เมื่อ "รอยสัก" กลายเป็นเรื่องเทห์ของศิลปิน
เรื่องบางเรื่อง
ไลฟ์สไตล์คน..ได้เปลี่ยนความเชื่อของคน
ไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากหน้ามือเป็นหลังมือ
.
ความเชื่อเรื่องการสักยันต์ก็เหมือนกัน
เมื่อก่อนเราเชื่อว่ามันเป็นของขลัง
สักเพื่อให้เหนียว ให้อยู่ยงคงกระพัน
และสักเพื่อความเป็นสิริมงคล
.
ใครมีรอยสักรอบตัว
คนจะมองว่า "เป็นโจร เป็นเสือ เป็นนักเลง"
ถึงขนาดมีการห้ามกันเลย
ว่าถ้าใครมีรอยสัก ห้ามสมัครเป็นข้าราชการ
และบางบริษัทเอกชน บอกเลย
ว่าเค้าจะไม่รับเข้าทำงาน
จนมีธุรกิจลบรอยสัก ทั่วบ้านทั่วเมือง
.
วันนี้เปลี่ยนไปแล้ว
เพราะรอยสัก มันอัพเกรดเป็นแฟชั่น
ไม่ใช่เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่สัก
ผู้หญิงก็ยังนิยมสักด้วยเช่นกัน
ดังที่เราเห็นอยู่ตามนักร้อง ดารา นั่นแหล่ะครับ
.
ยุคนึง ฮิตมากๆ กับยันต์ห้าแถวของอ.หนู
จะเห็นว่า ศิลปิน นักร้อง ดารา ทั้งหญิงชาย
ต่างสักกัน จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ
ตอนนี้ ใครไม่สัก ถือว่าเชยมาก
จนทุกคนสักกันแทบทั่วตัว
.
ลองไปดูศิลปินขาร็อค
ถ้าใครไม่สัก แสดงว่าไม่ร็อคจริง
ไปดูเถอะครับ สายร็อคทุกคน
มีใครไม่สักบ้าง
ขนาดพี่ตูน บอดี้แสลม
ยังสักซะทั่วตัว ถอดเสื้อที
สาวๆ กรี๊ดสลบหน้าเวที
.
เมื่อรอยสัก กลายเป็นแฟชั่น
เราจะเห็นว่า ร้านรับสัก มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง
ไม่เกี่ยวกับความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์
แต่มันคือการแสดงความใจถึง
แสดงถึงความเป็นลูกผู้ชาย
เป็นมาดแมน ที่ผู้ชายทุกคนต้องมีไว้
.
ถ้าใครไม่มีรอยสักจริงๆ
สติ๊กเกอร์รอยสัก ทาน้ำแป๊ะผิวหนัง
ก็ได้รับอานิสงค์ไปด้วย
ไปดูเลยครับ ตามแหล่งแฟชั่นต่างๆ
มุมไหนของเมืองก็ได้
จะต้องมีร้านขายสติกเกอร์พวกนี้อยู่
และขายดีเป็นอาชีพได้เลยด้วย
.
เดี๋ยวนี้ รอยสัก
ไม่เกี่ยวกับเวทย์มนต์ ของขลัง
แต่มันเป็นแฟชั่นเต็มรูปแบบ
ใครไม่สัก แสดงว่าว่าเมิงกระจอก
เมิงไม่เจ๋ง เมิงไม่ซ่า เมิงไม่ขาร็อค
และสำคัญที่สุด
เมิงแม่ง! นักเลงฟันน้ำนมว่ะ
เฮ้ย! มันเป็นแบบนี้ได้ไงฟ่ะ
.
ChatTalks…คุยธุรกิจ คิดให้เป็น
www.chattalks.info
www.facebook.com/chatchaitalk
Tel.092-387-1241 , Line ID : ChatTalks
Email : kittisak1241@yahoo.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้