‘เงินบาท’ แข็งค่า ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย?

การแข็งค่าของเงินบาทกำลังสร้างความกังวลให้กับภาคธุรกิจไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 ภาคส่วนนี้ถือเป็น “พระเอก” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย...
.
เมื่อสองเครื่องยนต์นี้กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่จาก “เงินบาท” ที่แข็งค่า จึงน่าเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจไทยที่เติบโตเชื่องช้ากว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันอยู่แล้ว กำลังโดนแรงกดดันซ้ำซ้อนจากการแข็งค่าของค่าเงิน
.
มาดูการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในช่วงนี้กันเล็กน้อย จริงอยู่ถ้านับจากต้นปีถึงปัจจุบันเงินบาทอาจดูแข็งค่าเพียงราวๆ 4% แต่ถ้านับจากจุดที่เงินบาทเคยทำสถิติอ่อนค่าสุดในปีนี้ที่ระดับ 37.25 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันที่เคลื่อนไหวอยู่ราวๆ 32.90 บาทต่อดอลลาร์ นับว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณ 11-12% เป็นระดับการแข็งค่าซึ่งต้องถามผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินว่าทนกันไหวหรือไม่
.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินไว้ว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเฉลี่ยทุกๆ 1% อาจมีผลกระทบต่อรายได้ผู้ส่งออกเกือบ 1 แสนล้านบาท คิดเป็นกว่า 0.5% ของ Nominal GDP แต่ผลกระทบที่ว่านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ย้ำว่า สะท้อนเฉพาะผลในขั้นแรกที่เกิดจากการแปลงรายได้ในรูปเงินตราต่างประเทศของผู้ส่งออกมาเป็นเงินบาทเท่านั้น
.
ขณะที่ “ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในปัจจุบัน ทำให้รายได้ของกลุ่มเกษตรกร เกษตรแปรรูป หายไปแล้วประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และหากเงินบาทยังทำสถิติแข็งค่าต่อเนื่อง อาจทำให้รายได้ของการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้หายไปประมาณ 1.3 แสนล้านบาท
.
ด้านสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อการส่งออก ระบุว่า เงินบาทที่แข็งค่าจากระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้รายได้จากการส่งออกไก่หายไปประมาณ 1 พันล้านบาท ถ้าเป็นเช่นนี้ไปจนถึงสิ้นปี รายได้ก็จะหายไปราวๆ 5-6 พันล้านบาท
.
อีกทั้งยังกระทบไปยังราคาไก่มีชีวิต ที่ร่วงลงเหลือกิโลกรัมละ 40 บาท จากเดิม 44 บาท ในขณะที่ต้นทุนของเกษตรกรอยู่ที่กิโลกรัมละ 41-42 บาท เท่านี้เกษตรก็ขาดทุนแล้ว ที่สำคัญหากเทียบกับประเทศคู่แข่งขันอย่าง บราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่เบอร์หนึ่งของโลก ที่ค่าเงินเขาอ่อนลง 3-4% ทำให้การแข่งขันยิ่งยากลำบากมากขึ้น
.
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้สะท้อนภาพชัดเจนว่า เงินบาทที่แข็งค่ามีความเสี่ยงซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยซึ่งเติบโตช้าอยู่แล้วให้หนักมากขึ้น โดยเรื่องนี้ “หอการค้าไทย” มีแผนที่จะนัดหารือร่วมกับทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พิจารณาช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะปัจจุบันภาคธุรกิจและครัวเรือนไทยเผชิญกับภาวะหนี้สินที่ล้นตัวก็หนักหนาอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอกับความเสี่ยงการค้าขายที่ยากลำบากมากขึ้น ถ้าไม่รีบแก้ไขเศรษฐกิจไทยคงมีแต่จะแย่ลง!
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต