เรดิสัน’ ติดสปีดบุกเอเชีย! เปิดโรงแรมใหม่กว่า 1.2 พันแห่ง ไทยฮอตรั้ง ‘TOP 5’
ปักธงในประเทศไทยเป็นหมุดหมายหลักด้วยสัดส่วนกว่า 70% หลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19
จากปัจจุบัน กลุ่มเรดิสัน เปิดให้บริการและอยู่ระหว่างดำเนินการมากกว่า 1,700 แห่งใน 120 ประเทศทั่วโลก โดยมีโรงแรมที่เปิดให้บริการและอยู่ระหว่างดำเนินงานในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่า 1,150 แห่ง มีแบรนด์โรงแรมภายใต้การบริหาร 9 แบรนด์ ได้แก่ เรดิสัน คอลเลคชั่น, อาร์ทโอเทล (art’otel) เรดิสัน บลู, เรดิสัน, เรดิสัน เรด, เรดิสัน อินดิวิดวลส์, พาร์ค พลาซ่า, พาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน, คันทรี อินน์ แอนด์ สวีท บาย เรดิสัน และ ไพร้ซโซเทล
เอลลี่ ยูเนส รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาระดับสากล เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ฉายภาพว่า กลุ่มเรดิสันเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก ว่าแตกต่างจากปี 2565 อย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมในประเทศไทย ทุกคนอยู่ในห้วงเวลาแห่งการพลิกฟื้น! บางตลาดกลับมาดี ฟื้นเร็ว ปิดช่องว่างที่หายไปของปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด แต่ก็ยังมี “ความท้าทายทางเศรษฐกิจ” ที่ต้องฝ่าฟันกันต่อ โดยเฉพาะปัญหา “เงินเฟ้อ” จากต้นทุนพลังงานและค่าครองชีพ
“ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มเรดิสันในตอนนี้ ราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) เริ่มกลับมาใกล้เคียงปี 2562 แล้วก็จริง แต่อัตราการเข้าพัก (Occupancy) ยังไม่ใกล้เคียงนัก ทำให้ต้องเพิ่มความสามารถในการทำกำไร บริหารจัดการต้นทุนอย่างชาญฉลาดมากๆ สู้กับความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะเงินเฟ้อ เพื่อให้ได้กำไรกลับมาเท่าเดิม”
เมื่อดูเฉพาะภาพรวมธุรกิจโรงแรมเฉพาะในภูมิภาค “เอเชีย” พบว่าประเทศไทยและดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นจุดหมายปลายทางที่ฟื้นตัวเร็วกว่าจุดหมายอื่นๆ ส่วนจีนยังฟื้นตัวค่อนข้างช้า เนื่องจากเพิ่งเปิดประเทศได้แค่ 6 เดือนเท่านั้นนับตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา จึงคาดการณ์ว่าในช่วงสิ้นปี 2567 น่าจะเห็นการฟื้นตัวแบบทั่วถึงทั้งภูมิภาคเอเชีย
สำหรับโรงแรมของกลุ่มเรดิสันในเอเชีย ปัจจุบันมีสัดส่วนโรงแรมในภูมิภาคนี้ 20-30% ของโรงแรมกลุ่มเรดิสันฯทั่วโลก ตามแผนการพัฒนาโรงแรมใหม่จะรุกขยายสัดส่วนในเอเชียเพิ่มเป็น 65% ในอนาคต! โดยในช่วง 5 ปีข้างหน้า กลุ่มเรดิสันจะขยายโรงแรมใหม่ในเอเชียเพิ่มอีกประมาณ 1,250 แห่ง หรือ 250 แห่งต่อปี แบ่งเป็น 150-200 แห่งต่อปีเฉพาะในประเทศจีน ส่วนอีก 50-60 แห่งต่อปีเป็นตัวเลขการขยายนอกประเทศจีน มี “ประเทศไทย” เป็นหมุดหมายสำคัญติด “TOP 5” ของกลุ่มเรดิสัน
โดยแผนขยายโรงแรมใหม่ช่วง 5 ปีดังกล่าวในประเทศไทยและกลุ่มประเทศ CLMV ของกลุ่มเรดิสัน มีจำนวนรวม 60-75 แห่ง หรือคิดเป็น 12-15 แห่งต่อปี โดยให้น้ำหนักกับประเทศไทยมากถึง 70% คิดเป็น 42-52 แห่ง ส่วนอีก 30% กระจายอยู่ในกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลักสำคัญสำหรับเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและรวดเร็ว ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเราได้มีการลงนามสัญญากับโรงแรมใหม่ถึง 7 แห่ง มีจำนวนห้องพักรวมกว่า 1,300 ห้อง ซึ่งประกอบไปด้วย 3 แบรนด์ ได้แก่ เรดิสัน เรด, เรดิสัน อินดิวิดวลส์ และแบรนด์ใหม่ล่าสุดคือ พาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน ซึ่งล่าสุดได้ลงนามสัญญาบริหารโรงแรมพาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน ดอนเมือง”
การเปิดตัวของ “พาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน” แบรนด์โรงแรมระดับมิดสเกล (mid-scale) ถึงระดับอัปเปอร์มิดสเกล (upper-midscale) ขึ้นที่กรุงเทพฯครั้งนี้ นับเป็นการเปิดตัวโรงแรมแบรนด์ที่ 6 ตามแผนกลยุทธ์ขยายการเติบโตของกลุ่มเรดิสันในประเทศไทย โดยจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 ของปี 2567 มีห้องพักสไตล์ร่วมสมัยจำนวน 89 ห้อง และห้องอาหารแบบ all-day-dining
ส่วนโรงแรมใหม่ 3 แห่งที่พร้อมจ่อคิวเปิดให้บริการภายใน 12 เดือนข้างหน้า ได้แก่ “เรดิสัน เรด ภูเก็ต ป่าตอง บีช” เป็นโรงแรมไลฟ์สไตล์ระดับอัปสเกลขนาด 390 ห้อง ที่นำเสนอลูกเล่นที่แปลกใหม่ด้วยการออกแบบพื้นที่อย่างสร้างสรรค์เพื่อให้นักเดินทางได้พักผ่อน ผ่อนคลาย และสัมผัสถึงเอกลักษณ์ท้องถิ่นของจุดหมายปลายทางอย่างแท้จริง มีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งจะเป็นการเปิดตัวของแบรนด์ “Radisson RED” ครั้งแรกในประเทศไทย
“เรดิสัน รีสอร์ท ภูเก็ต ไม้ขาว บีช” เป็นรีสอร์ทระดับอัปสเกลขนาด 222 ห้อง มีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2567 ทำเลที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะภูเก็ต และเดินทางต่อไปยังหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นชายหาดที่ยาวถึง 11 กิโลเมตรได้อย่างสะดวกสบาย
และ “เรดิสัน โฮเทล เพลินจิต กรุงเทพฯ” เป็นโรงแรม “แฟล็กชิป” (Flagship) แห่งใหม่ภายใต้แบรนด์ “Radisson” ในใจกลางเมืองย่านธุรกิจ “เพลินจิต” ที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ มีขนาด 133 ห้อง วางกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2567 หลังจากการปรับโฉมโรงแรมเดิม (ชาโต เดอ แบงค็อก) แล้วเสร็จสมบูรณ์ จะกลายเป็นโรงแรมระดับอัปสเกลร่วมสมัยชั้นนำแห่งใหม่ใจกลางกรุงที่มีเสน่ห์ดึงดูดเหนือกาลเวลา ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลายและมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับแขกผู้เข้าพัก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้