PTTEP เผยงบไตรมาส 1/67 ทำกำไร 18,600 ล้าน ส่งรายได้เข้ารัฐกว่า 7,000 ล้าน

PTTEP เผยกำไรไตรมาส 1 ปี 67 ที่ 1.86 หมื่นล้าน ลดลง 3.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (หรือลดลง 8% เทียบสกุลดอลลาร์ สรอ.) จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น พร้อมประกาศความสำเร็จการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯ จากโครงการ G1/61 ช่วยลดผลกระทบด้านพลังงานให้กับประชาชน
.
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 ว่า ปตท.สผ. และบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิ 524 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (เทียบเท่า 18,683 ล้านบาท) หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.13 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (เทียบเท่า 4.71 บาท) กำไรสุทธิ ลดลง 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือร้อยละ 8 จากไตรมาส 1/66 ที่มีกำไรสุทธิ 569 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (เทียบเท่า 19,281 ล้านบาท) หรือลดลง 3.1% เมื่อเทียบเป็นเงินบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.14 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (เทียบเท่า 4.86 บาท)
.
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่นๆ ในไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวนกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ ส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ยังเป็นรายได้อีกส่วนหนึ่งที่รัฐได้รับโดยตรงจากการผลิตปิโตรเลียม เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศอีกด้วย
.
โดยมีรายได้รวม 2,209 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (เทียบเท่า 78,812 ล้านบาท) ลดลง 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/66 ที่มีรายได้รวม 2,314 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (เทียบเท่า 78,438 ล้านบาท) และ ลดลงประมาณร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/66 โดยปริมาณการขายเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 473,048 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการขายของโครงการในต่างประเทศลดลง
.
ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 47.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยยังคงรักษาต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ไว้ที่ 28.96 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาที่ร้อยละ 74
.
โดยมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 1,277 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (เทียบเท่า 45,571 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 1,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (เทียบเท่า 41,376 ล้านบาท)
.
ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานปกติปรับตัวลดลงร้อยละ 8 เป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยของบริษัทลดลงร้อยละ 6 มาอยู่ที่ 47.24 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อบาร์เรลเทียบเท่า น้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม ปริมาณขายเฉลี่ยต่อวันปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 มาอยู่ที่ 473,048 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน

.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจWealth #กรุงเทพธุรกิจFinance #กรุงเทพธุรกิจInvestment

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต