‘แกรมมี่’ ดัน ‘จีเอ็มเอ็ม มิวสิค’ เข้าตลาดฯ ระดมทุน พลิกธุรกิจเพลงครั้งใหญ่
คณะกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ทำการอนุมัติแผนการ Spin-Off ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (GMM MUSIC) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทของกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ วางคอนเซปต์สร้างการเติบโตให้อุตสาหกรรมเพลงสู่ “New Music Economy” และการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนจะนำเงินลงทุนที่ได้ไปขยายธุรกิจในขยายอุตสาหกรรมเพลงทั้งตลาด
พร้อมกันนี้ได้วาง 7 ยุทธศาสตร์ รุกธุรกิจ ได้แก่ 1.ขยายการผลิตเพลง ศิลปิน สร้างเพลย์ลิสต์ต่างๆ อีก “เท่าตัว” ดังนี้
* เพลงจาก 400 เพลงต่อปี เป็น 1,000 เพลงต่อปี
* ศิลปินจาก 120 ศิลปิน เป็น 200 ศิลปินภายใน 5 ปี
* Playlist เข้าสู่สตรีมมิ่ง
แพลตฟอร์มจาก 3,000 Playlists เป็น
6,000 Playlists ต่อปี
* ผลงานเพลงอัลบั้มจาก
30 อัลบั้มต่อปี เป็น 50 อัลบั้มต่อปี
* ศิลปินฝึกหัดจาก
150 ศิลปิน เป็น 300 ศิลปินต่อปี
2.ขยายธุรกิจโชว์บิส โดยเฉพาะสเกลของเทศกาลดนตรี(Music Festival) ให้ครอบคลุจำนวนผู้ชมทั่วประเทศ มากกว่า 500,000 คนต่อปี ซึ่งจะเห็นการ “ร่วมมือกับทุกค่ายเพลง” ต่อยอดแหล่งรายได้ให้เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในและต่างประเทศ
ส่วนคอนเสิร์ตจะปลุกศิลปินระดับตำนานจนถึงปัจจุบันมาต่อยอด
การผนึกพันธมิตรผู้นจัดงานหรือโปรโมเตอร์ ทั้งในและต่างประเทศในการขยาย เซ็กเมนต์
มุ่งสู่การเป็นผู้จัดงานระดับสากล ทั้งแฟนมีทติ้ง คอนเสิร์ตต่างๆ
ในไทยจะเติบโตร่วมไปกับทุกศิลปิน ทุกค่ายเพลง เพื่อความเจริญรุ่งเรือง สร้างเศรษฐกิจใหม่ที่เติบโตไม่แพ้สัดส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจเพลงในตลาดโลก (For The Next 40 years of Music Legacy) ภายใต้กรอบความคิดใหม่ ๆ จากคนรุ่นใหม่ และคนหัวคิดสมัยใหม่ ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา เราเดินทางสร้างตลาด เปลี่ยนผ่านจากความเป็น Music Company สู่ Music Infrastructure จนวันนี้เราจะเดินหน้าสู่การเป็น New Music Economy ที่จะสร้างผลลัพธ์ที่เป็นเลิศให้กับทุกคนในอุตสาหกรรมเพลงไทยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม มิวสิค กล่าวว่า การ Spin-Off ที่จะเกิดขึ้นนี้ บริษัทตั้งอยู่บนพื้นฐานของธุรกิจที่มีความแข็งแรง ทั้งขนาดรายได้ ขนาดกำไร คุณภาพของศิลปิน และคุณภาพของทีมงาน หากผลักดัน New Music Economy ได้นั้น อาจหมายถึงการเติบโตการผลิตได้ถึง 2 เท่า และอาจสร้างรายได้เติบโตได้เป็น 2 เท่าเช่นกัน
“หากเราสามารถสร้างความร่วมมือ และพันธมิตรได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า ตลาดก็น่าที่จะเติบโตได้เป็น 2 เท่าเช่นกัน มุมความคิดเหล่านี้ ล้วนสอดคล้องกับการเจริญเติบโตของตลาดโลก ที่ไม่ได้เติบโตแค่ในเชิงของคุณภาพเพียงแค่นั้น หากแต่เติบโตด้วยเรื่องของขนาด เป็นอีกนัยยะสำคัญหนึ่งเช่นกัน”
การเติบโตที่เราเชื่อมั่นมาจากทั้งพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคง (Sustainable Growth) และความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ และพันธมิตรทุกสาขา (Strategic Growth) ณ ปัจจุบัน ผม และบริษัทได้เตรียมการที่จะเดินหน้าด้าน Strategic Investment อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งปัจจุบันเราได้ทำการเจรจา และอยู่ในขั้นตอนการสรุปดีลกับ Partner ต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศความร่วมมือต่าง ๆ ได้ภายในไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ของปี 2566 นี้”
ปัจจุบัน
จีเอ็มเอ็ม มิวสิค มีรายได้จาก 5 กลุ่ม ได้แก่
1ธุรกิจเพลงดิจิทัลมูลค่า
1,152 ล้านบาทสัดส่วน 34%
2.
บริหารจัดการศิลปิน ฯ มียอดรายได้ 1,177 ล้านบาทสัดส่วน 35%
3. โชว์บิส
คอนเสิร์ต 678 ล้านบาท สัดส่วน 20%
4.
บริหารจัดการลิขสิทธิ์ 234 ล้านบาท สัดส่วน 7%
5. จำหน่ายสินค้าเพลงผ่าน Physical มีรายได้ 147 ล้านบาท สัดส่วน 4%
“บริษัทตั้งประมาณการที่จะสร้างรายได้ที่ 3,800 ล้านบาท ในปี 2566 นี้ และพร้อมที่จะเดินหน้าสู่การสร้างผลประกอบการแบบ New High ภายในปี 2567 ซึ่งแผนงานทั้งหมดเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของ New Music Economy ภายใต้การ Spin-Off ของจีเอ็มเอ็ม มิวสิค”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้