‘ไทยแอร์เอเชีย’ ลุยธุรกิจปี 67 ฟื้น 90% ‘วีซ่าฟรี’ ดันผู้โดยสารทะยาน 21 ล้านคน

ธุรกิจต้นน้ำอย่าง “สายการบิน” คือหัวใจหลักการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว! สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ฉายภาพว่า ตามแผนธุรกิจของ “ไทยแอร์เอเชีย” จะขยายฝูงบินจาก ณ สิ้นปี 2566 ที่มีอยู่ 52 ลำ เพิ่มเป็น 60 ลำ ณ สิ้นปี 2567 รองรับการเปิด “เส้นทางบินใหม่” และเพิ่มความถี่เที่ยวบิน โดยเฉพาะตลาดเส้นทางบินระหว่างประเทศ

ขณะนี้ไทยแอร์เอเชียอยู่ระหว่างศึกษา 2 เส้นทาง ได้แก่ “กาฐมาณฑุ” เมืองหลวงประเทศเนปาล และ “อูลันบาตอร์” เมืองหลวงประเทศมองโกเลีย หลังเพิ่งเปิดเส้นทางบินใหม่ จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่ กูวาฮาติ และ อัห์มดาบาด ประเทศอินเดีย รวมถึงกลับมาให้บริการเส้นทาง ดอนเมือง-ซัวเถา ประเทศจีนอีกครั้ง

ทั้งนี้ ในปี 2567 มองว่าจะเป็นปีที่ดีของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดเส้นทางระหว่างประเทศ การกลับมาของตลาดจีน เเละเส้นทางบินใหม่ๆ ที่ไทยแอร์เอเชียเปิดให้บริการเเล้ว อาทิ จากดอนเมืองสู่เซี่ยงไฮ้ (จีน) เกาสง (ไต้หวัน) เเละล่าสุด โอกินาว่า (ญี่ปุ่น)

“เราตั้งเป้าหมายฟื้นธุรกิจของไทยแอร์เอเชียในปี 2567 กลับมา 90% เทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด หลังจากเส้นทางบินในประเทศกลับมาเต็มร้อยแล้ว โจทย์ตอนนี้คือการเร่งหาผู้โดยสารจากตลาดเส้นทางบินระหว่างประเทศอื่นๆ มาเสริมทัพตลาดผู้โดยสารชาวจีนที่ยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัว แม้ปีนี้ตลาดชาวจีนจะยังไม่กลับมา 100% แต่ก็คาดว่ากรณีดีที่สุด (Best Case) น่าจะเห็นผู้โดยสารชาวจีนของไทยแอร์เอเชียฟื้นตัว 70-80% เทียบกับปี 2562”

สอดรับกับภาพรวมการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ตั้งเป้าหมายไว้ 8 ล้านคนในปี 2567 หลังจากปี 2566 ไทยแอร์เอเชียมีผู้โดยสารชาวจีน 20% ของนักท่องเที่ยวจีนมาไทยทั้งหมด 3.5 ล้านคน ส่วนปี 2562 ไทยแอร์เอเชียมีผู้โดยสารชาวจีนประมาณ 20% ของนักท่องเที่ยวจีนมาไทยจำนวนกว่า 11 ล้านคน
“เรามองว่าการผลักดันภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนมาไทยจาก 3.5 ล้านคน เพิ่มเป็น 8 ล้านคนในปีนี้ ถือเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างจะ Aggressive (เชิงรุก) พอสมควร แต่ก็ไม่แน่ เพราะเศรษฐกิจจีนล่าสุดก็เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น”

สำหรับเส้นทางบิน “ไทย-จีน” ของไทยแอร์เอเชีย เมื่อปี 2566 มีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ย 83% ปัจจุบันให้บริการรวม 11 เส้นทาง ได้แก่ กว่างโจว เซินเจิน ฉงชิ่ง ฉางซา ซีอาน ซัวเถา อู่ฮั่น หางโจว คุนหมิง เฉิงตู และล่าสุด เซี่ยงไฮ้ ที่เพิ่งเริ่มให้บริการเส้นทางนี้เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2567 จำนวน 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยเตรียมเปิดเส้นทางบินตรงสู่ “ปักกิ่ง” ในเร็วๆ นี้ด้วย

หลังเห็นกระแสการเดินทางของผู้โดยสารชาวจีนฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ที่ยังขาดคือตลาดกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว โดยในช่วงโกลเด้นวีคหยุดยาว “เทศกาลตรุษจีน” มีชาวจีนจองตั๋วเครื่องบินเต็มลำตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. ทำให้ตลอดเดือน ม.ค.ที่ผ่านมามีโหลดแฟคเตอร์เฉลี่ย 90% และเมื่อดูยอดจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าของเดือน ก.พ. น่าจะได้ 90% เช่นกัน ส่วนเดือน มี.ค. เป็นธรรมชาติของเส้นทางนี้ที่โหลดแฟคเตอร์จะชะลอตัว แต่จะสวิงกลับขึ้นมาอีกครั้งในช่วง “เทศกาลสงกรานต์” ซึ่งมีงานอีเวนต์จัดอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศนาน 3 สัปดาห์

