ยุทธศาสตร์ ‘มาม่า’ ทศวรรษที่ 6 ลุยลงทุนใหญ่ ไทย-ต่างแดน เร่งทัพสู่ตลาดโลก

มิติการตลาด บริษัทจะให้มุ่งเน้นการพัฒนาบะหมี่ฯในกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ การปรับดีไซน์และขนาดของบรรจุภัณฑ์(แพ็คเกจจิง)ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ที่สำคัญการเดินหน้ารักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อสอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคยุคใหม่ทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ

ด้านแผนลงทุน บริษัทยังเดินหน้าในการขยายธุรกิจ เล็งลงทุนเพิ่มในตลาดต่างประเทศเพื่อ “ก้าวสู่ตลาดโลก” โดยก่อนหน้านี้การลงทุนในประเทศบริษัทกำลังหาที่ดินเพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ผลิตบะหมี่ฯ รองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะเป็นการทุ่มงบก้อนโตในรอบหลายปี ส่วนต่างประเทศมีการหาโอกาสตลาดในประเทศกัมพูชา เล็งขยายการผลิตที่ประเทศฮังการีเพิ่มเติม และการลุยตลาดในอาฟริกา เป็นต้น
ปิดปี 2566 ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเติบโตถึง 11.7% จากปีก่อนหน้า ทำให้มูลค่ารวมอยู่ที่ 21,045 ล้านบาท (ที่มา : นีลเส็น พ.ย.66) โดยเชิงมูลค่าที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการ “ปรับราคาขายปลีก” ช่วงไตรมาส 3 ปี 2565 ทำให้มีผลต่อเนื่องถึงปี 2566 ทั้งนี้ “มาม่า” ยังครองความเป็นเบอร์ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 49.6%

มาดูผลประกอบการของเบอร์ 1 บะหมี่ฯ ภายใต้บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด(มหาชน)หรือ TFMAMA มีรายได้จากการขายรวม 27,663.98 ล้านบาท เติบโต 4.46% จากปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 1,182.25 ล้านบาท เหตุผลเพราะการขายในประเทศได้รับไฟเขียวให้ขยับราคาสินค้าได้ในไตรมาส 3 ปี 2565 เนื่องจาก “บะหมี่ฯ” เป็นหนึ่งในสินค้าควบคุมราคาโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ แม้ต้นทุนวัตถุดิบขยับ จะปรับราคาขายเองไม่ได้ หากรัฐไม่อนุมัติ

เมื่อดูตลาดในประเทศของ “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารกึ่งสำเร็จรูป” บริษัทสร้างยอดขายเติบโต 11.28% โดยบะหมี่ฯเติบโต 10.53% ผลิตภัณฑ์เส้นขาว โจ๊ก และข้าวต้ม มีการเติบโต 19.39% จากการปรับราคาขายปลีกสินค้า และการออกสินค้าใหม่ในกลุ่มพรีเมียม
ด้าน “การขายต่างประเทศยังชะลอตัว” ตามทิศทางประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยปิดปี 2566 ยอดขายเติบโต 2.15% แบ่งเป็นกลุ่มบะหมี่ฯ เติบโต 6.34% จากการขยายตัวของตลาดโดยรวม ส่วนสินค้ากลุ่มเส้นขาว โจ๊ก และข้าวต้ม ยอดขายลดลง 15.66% เนื่องจากมีคู่แข่งมากขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเผชิญต้นทุนสูงขึ้นในส่วนของ “แป้งสาลี” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตบะหมี่ฯ รวมถึงสินค้าอื่นๆภายใต้พอร์ตโฟลิโอของบริษัท เช่น ขนมปังกรอบ เบเกอรี่ ส่วน “น้ำมันปาล์ม” ที่เป็นอีกวัตถุดิบสำคัญของบะหมี่ฯ ราคาอ่อนตัวลงตามกลไกตลาด

บะหมี่ฯ สร้างยอดขายเติบโตเล็กน้อย ทว่า กลุ่มเบเกอรี ยอดขายแทบไม่เติบโต เพราะขยายตัวเพียง 0.15% เท่านั้น เพราะ “คู่แข่ง” เพิ่มมากขึ้น ทำให้การโตน้อย ยิ่งกว่านั้นกลุ่มขนมปังกรอบ “ยอดขายลดลงถึง 14.99%” ผลพวงจากการ “ปรับราคาขึ้น” ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566

อย่างไรก็ตาม บริษัทพยายามปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับช่องทางจำหน่าย เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงครึ่งปีหลัง แต่ไม่สามารถกอบกู้และรักษาระดัยยอดขายได้ ขณะที่ “น้ำผลไม้” ยอดขายลดลง 6.1% โดยยอดขายในประเทศเพิ่มแต่ยอดขายต่างประเทศลดลง
สำหรับการทำกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 3,777.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.59% คิดเป็นมูลค่า 991.62 ล้านบาท โดยความสามารถในการกำไรอยู่ที่ 13.18% ของรายได้รวม

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต