มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ทุ่ม 2,000 ล้าน ขยาย 200 สาขา ชูกลยุทธ์ราคา ดึงลูกค้า

“มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.” มองกำลังซื้อซบเซา เป็นโอกาสดึงลูกค้ารับกลยุทธ์ “โลว์ไพรซ์” วางแผนปี 2568 ลงทุนใหญ่ 2,000 ล้านบาท ขยาย 200 สาขา ปักหมุดขยายครบ 77 จังหวัด
.
ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจนตลอดในปี 2567  จากกำลังซื้อที่อ่อนแรงลง และหนี้ครัวเรือนทะยานสูงขึ้น มีผลกระทบต่อหลายธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้สอดรับตลาด แต่ท่ามกลางวิกฤตของกำลังซื้อในอีกด้านเป็นโอกาสของแบรนด์ที่มุ่งนำเสนอสินค้าที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคา (Money foy value) ไม่ได้วางราคาสูงเกินไป (โอเวอร์ไพร์ส) ที่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สามารถครองใจกลุ่มเป้าหมายได้ในระยะยาว 
“มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.” (MR. D.I.Y.) แบรนด์ตลาดร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตลล์ สัญชาติมาเลเซีย ได้มุ่งกลยุทธ์ ราคาถูกเสมอ (โลว์ไพรซ์) เป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กที่ดึงดูดลูกค้ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา 
.
นายแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ จากข้อมูลบริษัทวิจัย ฟรอส์ท แอนด์ ซัลลิวัน (Frost & Sullivan) มีมูลค่าตลาดประมาณ 3.59 หมื่นล้านบาท มีทิศทางการขยายตัวต่อเนื่องโดยตลาดแข่งขันทั้งด้านราคา สินค้าและบริการ ขณะที่ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. (MR.D.I.Y.) มีส่วนแบ่งการตลาด 35.6% สูงสุดในตลาด
:: ตลาดค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านโตทุกปี ::
นายแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ จากข้อมูลบริษัทวิจัย ฟรอส์ท แอนด์ ซัลลิวัน (Frost & Sullivan) มีมูลค่าตลาดประมาณ 3.59 หมื่นล้านบาท มีทิศทางการขยายตัวต่อเนื่องโดยตลาดแข่งขันทั้งด้านราคา สินค้าและบริการ ขณะที่มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. มีส่วนแบ่งการตลาด 35.6% สูงสุดในตลาด
.
ทั้งนี้ตลาดแข่งขันรุนแรงมากขึ้น แต่บริษัทสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มขึ้นทุกปี โดยช่วง 3 ปีก่อน มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 15-16% การเติบโตของส่วนแบ่งมาจากการรุกขยายธุรกิจ ทั้งการเปิดสาขาใหม่ การนำเสนอสินค้าแบบผสมผสาน และบริการครบวงจร รวมถึงราคาเฉลี่ยที่ต่ำกว่าแบรนด์อื่น 25% ช่วยผลักดันสร้างการเติบโต 32% ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 
ประเมินภาพรวมตลาดร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ ในแต่ละปี ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย Frost & Sullivan 
.
ในปี 2564 มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. มีส่วนแบ่งตลาด 27.5%  จากมูลค่าตลาด 26,000 ล้านบาท
.
ในปี 2565 มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. มีส่วนแบ่งตลาด 32.4% จากมูลค่าตลาด 30,500 ล้านบาท
.
ในปี 2566 มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. มีส่วนแบ่งตลาด 35.6% จากมูลค่าตลาด 35,900 ล้านบาท
.
มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. วางงบ 2,000 ล้านบาท ขยาย 200 สาขาในปี 2568
.
สำหรับการขยายธุรกิจในปี 2568 วางงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท รองรับการเปิดสาขาใหม่ 200 สาขา ใช้งบลงทุนต่อสาขาใกล้เคียงกับปีนี้ โดยมุ่งเน้นเปิดสาขาแบบเดี่ยว (สแตน อะโลน) และเลือกทำเลที่มีฐานประชากรอยู่ในพื้นที่กว่า 7 หมื่นคน
.
รวมถึงขยายไปในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยะลา และพังงา ส่งผลให้ปีหน้ามีสาขาครบ 77 จังหวัด รวม 1,100 สาขา ภายหลังเปิดให้บริการครบ 9 ปีในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ 
.
:: ผุดแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ “ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์” ::
.
ขณะที่การรุกธุรกิจตลอดปี 2567 บริษัทเปิดสาขาใหม่ 190 สาขา และในเดือน ธ.ค.นี้ เปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ “ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์” พื้นที่กว่า 1,280 ตร.ม. ออกแบบพื้นที่ใหม่ การจัดทำระบบเคาน์เตอร์ชำระเงินอัตโนมัติด้วยตัวเอง และโซนกิจกรรมช่วงสุดสัปดาห์มีสินค้าหลากหลายประมาณ 15,000 รายการ รวม 6 หมวดหมู่สินค้าหลัก ทำให้ในสิ้นปี 2567 มีสาขาเปิดให้บริการรวมทั้งหมดกว่า 900 สาขา 
.
ภาพรวมบริษัท มี 3 สาขาที่มีพื้นที่ใหญ่สุด ได้แก่ ห้างโลตัส ชลบุรี มีขนาดพื้นที่ 2,315 ตร.ม. ต่อมา ซีคอนศรีนครินทร์ พื้นที่กว่า 1,280 ตร.ม. และซีคอน บางแค มีพื้นที่ 1,100 ตร.ม.
.
:: ยอดลูกค้าซื้อต่อบิล 160 บาท ดึงฐานลูกค้าหลากกลุ่ม ::
.
ทางด้านผลประกอบการของบริษัทในครึ่งปีแรก 2567 อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท สร้างการเติบโตที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งครอบครัว คนรุ่นใหม่ และกลุ่มคู่รักที่เพิ่งแต่งงาน โดยลูกค้าส่วนใหญ่ใช้จ่ายเฉลี่ย 160 บาท เลือกซื้อสินค้าประมาณ 3.9 ชิ้น/ครั้ง ส่วนผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 อยู่ที่ 12,800 ล้านบาท
.
ขณะที่ การนำเข้าบริษัทเข้าระดมทุน (ไอพีโอ) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ตามขั้นตอน จึงยังไม่สามารถประเมินได้ว่า จะเข้าระดมทุนในช่วงเวลาใด 
.
ทั้งนี้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. มีสาขาทั้งหมด 14 ประเทศ ประเทศที่มีสาขามากสุดคือ มาเลเซีย ที่มีสาขารวม 1,400 สาขาขา โดยนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นของมาเลเซียแล้ว ส่วนอินโดนีเซีย มีกว่า 900 สาขา นำบริษัทเข้าตลาดหุ้นแล้วเช่นกัน ฟิลิปปินส์มีประมาณ 600 สาขา รวมถึงมีสาขาในสเปน อินเดีย ตุรกี และโปแลนด์ โดยประเทศไทย มีสาขาสัดส่วน 20% ของสาขาที่มีอยู่ทั้งหมด จึงถือเป็นประเทศที่สำคัญในภูมิภาคนี้ 

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

สงครามร้านชานมไข่มุกพลิกสู่บลูโอเชี่ยน! ‘แบร์เฮาส์’ ผุด 109 สาขา ปี 71

‘HAAB’ ขายขนมไข่เดือนละ ‘3 ล้านชิ้น’ เปิดร้านมา 1 ปี เตรียมบุก ‘มาเลเซีย’ เป็นประเทศแรก

ลอรีอัล ปารีส พา “ณิชา” บินลัดฟ้าสร้างปรากฎการณ์ Walk Your Worth โชว์บนรันเวย์สุดอลังการ ใจกลางหอไอเฟล ณ กรุงปารีส

เมื่อคนใส่กางเกงยีนส์ กลายเป็นคนมี Creative Looking

มิติใหม่แห่งการเสพสื่อ เรื่องแบบนี้คุณต้องรู้