“พอการเดินทางระหว่างไทย-จีน ไม่ต้องขอวีซ่าอีกต่อไป มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป คาดว่าจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะไทยแอร์เอเชียที่มีเส้นทางบินสู่จีนมากที่สุด ซึ่ง ณ เดือน ก.พ. ให้บริการรวมกว่า 103 เที่ยวบินต่อสัปดาห์”

ทั้งนี้ มองด้วยว่าจากความตกลงยกเว้นวีซ่าไทย-จีนระหว่างกัน จะทำให้พฤติกรรมการจองของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป ระยะเวลาการจองล่วงหน้า (Booking Period) น่าจะสั้นลง จากเดิมที่ต้องขอวีซ่า ใช้เวลาเตรียมตัวจองล่วงหน้า 3 เดือน แต่ตอนนี้ระยะเวลาการจองล่วงหน้าเหลือแค่ 2 สัปดาห์ ก็เดินทางได้เลย เหมือนกับตลาดคนไทยไปญี่ปุ่นที่ไม่ต้องขอวีซ่า พอมีโปรไฟไหม้มา ก็ไปเที่ยวได้เลย

สันติสุข เล่าเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาด “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” จากเส้นทางในประเทศมีโหลดแฟคเตอร์มากกว่า 90% สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยยังเที่ยวอยู่! อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงตัวบ่งชี้ของภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น คงไม่สามารถสะท้อนภาพรวมของ “เศรษฐกิจไทย” ทั้งหมดว่าเข้าสู่ภาวะ “เงินฝืด” หรือไม่ ต้องพิจารณาตัวบ่งชี้ของเซ็กเตอร์ (Sector) อื่นๆ ประกอบด้วย

ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชียตั้งเป้าขนส่งผู้โดยสารจำนวน 20-21 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 18.9 ล้านคนเมื่อปี 2566 ยังไม่กลับไปเท่าจำนวนผู้โดยสาร 22.15 ล้านคนเมื่อปี 2562 ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ส่วนโหลดแฟคเตอร์เฉลี่ยของปีนี้คาดอยู่ที่ 88% จากปีที่แล้วได้ 90% พร้อมตั้งเป้ารายได้จากการขายและบริการเติบโต 20-23% จากปี 2566

 

AI เพิ่มประสิทธิภาพ ‘แอร์ไลน์’
สันติสุข ซีอีโอแห่งไทยแอร์เอเชีย กล่าวด้วยว่า จากกระแส AI ที่กำลังสร้างแรงกระเพื่อมต่อภาคแรงงานทั่วโลกตอนนี้ ในมุมธุรกิจสายการบินมองว่าบางอย่างทดแทนคนได้ หลายแผนกมีการนำ AI มาช่วยงานมากขึ้น โดยส่วนที่ได้รับผลกระทบน่าจะเป็นบริการภาคพื้นดิน เช่น ระบบเช็กอินด้วยตัวเอง (Self Check-in) รวมไปถึงการวางตารางเที่ยวบิน การตั้งราคาตั๋วเครื่องบิน ที่ให้ AI ช่วยวิเคราะห์ได้ นอกจากนี้ส่วนซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบิน ในศูนย์ซ่อมขนาดใหญ่เองก็น่าจะมีการนำ AI เข้ามาช่วยดูเรื่องชิ้นส่วน อะไหล่ และการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยเช่นกัน

“การมาของ AI น่าจะช่วยให้ธุรกิจสายการบินสามารถยกระดับการเพิ่มประสิทธิภาพงานได้มากกว่า ใช่ว่าจะมาทดแทนภาคแรงงานแบบ 100% เพราะมองว่างานบางอย่าง AI ก็ทดแทนคนไม่ได้ เช่น ส่วนของบริการเครื่องบิน ทั้งนักบิน ลูกเรือ และช่างซ่อมเครื่องบิน”

จากเทรนด์ปัจจุบันเรื่องตำแหน่งงานที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจาก AI ทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชียต้องพยากรณ์เรื่องเทคโนโลยีที่เข้ามาเพื่อนำมาปรับใช้ รวมถึงการเร่ง Upskill กับ Reskill แก่พนักงานของไทยแอร์เอเชียให้เขาทำงานได้หลายอย่างมากขึ้น โดยปัจจุบันไทยแอร์เอเชียมีพนักงานรวม 5,000 คน ยังน้อยกว่าเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดซึ่งมีเกือบ 6,000 คน แต่ถือว่าเพิ่มขึ้นจากจำนวนปีที่แล้ว ซึ่งแปรผันตามสัดส่วนการรับมอบเครื่องบินเข้ามาเพิ่ม

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต