เอาเซินเจิ้น มาไว้ในธุรกิจคุณ

ถ้าพูดถึงการก็อปปี้
เราจะนึกขึ้นมาทันที
ว่าเมิงนี่ “เซิ่นเจิ้น” นี่หว่า
แม่ง! ก้อปเกรดเอมาเชียว
ทำแบบนี้ไม่มีวันเจริญ
.
แต่ถ้ามอง ตามแบบคนไทย
เราจะสอนมาเสมอๆ
ว่าเดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด 
อ้าว...นี่สอนกันมาตั้งแต่ตูยังเด็ก
ว่าให้เมิงเดินตามเค้าไปเถอะ รับรองไม่เจ็บตัว 
.
ทุกอย่างไม่มีใครถูกใครผิดหรอกครับ 
ถ้าคุณมองอีกมุมนึ่ง 
‘จริงๆ แล้วการก็อปปี้ 
เป็นจุดเริ่มที่ดีของความเจริญ’
และความเจริญยุคใหม่ 
ล้วนเริ่มจากการก็อปปี้ทั้งนั้น
.
เมื่อก่อนเวลาพูดถึง เซินเจิ้น 
เราจะนึกถึงเมืองเมืองผลิตของเก๊ 
แต่ทุกวันนี้เซินเจิ้นได้พัฒนาไปมาก
จนแทบไม่เหลือ เค้าโครงที่โตมาจากทำเก๊เลย
.
เซินเจิ้น วันนี้ 
ได้ฉายาใหม่ คือ Silicon Valley of Asia 
เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด
ในเอเชียแล้ว
.
เมื่อก่อนเวลาเรานึกถึง HUAWEI 
เราจะบอกว่า มันกระจอก
ถ้าคุณคิดแบบนั้น
คุณมาผิดทางแล้วครับ
เพราะเค้าผลิตสินค้ากันคนละระบบครับ
และที่เค้าโตมาได้จนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
เพราะเค้าใช้วิธี Copy แล้วพัฒนาต่อครับ
.
กลับมาที่เซินเจิ้น อีกที 
ตอนนี้เมืองนี้ เค้ามี บริษัทชื่อ DJI 
เป็นบริษัทผลิต โดรน รายใหญ่ที่สุดในโลก 
กินส่วนแบ่งตลาด 70% ของทั้งโลก
บริษัทนี้เพิ่งก่อตั้ง มาเพียงแค่ 10 ปีกว่าๆ 
โดยนักศึกษาจีนที่ชื่อ Frank Wang 
เรียนที่ฮ่องกง
เอา Project ที่ทำระหว่างเรียน
มาเปิดเป็นบริษัท DJI ที่เซินเจิ้น
.
ตอนนี้ Frank Wang 
กลายเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว
ทำให้จีน เป็นผู้นำในเรื่องของโดรนในเวลานี้
หลายคนยังเข้าใจผิด
คิดว่า DJI เป็นบริษัทอเมริกา มีฝรั่งเป็นเจ้าของ
หลายคนอาจสงสัย
ว่า ‘ทำไมโดรน ถึงเกิดและรุ่งในเซินเจิ้น’ 
จริงๆ แล้วต้องยอมรับ 
ว่า Silicon Valley ในอเมริกา 
จะเก่งในเรื่องของ Software 
แต่เซินเจิ้น จะเก่งเรื่อง Hardware 
DJI ก็จะเก่งเรื่อง Hardware มาก
เขาถึงเกิดที่ เซินเจิ้น นั่นเอง
.
ตอนนี้เซินเจิ้น 
กลายเป็นโรงงานของโลกไปแล้ว 
ในเรื่องการผลิต และความชำนาญ 
และจุดนี้นี่เอง ทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ 
นักศึกษาหรือคนที่มีไอเดีย 
จึงสามารถเกิดขึ้นที่นี่ได้
.
กลับมาที่เมืองไทย
เราก็ชอบของก็อปปี้เหมือนกัน 
แต่ชอบซื้อนะ ไม่ได้ชอบผลิต
555 555 555
.
ถ้าเราจะปรับตัวตามแบบเซินเจิ้น
เราต้องปรับที่ระบบการศึกษาครับ
แล้วทำให้มันจริงจัง นำมาพัฒนาสินค้าจริงๆ
ไม่ใช่ทำเพื่อเป็นกระดาษ ส่งเอาเกรดเท่านั้น
ด้วยวิธีการดำเนินการแบบนี้
.
1.วิทยานิพนธ์ ในมหาวิทยาลัย 
ควรนำต่อยอดได้ ให้เป็นธุรกิจจริงๆ 
อย่าง Google หรือ Facebook 
ก็ล้วนเกิดจากโปรเจค ของนักศึกษาทั้งนั้น 
นักศึกษาไทย 
เราต้องดันโปรเจคให้เป็นธุรกิจให้ได้
.
2. พยายามต่อยอดโปรเจคที่เราคิด 
ให้สามารถมีรายได้ จากการขายของได้จริง
ธุรกิจจะเริ่มขึ้นได้ 
ต้องมีการสร้างสินค้าและบริการจริง
ถ้าเราทำสำเร็จจริง
มันต้องมีคนจ่ายเงินซื้อสินค้าเรา
ไม่ใช่ส่งแค่เอาเกรดอย่างเดียว
.
3. เมื่อมีคนยอมจ่ายเงินซื้อ
ก็ค่อยหานักลงทุน มาสนับสนุน 
พวก Venture Cappital ตอนนี้มีเยอะ
ถ้าสินค้ามีคนยอมจ่ายเงิน 
คุณหานักลงทุนไม่ยาก  
.
4.”อย่าไปแห่ตามกระแส”
อายุน้อย 100 ล้าน 
มันเป็นรายการทีวีครับ
การทำรายการแบบนี้ 
ส่วนหนึ่งขายฝัน มุ่งสร้างกำลังใจให้คน
.
ข้อสรุปง่ายๆ
ถ้าสินค้าที่คุณคิด มีคนยอมจ่ายเงิน 
คุณทำได้ เดี๋ยวจะค่อยๆ ขยับไปถึงฝันเองครับ
.
ChatTalks…คุยธุรกิจ คิดให้เป็น
http://www.chattalks.info
www.facebook.com/chatchaitalk
Tel.092-387-1241 , Line ID : ChatTalks
Email : kittisak1241@yahoo.com

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

อย่ากลัว Distruption เพราะมันมากาคุณแน่ๆ

“พจน์ อานนท์” หนัง Content “ต่ำ” แต่คำโปรโมท “สูง”

กางเกงยีนส์ ‘แม็ค’ ปรับธุรกิจอย่างไร ให้มากกว่าเดนิม สร้างการโตนิวไฮรอบ 7 ปี

Heineken 0.0 เบยร์ไม่มีแอลกอฮอลล์ แกกกฏโฆษณา และฉีกภาพเบียร์ในตำนาน

ต่อไปนี้ ระบบการทำธุรกิจ จะโดน Distrub