10 ปีแบรนด์ยักษ์ใหญ่อาหารเครื่องดื่มในโลกเปลี่ยน ‘มี่เสวี่ย’ แซงหน้ามาแรง

หากสำรวจตลาดแฟรนไชส์ในโลก เป็นตลาดที่มีมูลค่าใหญ่มากและแบรนด์ยักษ์ใหญ่อาหารเครื่องดื่มในโลกส่วนใหญ่จะมาจาก ประเทศสหรัฐเป็นหลัก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แบรนด์จีน ได้เร่งขยายสาขาไปสู่ต่างประเทศ จนก้าวสู่การมีสาขามากสุดแซงหน้ายักษ์ใหญ่หลายแบรนด์ในโลกแล้ว

นายเศรษฐพงศ์ ผดุงพิสุทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจแฟรนไชส์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท จีโนซิส จำกัด กล่าวว่า จากการประเมินภาพรวมตลาดแฟรนไชส์ในโลก ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2556-2566 แบรนด์ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในโลก 

อันดับแรกคือ แม็คโดนัลด์ จากจำนวนสาขามากที่สุดในโลก 

รองลงมา สตาร์บัคส์, ซับเวย์, มี่เสวี่ย, เคเอฟซี, โดมิโน่ พิซซ่า, เบอร์เกอร์คิง และ ลัคอิน คอฟฟี่

แต่ที่น่าสนใจคือ ในปี 2567 แฟรนไชส์ที่กำลังมาแรงและมีการขยายสาขารวดเร็วในโลกได้แก่ มี่เสวี่ย (Mixue) เป็นแบรนด์แฟรนไชส์ไอศกรีมและชาผลไม้จากประเทศจีน ที่มีสาขาทั่วโลกจำนวนกว่า 3.60 หมื่นสาขาแล้ว

รวมถึงในประเทศไทยที่เข้ามาขยายสาขาใหม่อย่างรวดเร็ว เนื่องจากแผนของบริษัทที่มุ่งขยายสาขาออกไปในทั่วโลก การวางกลยุทธ์การเติบโต และการได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลจากประเทศจีนในการลงทุนเปิดสาขาใหม่ในต่างประเทศอย่างเต็มที่

นอกจากนี้การเข้ามาขยายสาขาในประเทศไทยของแบรนด์ มี่เสวี่ย ในประเทศไทย กับลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยคิดอัตราค่าแฟรนไชส์และค่าลงทุนในเปิดร้านประมาณ 8.87 แสนบาท ซึ่งถือว่าราคาไม่แตกต่าง จากแฟรนไชส์อื่นๆ ในประเทศไทยมากนัก จึงเป็นอีกจุดได้เปรียบดึงดูดลูกค้าเข้าไปลงทุนเช่นกัน จึงเห็นหลายทำเลในประเทศไทย

ทั้งนี้เมื่อไปสำรวจแฟรนไชส์ในประเทศไทย นับรวมสาขาทั้งหมด ทั้งลงทุนเองและเปิดแฟรนไชส์ แบรนด์ที่มีสาขามากสุดคือ
* เซเว่น อีเลฟเว่น จำนวนมากกว่า 14,000 สาขา
* ไก่ย่างห้าดาว จำนวนกว่า 6,000 สาขา
* ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว จำนวน 4,500 สาขา
* คาเฟ่อเมซอน จำนวนกว่า 4,300 สาขา
* อ๊อตเตริ จำนวนกว่า 1,200 สาขา
* เคเอฟซี จำนวนกว่า 1,100 สาขา

สำหรับปัจจัยสำคัญในการเลือกลงทุนแฟรนไชส์ต่างๆ ต้องพิจารณาหลักอื่นๆ ประกอบด้วย 5 ด้านสำคัญคือ
* ความแข็งแกร่งของแบรนด์
* ระบบการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
* ความสามารถในการคืนทุนและกำไร
* การสนับสนุนจากเจ้าของแฟรนไชส์
* ศักยภาพและการขยายตัวของธุรกิจ

อีกทั้งสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนลงทุนทุกครั้งคือ มีข้อจำกัดในการทำงาน ต้องทำตามระบบ ต้องรายงานแฟรนไชส์ชอร์ การไม่การันตีความสำเร็จ การต้องแบ่งบันกำไรให้แฟรนไชส์ชอร์ และใช้เงินลงทุนมากกว่าที่คิด

ทั้งนี้เมื่อประเมินธุรกิจแฟรนไชส์ในไทยในปี 2567 รวมมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท (ไม่รวมร้านสะดวกซื้อ) คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 9% 

สัดส่วนแบ่งเป็น 
* อาหาร 46.7%
* เครื่องดื่ม 21.5% 
* บริการ 12.6% 
* การศึกษา 9.4% 
* ค้าปลีก 5.1% 
* ความงามและสปา 4.7% 

ซึ่งในประเทศไทย มีจำนวนแบรนด์ต่างๆ รวมทั้งหมด 531 กิจการ จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

อย่างไรก็ตาม แบรนด์สี่เสวี่ย มีสาขาในไทย จำนวนกว่า 200 สาขา พร้อมได้ประกาศแผนว่า ภายใน 3 ปีข้างหน้าจะมีสาขาในไทยกว่า 2,000 สาขา จึงต้องติดตามว่า ในระยะยาว จะสามารถแซงหน้าแบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม อันดับต้นๆ ในไทยได้สำเร็จหรือไม่!

รวมถึงแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มของประเทศไทย จะมีการปรับแผนธุรกิจอย่างไรในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป กับการมีคู่แข่งรายใหม่ๆ เข้ามาในประเทศเพิ่มมากขึ้น

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นีเวีย เปิดผลวิจัยระดับโลกชี้ ‘ความเหงา’ ภัยเงียบยุคใหม่ ชวนคนไทยช่วยกันดูแลใจ ภายใต้โครงการ NIVEA CONNECT

Reality Show เมืองไทย จะไปไกลทั่วโลก

”เอส“ เดินเกมส์ลุยปี 69 ส่งน้ำสีเรืองแสงเอาใจเจนซ่า

EMILY’S หมี่ไก่ฉีก มีลุ้นแตะ ‘500 ล้าน’ ขายได้เดือนละ 1 ล้านกล่อง เตรียมบุกต่างประเทศด้วย

3 แม่ทัพ ‘FAB’ อวดโฉมใหม่ ‘Santa Fe’ ปั้นแฟล็กชิปร้านแรกใจกลางสยามช0