จบแพทย์ เกือบเป็นอาจารย์หมอ สู่เจ้าของกางเกงยีนส์ ‘MERGE’ เปิดมา 5 ปี รายได้เฉียด ‘ร้อยล้าน’

รู้จัก “MERGE” กางเกงยีนส์สัญชาติไทย เริ่มจาก Pain Point ผู้หญิงเอวเล็ก-สะโพกใหญ่ เปิดมา 5 ปี กวาดรายได้ไปแล้ว 86 ล้านบาท ปีนี้ขอโตอีก 100% ตั้งเป้าใหญ่เป็น “Global Brand” พร้อมกางแผนขยายไปต่างประเทศภายในปีหน้า
.
เพราะเป็นต้นกำเนิดแรกสุดของกางเกงยีนส์ ทำให้แบรนด์จากฝั่งสหรัฐตีตลาดยีนส์ได้ครอบคลุมทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเองก็พบว่า เต็มไปด้วยแบรนด์สัญชาติอเมริกันอยู่พักใหญ่ และไม่นานหลังจากนั้นก็ถึงคราวของยีนส์จากแดนอาทิตย์อุทัยที่ไต่ระดับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหน จากประเทศอะไร ราคาสูงแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถแก้ Pain Point ของรูปร่างแบบสาวไทยที่มีเอวเล็ก-สะโพกใหญ่ได้สักที 
.
วันเวลาผ่านไปวิวัฒนาการของวงการแฟชั่นรุดหน้า จนมียีนส์ไทยหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายจากการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ “MERGE” (อ่านว่า เมิร์จ) คือหนึ่งในแบรนด์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางเทรนด์ที่เราว่ามา ตัดสายสะดืออย่างเป็นทางการเมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับวิกฤติโรคระบาดใหญ่ เสื้อผ้าที่ถูกจัดอยู่ในประเภทสินค้าฟุ่มเฟือยจึงน่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ผู้บริโภคตัดชอยส์ทิ้ง
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น “MERGE” แบรนด์กางเกงยีนส์น้องใหม่ กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกปี นับตั้งแต่ปีแรกจนถึงตอนนี้ รายได้ของ “MERGE” เติบโตขึ้นอย่างน้อยๆ 200% ทุกปี ปี 2566 บริษัท เซ้นส์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีรายได้รวม 86 ล้านบาท กำไรสุทธิอีก 2.1 ล้านบาท
.
ใช้เวลาเพียง 5 ปี “MERGE” กำลังไต่ระดับสู่แบรนด์ร้อยล้าน จากการแข่งขันในตลาดแฟชั่นที่มีเทรนด์ใหม่ๆ ผันเปลี่ยนหมุนเวียนแทบทุกเดือน โดยที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ทั้งสองคนไม่ใช่นักเรียนสายการตลาด ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน และหนึ่งในนั้นยังเป็นอดีตคุณหมอที่เคยวางเป้าหมายสู่เส้นทางอาจารย์แพทย์ด้วย
.
:: จบอักษรมาขายของออนไลน์ พับแผนเรียนต่อ “อาจารย์หมอ” มาขายกางเกงยีนส์ ::
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ “กลด-อธิศ ทิพย์ชัยเชษฐา” และ “จี้-พรปวีณ์ ด่านมิ่งเย็นวงศ์” หันมาจับธุรกิจสร้างแบรนด์กางเกงยีนส์ มาจาก Pain Point ของ “จี้” ที่ไม่สามารถหากางเกงยีนส์ให้พอดีกับรูปร่างของตัวเองได้ เธอเป็นคนเอวเล็ก-สะโพกใหญ่ ยุคนั้นถ้าจะหากางเกงยีนส์ที่พอดีกับสะโพก สัดส่วนช่วงเอวก็จะหลวมมาก ไหนจะเรื่องแพทเทิร์นที่ช่วยเก็บหน้าท้อง ใส่แล้วช่วยพรางหุ่น ส่งเสริมให้รูปร่างดูดีมากกว่าเดิม ฯลฯ สารพัดข้อกังวลที่ยังไม่มียีนส์เจ้าไหนตอบโจทย์เธอได้
“กลด” บอกว่า แม้ตัวแฟนสาวจะเรียนจบคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แต่กลับมีความสนใจศึกษาเรื่องการขายของออนไลน์ โดย “จี้” เป็นคนจุดประกายเริ่มต้นลุยธุรกิจก่อน ส่วน “กลด” เรียนจบคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บังเอิญว่า ในช่วงรอยต่อของโควิด-19 ตรงกับจังหวะรอเรียนต่อเฉพาะทางด้านอายุรกรรม เขาจึงมีโอกาสเข้าไปช่วยส่วนงานฝั่ง Operation ตั้งแต่ยิงแอด ทำเว็บไซต์ ดูงบการเงิน ค่อยๆ เรียนรู้การทำธุรกิจไปเรื่อยๆ 
.
จนถึงจุดหนึ่ง “กลด” เริ่มสนุกกับธุรกิจมากกว่า จึงตัดสินใจล้มเลิกแผนเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง และออกมาเปิดบริษัทอย่างจริงจังราวๆ 4 ปีที่แล้ว เขาเล่าว่า เดิมทีที่บ้านคาดหวังให้เรียนต่อจนเป็นอาจารย์แพทย์ตามรอยพี่ชายที่เป็นอาจารย์แพทย์ไปแล้ว เพราะมองว่า อาชีพหมอมีรายได้ที่มั่นคง บวกกับ “กลด” เป็นคนเรียนเก่ง จบหมอดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 แต่สุดท้ายเมื่อได้ลองหยิบจับธุรกิจก็พบว่า นี่คือน่านน้ำใหม่ที่ท้าทายมากกว่า ทั้งยังเห็นแนวโน้มการเติบโตของแบรนด์ที่มีความเป็นไปได้สูง เพราะปีแรก “MERGE” ก็มีรายได้แตะหลักล้านบาทแล้ว
.
“ที่บ้านผมทำธุรกิจผลิตรองเท้า แต่คุณพ่อคุณแม่จะทำธุรกิจสไตล์คนจีนยุคเก่า ตอนผมเรียนจบการทำธุรกิจของที่บ้านก็ซาลงไปเยอะแล้ว เขาเลยรู้สึกว่า ธุรกิจไม่มั่นคง อยากให้ผมเป็นหมอเพราะมั่นคงกว่า แต่ตอนนั้นเราเห็นแล้วว่า แบรนด์มีการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งตลอด 5 ปีก็โตทุกปี ปีแรกยอดขายโตมาหลักล้าน และโตปีละ 200-300% เรื่อยๆ เห็นแล้วว่า สิ่งนี้เลี้ยงดูเราได้ ทำให้เรามีเวลามากขึ้นด้วย จนกระทั่งผ่านไป 2 ปี ผมก็แต่งงานกับคุณจี้ เลยมาช่วยกันทำเป็นแบรนด์ MERGE ขึ้นมา”
.
:: แก้แบบเป็นสิบรอบก็ต้องทำ อยากนำหน้าต้องไม่ทำตามคนอื่น ::
จุดหักเลี้ยวที่ทำให้ “MERGE” โตอย่างก้าวกระโดดไม่ได้ใช้เวลานานมากนัก เพียง 2-3 เดือนก็พบว่า รูปถ่ายแบบสินค้ากลายเป็นไวรัลทั่วอินเทอร์เน็ต จากการดึงนางแบบพลัสไซซ์ และนางแบบ LGBTQ ที่มีความหลากหลายทางเพศมาร่วมงาน “กลด” บอกว่า ตนน่าจะเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำสิ่งนี้ และตระหนักถึงเรื่อง “Real Size Beauty” ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีใครพูดถึง เมื่อแบรนด์เริ่มเป็นกระแส คนรู้จักสินค้า ก็มีการขยายพอร์ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 
.
เรื่องนี้เกิดจากการศึกษาเทรนด์ในตลาดโลกของ “จี้” ย้อนกลับไป 5 ปีที่แล้ว เทรนด์เรื่อง “Real Size” กำลังเป็นที่พูดถึงในสหรัฐ อ้วนผอมหรือหุ่นแบบไหนก็สวยได้ เธอเชื่อว่า เมื่อเทรนด์โลกมาแบบนี้อีกหน่อยที่ไทยก็จะตามมาติดๆ เช่นกัน เพราะเด็กรุ่นใหม่เสพสื่อจากต่างประเทศมากขึ้นแล้ว ไม่ใช่การทำนายได้แม่นยำอะไร แต่เพราะมีความเชื่ออย่างแรงกล้า “MERGE” จึงปักธงจุดยืนนี้มาจนถึงปัจจุบัน
.
หากดูไซซ์กางเกงยีนส์แบรนด์ MERGE จะเห็นว่า มีความหลากหลายตั้งแต่เอว 22 นิ้ว ไปจนถึง 41 นิ้ว สำคัญที่สุดคือต้องมีทั้ง “แฟชั่น” และ “ฟังก์ชัน” คู่ขนานไปด้วยกัน วางแพทเทิร์นยีนส์แบบที่ในตลาดยังไม่เคยมีไม่ใช่เรื่องง่าย ปรับกันเป็นสิบรอบกว่าจะเจอแบบที่ใช่ “กลด” บอกว่า ยีนส์เป็นสินค้าที่พัฒนาค่อนข้างยาก มีเรื่องของการยืดหดและฟอกสีเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อแพทเทิร์นได้แล้วก็ยังไม่พอแต่ต้องทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเป็นผู้นำในตลาด ทำในสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
.
ยกตัวอย่างเช่น สี Ombre สีที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน ใช้เทคนิคฟอกไล่สีอ่อนไปเข้ม “กลด” บอกว่า MERGE เป็นยีนส์ไทยเจ้าแรกที่ทำสิ่งนี้ หลังจากนั้นก็มียีนส์ฟอกไล่เฉดเกิดขึ้นมากมาย แต่ในขณะที่คู่แข่งไล่ตามมา ก็พบว่า Ombre กลายเป็นสีขายดีในช่วงเวลานั้นทันที เพราะผู้บริโภครู้ว่า “MERGE” คือต้นตำรับ ถ้าจะซื้อยีนส์สีนี้ แบรนด์ “MERGE” คือต้นกำเนิด เป็นสีคลาสสิกไปโดยปริยาย
.
ไม่ใช่แค่สี Ombre แต่ “Moonlight” เฉดที่ได้รับความนิยมจนขาดตลาดไปช่วงหนึ่งก็เช่นกัน “กลด” เล่าว่า ทั้งหมดมาจากการทำรีเสิชของทีมดีไซน์เนอร์ ซึ่งมี “จี้” เป็นแกนหลัก เป็นแนวโน้มที่เห็นจากตลาดต่างประเทศและนำมากรุยทางในบ้านเรา แม้ตอนออกมาใหม่ๆ คนจะยังไม่เข้าใจมากนัก แต่ถึงตอนนี้ก็น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่า กลยุทธ์เปิดก่อนได้เปรียบทำให้จุดยืนของ MERGE อยู่ในฐานะผู้นำเทรนด์ที่มาก่อนกาลได้จริง
:: ปีนี้ขอโต 100% อยากไปต่างประเทศ ขอเป็นแบรนด์ไทยที่คนไทยภูมิใจ :’
ภาพรวมผลประกอบการของ “MERGE” ภายใต้บริษัท เซ้นส์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในปี 2567 เติบโตจากปี 2566 ราวๆ 200-300% ปีนี้ทั้งคู่ตั้งเป้าให้เติบโตอีก 100% แม้จะมีกางเกงยีนส์เป็น “Hero Product” แต่ปัจจุบันพอร์ตสินค้าของ “MERGE” ขยายไปไกลกว่านั้นแล้ว มีทั้งเสื้อครอป เสื้อยืด รวมถึงกระเป๋าที่ผลิตออกมากี่ใบ กี่แบบก็หมดเกลี้ยง ได้รับความนิยมถึงขีดสุดไม่ต่างจากสินค้าหมวดเสื้อผ้า
.
นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมา “MERGE” ยังทยอยเปิดหน้าร้านเพิ่มขึ้น ตอนนี้สัดส่วนการขายแบ่งเป็นออนไลน์ 70% และออฟไลน์ 30% ส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจเปิดช็อปเพราะมีลูกค้าต้องการทดลองสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ แต่เหตุผลหลักๆ เป็นเรื่องของการเติบโต พอแบรนด์เดินทางมาถึงจุดหนึ่ง เริ่มมีเม็ดเงินลงทุนจึงตัดสินใจเปิดหน้าร้านอย่างเป็นทางการ และต้องเป็นช่องทางที่สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้มากกว่าการเดินเข้ามาเลือกซื้อเสื้อผ้าแล้วกลับออกไป มีฟังก์ชัน มีคาแรกเตอร์ มีกลิ่นอายของความเป็น MERGE
.
ส่วนแผนในปีหน้า “กลด” บอกว่า มีคิดเรื่องขยายไปต่างประเทศบ้างแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงที่เริ่มวางระบบบริหารจัดการหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพ ถ้าย้อนกลับไปทั้ง “กลด” และ “จี้” ไม่มีใครเรียนจบสายธุรกิจมาโดยตรง ยังต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับน้องๆ ในทีมทุกวัน ก้าวสำคัญในการไปต่างประเทศจะเริ่มเห็นทิศทางที่ชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และโฟกัสอย่างจริงจังในปี 2569 
.
สาเหตุที่คิดเรื่องขยายตลาดเพราะตอนนี้เริ่มมองเห็นลูกค้าต่างชาติเข้ามาให้ความสนใจบ้างแล้ว หลักๆ มาจากการรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ไทยที่พบว่า มีฐานแฟนคลับต่างชาติที่แข็งแรงมากๆ บางครั้งมีนักแสดงใส่สินค้า MERGE แล้วถ่ายลงอินสตาแกรมส่วนตัว แฟนคลับต่างชาติถึงกับบินมาซื้อสินค้าตามก็มีเช่นกัน จะเริ่มศึกษาตลาดจากบ้านใกล้เรือนเคียงโซนเอเชียดูก่อนว่า สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ประเทศไหนที่มีวี่แววเปิดรับสินค้าแนว MERGE อยู่บ้าง
.
เมื่อถามว่า โตแรงขนาดนี้มีนักลงทุนเข้ามาจีบบ้างหรือไม่ “กลด” บอกว่า มีเข้ามาคุยเรื่อยๆ เคยมีการพูดคุยกันเบื้องต้นไปบ้าง แต่มองว่า ตอนนี้ยังเป็นจังหวะที่แบรนด์ขอลุยธุรกิจด้วยตัวเองก่อน พร้อมกับการแต่งตัวเตรียมสเกลธุรกิจในอนาคตไปด้วย หากในอนาคตจะมีพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมลงทุนด้วยจริงๆ ก็อยากให้เป็น “Strategic Partner” ช่วยให้แบรนด์โตไวมากกว่าที่ทำกันเอง
.
เป้าหมายระยะไกลและใหญ่ที่สุดสำหรับ “MERGE” คือการผลักดันแบรนด์สู่ระดับโลก อยากเป็นแบรนด์ไทยที่ทำให้คนไทยภูมิใจ “จี้” เสริมว่า ปัจจุบันสินค้ายีนส์จากแบรนด์ใช้ผ้ายีนส์ที่โรงทอผ้าไทยเกือบ 100% ตอนนี้คนไทยรู้จักแล้ว สเตปต่อไปคือตลาดเอเชีย และไปสู่ระดับโลก เป็น “Global Brand” ในอนาคต
.
“เราเป็นแบรนด์ที่ตั้งต้นจากการทำกางเกงยีนส์ที่คนหาใส่ไม่ได้ มีความหลากหลายตั้งแต่ไซซ์เล็กมากจนถึงพลัสไซซ์ ทำออกมาเพื่อให้เขามีกางเกงใส่ พวกเสื้อผ้าสาวเปรี้ยวเราก็มี ตอนแรกไม่ค่อยมีใครทำ เพราะคิดว่า สาวอวบอาจจะไม่กล้าใส่รึเปล่าแต่เราทำออกมาก่อน รองรับคนที่อยากแต่งตัว และทำแคมเปญที่ Empower ผู้หญิงเรื่อยๆ เพื่อให้เขามั่นใจกล้าแต่งตัว อาจจะไม่จำเป็นต้องผอม หุ่นดี เพียงแต่เราใส่แล้วรูปร่างดีขึ้นในแบบของเรา อันนี้เป็นสโลแกนของแบรนด์ที่เราทำ”

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

ไก่ทอดฮ็อทสตาร์ ผนึกเป๊ปซี่ รุก GEN Z

2025 ไทยรัฐกรุ๊ป ยกระดับประสบการณ์ผู้ชมครั้งใหญ่ ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ตอกย้ำเบอร์หนึ่งสื่อไทย

เบื้องหลัง เสียง 'อิ้งค์-วรันธร' ประกาศชื่อ 'สถานี BTS' 'แบรนด์ดัง' ใช้โปรโมทพรีเซนเตอร์.

‘CHAGO’ ชานมแบรนด์ใหม่ จากอาณาจักร ‘รวยไม่หยุด’ ดึง ‘ออม-กรณ์นภัส’ นั่งหุ้นส่วนด้วย