ลี อายุ จือปา : บุคคลต้นแบบธุรกิจเพื่อสังคม…กาแฟดอยสู่สากล

เมื่อ 30 กว่าปีมาแล้ว เด็กชายลี อายุ จือปา อาศัยอยู่ในชุมชนแม่จันใต้ จังหวัดเชียงราย ซึ่งขณะนั้นยังเป็นหมู่บ้านที่ทุรกันดารที่สุดแห่งหนึ่ง ลีพูดภาษาไทยเกือบไม่ได้ ทุกวันลีต้องเดิน 4 กิโลเมตรเพื่อไปโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในอีกหมู่บ้านหนึ่ง แล้วเดินเท้ากลับอีก 4 กิโลเมตรในวันเดียวกัน

ด้วยความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบากในวัยเด็ก ทำให้วันนี้เด็กชายลีได้เติบโตขึ้นและกลายเป็นเจ้าของกิจการร้านกาแฟ อาข่า อ่ามา 3 แห่งกับ 1 โรงคั่วในเชียงใหม่และเริ่มไปวางรากฐานที่ญี่ปุ่น เพื่อขยายฐานกระจายผลผลิตของเกษตรกาแฟไทย 

กาแฟของลีได้ก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลกถึง 3 ปีติดต่อกัน ทั้งที่ลอนดอน มาสตริกท์ และเวียนนา วันนี้ลีได้กลายเป็นตำนานแห่งวงการกาแฟไทยและกาแฟโลกไปแล้ว

การที่ลีเติบโตมาในหมู่บ้านที่ยากจน ครอบครัวขายเมล็ดกาแฟที่คนปลูกไม่เคยได้กิน เพราะเมล็ดที่ขายยังไม่ได้แปรรูป คนขายไม่มีอำนาจต่อรองเพราะไม่มีความรู้ว่าสินค้าของตนเองมีคุณภาพแค่ไหน พ่อของลีเป็นผู้นำและผู้ให้บริการชุมชนในฐานะแพทย์แผนอาข่า และแม่ที่มีวิสัยทัศน์ว่าลูกจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าในโลกกว้าง

ทั้งหมดหล่อหลอมให้ลีเป็นเด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง เด็ดเดี่ยวและมีวินัย ประสบการณ์ในการทำงานกับองค์กรเอกชนอิสระของต่างประเทศเปิดโอกาสให้ลีได้รับรู้ถึงแนวคิดกิจการเพื่อสังคม

ทั้งหมดนี้เป็นแรงจูงใจที่ทำให้ลีพยายามหาวิธีการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของคนรอบข้างและมีจิตใจที่แน่วแน่ว่าสักวันจะกลับมาทำให้ชุมชนของตนมีฐานะทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้

ทุกวันนี้กิจการของลีเป็นกิจการที่เรียกว่า ธุรกิจเพื่อสังคมหรือภาษากฎหมายเรียกว่า “วิสาหกิจเพื่อสังคม” ถึงแม้ว่ากาแฟของลีจะเป็นกาแฟที่มีเรื่องเล่า (story) แต่ลีก็ยังเห็นว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จของธุรกิจของเขานั้นคือสินค้าดี มีคุณภาพ สินค้าต้องตอบโจทย์ของลูกค้า

ลีอธิบายว่า กิจการอาข่าอ่ามาเป็นกิจการเพื่อสังคมใน 3 ลักษณะด้วยกันคือ

1.เกษตรกรในชุมชนของเขาสามารถที่จะขายผลผลิตในราคาที่ดีกว่าตลาดและสามารถเอาเมล็ดกาแฟมาร่วมทุนเพื่อแปรรูป และได้ margin เพิ่มขึ้นจากการแปรรูป

2.กิจการของลีให้ความสำคัญกับการเพิ่มทักษะแก่บุคลากร ซึ่งในปัจจุบันร้อยละ 40 ของแรงงานในกิจการมาจากชุมชนของลี

3.ให้ความรู้แก่เกษตรกร ลีตั้งใจจะผลักดันให้ โรงงานคั่วเมล็ดกาแฟที่แม่ริมกลายเป็นศูนย์เรียนรู้ของคนทั่วไป ให้ความรู้ว่ากาแฟต้องผ่านกระบวนการผลิตอย่างไร

ลีมองว่ากิจการของเขาเป็นกิจการที่หาทางออกให้กับสังคมพร้อม ๆ กันทีเดียว ใน 3 ประเด็นคือ หนึ่ง ยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจ สอง สร้างอาชีพและทักษะแก่ชุมชน และ สาม แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะกาแฟอยู่ร่วมกับป่าได้ ธุรกิจเพื่อสังคมที่สำเร็จอย่างแท้จริงคือธุรกิจที่มีกำไรจากตัวสินค้าเอง และช่วยให้เป้าหมายทางสังคมบรรลุผล

การทำงานกับองค์กรต่างประเทศทำให้เห็นมุมมองที่ต่างออกไป ลีสามารถเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้พบให้เป็นโอกาส ทำให้กระบวนการทางความคิดเป็นระบบ คิดรอบด้าน และสามารถคิดตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ แล้วนำมาออกแบบเป็นโมเดลธุรกิจ

ประเมินความยั่งยืนทางการเงินโดยอาศัยข้อแนะนำจากชาวสวิส ซึ่งเป็นนายธนาคารที่เกษียณอายุแล้ว ซึ่งท่านผู้นี้ก็คือเจ้าของมูลนิธิที่ลีได้มีโอกาสทำงานด้วย ในที่สุดลีก็ได้รับเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากทุนกิจการเพื่อสังคมจากครอบครัวสวิสอีกครอบครัวหนึ่งมาจำนวน 650,000 บาทเป็นทุนประเดิม

แต่ลีก็ไม่ได้คิดพึ่งเงินให้เปล่าอย่างเดียว ถึงแม้ว่าเจ้าของทุนจะเสนอความช่วยเหลือให้อีกก็ตาม เพราะธุรกิจต้องเป็นธุรกิจและจะต้องยืนหยัดด้วยตัวเองให้ได้

ต่อมาเพราะลีจะต้องติดต่อหาเครือข่ายเกษตรกร ซึ่งจะมาเป็นผู้ส่งผลผลิตต้องมีความน่าเชื่อถือในด้านคุณภาพและในการค้าขายกับลูกค้า ซึ่งทั้งซัพพลายเออร์และลูกค้าต่างต้องมีความเชื่อมั่นในตัวผู้ประกอบการ

ลีจะพูดคุยกับลูกค้าที่มาดื่มกาแฟ บอกเล่าความฝันและเรื่องราวของกาแฟ ทำให้ผู้ที่เข้ามาดื่มกาแฟสามารถซึมซับเรื่องราวจนอยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างอนาคตให้กับกาแฟดอย

Andy Ricker หนึ่งในลูกค้าที่มาดื่มกาแฟเป็นเชฟชื่อดังจากสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญคนหนึ่งที่ทำให้ลีมีโอกาสไปฝึกงานที่ร้าน Stumptown ณ เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นร้านของเพื่อนของ Ricker

ความที่ลีเป็นคนที่มุ่งมั่นและเสียสละ ทำให้ลีมีทุนสังคม (social capital) สูง กล่าวคือ มีทุนสังคมประเภททุนภายใน (bonding capital) ได้รับความเชื่อถือจากคนรอบข้าง ได้แก่ เครือญาติ สร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงานคนรุ่นใหม่ในชุมชน และชนเผ่าอื่น ๆ

ลีได้รับความร่วมมือจากเพื่อนฝูง องค์กร เอกชนอิสระ พันธมิตรทางธุรกิจหรือแม้แต่ลูกค้าที่มาดื่มกาแฟ ซึ่งถือว่าเป็นทุนสังคมประเภท bridging capital กลายเป็นหุ้นส่วนหรือผู้สนับสนุนอย่างแข็งขัน หรือแม้แต่ร้านกาแฟชื่อดังในพอร์ตแลนด์ที่ลีไปฝึกงานด้วย

ลีสามารถสร้างทุนทางสังคมประเภท (linking capital) ทำให้ลีได้มีโอกาสไปฝึกงานในร้านอื่น ๆ ที่ซานฟรานซิสโกและลอสแอนเจลิส ลีจึงได้มีโอกาสเรียนรู้การทำร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมสำหรับลูกค้าที่พรีเมี่ยมในเมืองที่พรีเมี่ยม

กรณีศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจเพื่อสังคม สำหรับผู้ประกอบการที่มีโมเดลธุรกิจที่ดี แสวงหาโอกาสอยู่เสมอ และมีความมุ่งมั่นก็จะประสบความสำเร็จได้

ข้อมูลจากโครงการการออกแบบระบบบริหารแผนงานการผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE). 2567. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต