุคนั้น สมัยนั้น ถ้าใครใส่กางเกงยีนส์ไปทำงาน จะถูกประณามหยามเหยียด ว่าเป็นคนไม่มีมารยาท และไม่ให้เกียรติสถานที่ เรียกว่า “เมิงโดนไล่ออก” เลยแล้วกัน . แต่ระยะหลังๆ มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่ยุคดอทคอม เป็นต้นมา ใครก็ตาม ที่ใส่กางเกงยีนส์ไปทำงาน ถือว่าคุณเป็นผู้บริหารแล้ว ถึงจะแต่งตัวแบบนั้นได้ . ยิ่งมาระยะหลังๆ ผู้บริหารองค์กรระดับโลก กลับใส่กางเกงยีนส์กันหมด ตั้งแต่ สตีฟ จ็อบ, มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และผู้บริหารธุรกิจภาคไอทีบ้านเรา ทุกคนต่างหันมาใส่ กางเกงยีนส์กันหมด ยิ่งพี่มาร์ค บอกว่า  ผมเอาเวลาไปคิดสร้างสรรค์งานดีกว่า ดีกว่าจะต้องมาคิดว่าเช้านี้จะใส่อะไร แกเลยใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์เป็นกิจวัตร ทำให้ภาพคนทำงานเริ่มเปลี่ยนไป ผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ  ทุกคนล้วนหันมาใส่กางเกงยีนส์กันทั้งนั้น ถ้าใครยังไม่ได้ใส่  แสดงว่าเป็นพนักงานระดับล่าง ยิ่งถ้าองค์กรไหน ยังใส่แบบ WHITE COLLAR บอกเลยว่าหลายคนหมายหัวก่อนเลย ตูไม่ไปทำงานที่นี่แน่ๆ