ค้าส่ง คาดเงิน 1 หมื่นบาท กระตุ้นค้าปลีกช่วงสั้น-ห่วงซื้อสินค้าไม่จำเป็น

ค้าส่ง-ค้าปลีกทั่วประเทศ คาดการแจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่กลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้จ่ายประมาณ 10-15% ช่วยกระตุ้นค้าปลีกไทยได้ในระยะสั้น – ห่วงนำไปซื้อสินค้าไม่จำเป็น

เม็ดเงินกำลังหมุนไปสู่คนไทยทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ ภายหลังรัฐบาลกดปุ่มจ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้แก่ กลุ่มเปราะบาง ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการรวม 14.55 ล้านคน เป็นทางการวันแรก 25 ก.ย.นี้ และจะทยอยจ่ายเงินให้ครบทุกกลุ่มจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ 

นายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า จากการประเมินบรรยากาศวันแรกของการใช้จ่ายของร้านค้าทั่วประเทศไทยยังเห็นสัญญาณที่คึกคักอย่างชัดเจน ประเมินจากร้านค้าโชห่วยในพื้นที่ ยังไม่ได้เข้ามาซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ประเมินว่า กลุ่มเปราะบาง ในบางพื้นที่อาจมีความจำเป็นในการนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัวที่จำเป็น ทั้งการนำไปแก้ไขปัญหาหนี้ หรือ นำไปใช้เลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นในครัวเรือนเป็นลำดับแรก แต่มีความกังวลว่า บางส่วนอาจจะนำไปใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็นได้ โดยประเมินว่าค้าปลีกในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ อาจจะยังอยู่ในภาวะทรงๆ ตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้

“วันแรกที่เปิดการจ่ายเงินดิจิทัล ยังไม่เห็นบรรยากาศที่คึกคัก เพราะเพิ่งเริ่มต้นในการจ่ายเงินตามกลุ่มที่ภาครัฐกำหนดไว้ จึงต้องติดตามว่า หลังจากนี้ไป บรรยากาศการใช้จ่ายจะเป็นอย่างไร” 

นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ผู้บริหารตั้งงี่สุน จังหวัดอุดรธานี ประเมินถึงการแจกเงินดิจิทัล วงเงิน 1.40 แสนล้านบาท ให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง วงเงิน 1 หมื่นบาท คาดว่าจะมีการนำไปใช้จ่ายในร้านค้าส่ง-ค้าปลีกทั่วประเทศ ในสัดส่วน 10-15% หรือประมาณ 1,000-1,500 บาท ในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น กลุ่มอุปโภคบริโภค 

ทั้งนี้ประเมินว่า กลุ่มเปราะบาง อาจมีความจำเป็นในการนำไปแก้หนี้มากกว่า หรือเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น จึงทำให้ค้าปลีกในต่างจังหวัดกลับมาคึกคักได้ในช่วงสั้นๆ อีกทั้งร้านค้าในพื้นที่ ยังไม่ได้มีการกักตุนสินค้ามากขึ้น เนื่องจากนโยบายนี้เปิดกว้างในการเลือกซื้อสินค้า

“เงินรอบแรก 1 หมื่นบาท อาจจะมีผลกระตุ้นภาคค้าปลีกได้ในระยะสั้น เนื่องจากเป็นการจ่ายเงินที่สามารถนำไปกดเงินสดได้เลย โดยไม่ได้ควบคุมว่านำไปใช้จ่ายสินค้าใดบ้าง ทำให้ประชาชนบางส่วน นำไปเลือกซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น นำไปซื้อเครื่องดื่มแอลกฮออล์ หรือไปซื้อหวยได้”

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมปัญหาใหญ่ของประเทศโดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อย ยังเผชิญปัญหาเรื่องหนี้ที่อยู่ในระดับสูง จึงอยากให้ภาครัฐเร่งเข้าแก้ไขเรื่องโครงสร้าง และในระยะยาวอยากให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ร่วมทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงในระยะยาว ส่วนในอีกด้านนโยบายด้านดอกเบี้ยในประเทศไทย ที่อยากให้ปรับลดลง เพื่อทำให้ประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายหนี้ลดลง

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต