“เจ้าหน้าที่สีกากี-ธุรกิจสีเทา” ก็ระบบมันเอื้อให้เป็นของคู่กัน?

“ตำรวจ” ณ ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งองค์กรที่สังคมกับจับตามองอย่างหนัก ด้วยเรื่อง “ธุรกิจสีเทา”ที่พบตำรวจเข้าไปพัวพัน

บ่อยครั้ง ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นกันล่ะ?หลายคนคงมีคำตอบในใจอยู่ แต่วันนี้ทีมข่าวอยากชวน “โต้ง” รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต มาวิเคราะห์กันว่า มันเป็นเพราะอะไร?

“ต้องมานิยามว่า วงการสีเทา ในที่นี้หมายถึงอะไรนะครับ หมายถึงการประกอบธุรกิจที่อาจหมิ่นเหม่ต่อการอะไรทำผิดกฎหมาย เช่น เปิดร้านจำหนายสุรา ผับบาร์ หรือแม้กระทั่งการทำสิ่งผิดกฎหมายอย่าง บ่อนการพนัน”

“ดร.โต้ง” อธิบายว่า คนทำธุรกิจต้องหาทางเพื่อทำกำไร ยกตัวอย่าง การเปิด-ปิดผับตามเวลา ก็จะเสียรายได้เพราะลูกค้าไม่สามารถนั่งต่อได้ ทำให้มีการยื่นข้อเสนอต่อรอง ให้ไม่ต้องทำตามกฎ

“เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมาย ถูกล่อลวงด้วยสินบน ผลตอบแทน จึงทำให้เกิดลักลั่นในการบังคับใช้กฎหมาย”

เรื่องนี้มีหลายมิติมาก ทั้งเรื่องการขาดแคลนทั้งกำลังพล งบประมาณในการสนับสนุนทำงาน และที่สำคัญคือการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่ง “ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้น”

“เพราะรวมศูนย์” จึงเกิด “การเอื้อประโยชน์”

นักธุรกิจต้องหาทุกช่องทางเพื่อทำเงิน แต่ตำรวจข้าไปพัวพันกับเรื่องเหล่านี้ เป็นเพราะเรื่อง“เงิน” อย่างเดียวจริงๆ หรือ? ดร.โต้ง ช่วยวิเคราะห์ต่อ

“จริงแล้วมันคงเกี่ยวพันธ์หลายอย่างนะครับ เรื่องของเม็ดเงินด้วย เรื่องของการเอื้อประโยชน์ต่างตอบแทนกันด้วย”

“ผลประโยชน์ต่างตอบแทน” ดร.โต้งเล่าให้ฟังว่า เวลามี “การโยกย้ายตำแหน่ง” ตำรวจบางนายก็เปิดเผยข้อมูลว่า เขาต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้ขึ้นตำแหน่ง ซึ่งบางกรณีก็เห็นได้จากข่าว

ตำรวจเงินเดือนน้อย แต่กลับต้องนำเงินไปวิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง ก็กลายเป็นว่าต้องเข้าหา ผู้มีอิทธิพล คนมีเงิน ธุรกิจสีเทา จนกลายเป็นการต่อรองผลประโยชน์

“ถ้าผมได้ตำแหน่ง ผมจะดูแลตรงนี้ได้ ผมจะดูแลอย่างนี้ให้ ก็เกิดการแรกเปลี่ยนผลประโยชน์”

และเมื่อ “ธุรกิจสีเทา” ก็พร้อมจะยื่นข้อเสนอให้ตำรวจ เพื่อผลประโยชน์ต่อกิจการเขา ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นการสร้าง “ผู้มีอิทธิพล” ไปโดยปริยาย ตัวอย่างเช่น “กำนันนก”

ปัญหานี้เกิดจาก การบริหารงานตำรวจ “ยังเป็นแบบรวมศูนย์อำนาจ” ขาดการมีส่วนรวมของประชาชนในทุกระดับ ทำให้องค์ตำรวจเป็นองค์ปิด “ตำรวจขึ้นอยู่กับส่วนกลาง ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา ไม่ได้ขึ้นกับประชาชนเลย”

ดร.โต้ง ยกตัวอย่างประเทศ “อินโดนีเซีย” หากมีการแต่งตั้งโยกย้าย “ผู้กำกับโรงพัก” คนในพื้นที่จะต้องเห็นด้วย และผู้กำกับที่จะขึ้นมาแทน ต้องมาจากการเสอนชื่อของคนในพื้นที่นั้น นี้คือการยึดโยงกับประชาชน

“แต่ปัจจุบัน เราบอกว่ายึดโยงกับประชาชนเนี่ย ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนะครับ แต่ยึดโยงกับประชาชนบางส่วน บางคน เท่านั้นครับ”

ค่าตอบแทนพิเศษ” อาจช่วยแก้ปัญหา

เงินเดือนและสวัสดิการ” เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ไหม? ดร.โต้งกล่าวว่า อันนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง เพราะตอนนี้เงินเดือนและสวัสดิการ ไม่สอดคล้องกับการทำงานของตำรวจ ทำให้ “ขาดความพร้อมในการทำงาน”

ตำรวจจากกรุงเทพฯ ต้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ก็ต้องหาที่อยู่ สมมติเบิกได้ 3,000-3,500 บาท แต่ที่พักอาจราคาสูงกว่านั้น หรือตำรวจจากต่างจังหวัดย้ายเข้ามาในกรุงเทพฯ ซึ่งค่าครองชีพมันก็ต่างกัน

นี่ยังไม่นับรวม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินงานที่ขาดแคลนงบประมาณสนับสนุน “จนเกินส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่ม”

“พอเกิดส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่ม ค่ากระดาษ ค่ากระสุน ค่าน้ำมันรถสายตรวจ ค่าหมึกปรินเตอร์ ค่างานเสริมจากผู้บังคับบัญชาที่สั่งงานมา ตรงนี้ก็เริ่มมีธุรกิจสีเทายื่นข้อเสมอมาละ ก็เลยพัวพันกัน”

“เงินเดือนปัญหาโลกแตกนะครับ” เพราะตำรวจมีทั้งหมด 2 แสนกว่านาย สมมติว่าขึ้นเงินเดือนให้คนละ 1,000 บาท รัฐจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเกิบ 2 พันล้านบาท ดร.โต้ง จึงเสนอว่าควรมี “ค่าตอบแทนพิเศษ”

โดยขึ้นอยู่ตามตำแหน่งและพื้นที่ เช่น ในเขตเมืองท่องเที่ยว อาจต้องมีเงินเพิ่มเติมให้นอกเหนือจากเงินเดือน ขึ้นอยู่กับงบประมาณในแต่จะท้องถิ่นนั้น

แต่ทั้งหมด ท้องถิ่นต้องมีสวนร่วนในการพิจารณาว่า ในพื้นที่จะต้องใช้ตำรวจกี่นาย หรือตำรวจในพื้นนั้นจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง “เขาจะได้มีประสิทธิภาพในการทำงาน”

“คือปรับเรื่อง สวัสดิการให้มีพอดีกับการทำงานของเขา ปรับเรื่องความพร้อมในการทำงานคืออุปกรณ์ ปรับเรื่องค่าตอบแทนให้เหมาะสมในการใช้ชีวิตในแต่ละพื้นที่”

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

มิติใหม่! ขายได้แม้ยังไม่เปิดตัว ลูกค้าซื้อเพนท์เฮ้าส์ 500 ล้านบาท ของแสนสิริ บนทำเลทองชิดลม

ศูนย์การค้าต่างพร้อมใจตกแต่งสถานที่ เพื่อร่วมต้อนรับเดือนแห่งความหลากหลายและความเท่าเทียม ในเทศกาล Pride Month

ฮาลั่น....ไม่รู้จักได๋ ไดอาน่า

เปิดวิสัยทัศน์ วินฟาสต์ ไทย-อาเซียน ประสบการณ์ลูกค้าคือ สมรภูมิใหม่ EV

'Nano' เปิดตัวสินค้ากลุ่มแสงสว่าง ตั้งเป้าปี 68 รายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท