เจาะแผน ‘โตชิบา’ สู่เป้าบังลังก์เบอร์ 1 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย ภายใน 3 ปี
ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของไทยมูลค่า 8.3 หมื่นล้านบาท เรดโอเชียน ครบทุกแบรนด์เข้ามาปักหลักในไทย “โตชิบา” ไม่กังวลสมรภูมิสุดดุเดือด! เร่งแผนสู่ผู้นำตลาดในไทย ภายใน 3 ปีข้างหน้า
.
ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของประเทศไทย โดยไม่รวมจอโทรทัศน์ มีมูลค่าประมาณ 8.3 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ 2568 สมรภูมิยังแข่งขันดุเดือด คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 5-9% โดยประเทศไทยเป็นตลาดที่มีครบทุกแบรนด์เข้ามารุกช่วงชิงกลุ่มลูกค้า ทั้งประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน รวมถึงแบรนด์จากยุโรปและสหรัฐ ส่วนผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทย จะเป็นแบรนด์จากประเทศเกาหลีใต้
.
โตชิบา (Toshiba) แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น ที่อยู่ในตลาดไทยมากว่า 55 ปีแล้วผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายยุคสมัย ได้ประกาศแผนในปีนี้ พร้อมเร่งขยายแบรนด์ เพื่อวางเกมชิงส่วนแบ่งการตลาดสู่อันดับหนึ่งให้ได้ในเวลา 3 ปีนับจากนี้
.
สำหรับการแถลงข่าวแผนประจำปีของโตชิบา ได้เลือกที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ (Dusit Thani Bangkok) ภายหลังได้ปรับโฉมใหม่และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ โดยเป็นพื้นที่ทำเลเดิมที่แบรนด์โตชิบา จากประเทศญี่ปุ่น ในช่วง 55 ปีก่อนได้เข้ามาจัดตั้งออฟฟิศอยู่ในทำเลแห่งนี้ รวมถึงมีบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากในยุคแรกๆ ที่เข้ามาปักหลักตั้งสำนักงานในพื้นที่แห่งนี้เช่นกัน
“กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2568 บริษัทมีความเชื่อมั่นต่อประเทศและเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีทิศทางขยายตัวที่ดีอยู่ และการได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวมาจากทั้งประเทศจีน อินเดีย และประเทศในอาเซียน รวมถึงในสหรัฐ และในยุโรป
.
“โรงแรมดุสิตธานี เป็นโรงแรมไทยที่มีความเป็น โมเดิร์น ไทยเนส ที่ไม่หยุดการเติบโตและสามารถขยายธุรกิจไปในทั่วโลก เหมือนกับ แบรนด์โตชิบา ที่ไม่หยุดยั้งในการเติบโต และมุ่งเพิ่มนวัตกรรม ผสมผสานกับแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งเป็นฐานราก ร่วมสร้างแบรนด์เติบโตในระยะยาว”
.
หากประเมินตลอด 55 ปีของแบรนด์โตชิบาในประเทศไทย สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ไม่ได้มาจากผลิตภัณฑ์ หรือ แผนการตลาดเพียงอย่างเดียว แต่มาจากทีมงานทุกคนขององค์กร ได้หล่อหลอมสร้างบริษัทให้เติบโต หรือเรียกทีมของโตชิบาว่า ทีมอิฐแดง (ในออฟฟิศของโตชิบา ก่อสร้างด้วยอิฐสีแดง) ร่วมผลักดันบริษัทให้เติบโต พร้อมการเร่งสร้างช่องทางจำหน่ายกับดีลเลอร์ ทั้งช่องทางค้าปลีกแบบดั้งเดิม (เทรดดิชั่นนอลเทรด) และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ขยายตัวให้แข็งแกร่ง รวมถึงการขยายฐานไปยังคนรุ่นใหม่มากขึ้น
.
อีกสิ่งสำคัญคือ การเดินหน้าในเรื่องความเป็นแบรนญี่ปุ่น (Japan origin) ที่มีคุณภาพการผลิตตามมาตรฐานญี่ปุ่น รวมถึงการผสมผสานเรื่องดีไซน์ เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ
.
สำหรับภาพรวมตลาดที่กำลังเติบโต ในเรื่องความกังวลต่อสถานการณ์เรื่องหนี้ครัวเรือนในประเทศไทย ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมาจากการมีทีมดีลเลอร์และช่องทางการขายสินค้า ในการดูแลลูกค้าและระมัดระวังในเรื่องลูกค้าที่ต้องการผ่อนเลือกซื้อสินค้า ทำให้ภาพรวมกลุ่มลูกค้ายังมียอดการผ่อนชำระโดยรวมที่ดีอยู่
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อไปติดตามในตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศมหาอำนาจในโลกและประกาศนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมใหม่นั้น ในมุมมองของแม่ทัพโตชิบากล่าวเสริมว่า “โตชิบา ยังเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนและให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมเช่นเดิม เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง”
.
:: เร่งแผนสู่ผู้นำ จากปัจจุบันครองส่วนแบ่งอันดับสาม ::
ทางด้าน “มร.อเล็กซ์ มา” รองประธานบริษัท บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ให้มุมมองต่อตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยที่แข่งขันอย่างรุนแรง ที่โตชิบาไม่เน้นด้านราคา แต่เน้นการนำเสนอรุ่นใหม่ ผสมผสานด้วยฟังก์ชั่นให้แก่ลูกค้า พร้อมกับการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดไทย จากการมีทีมวิจัยและพัฒนาสินค้า (อาร์แอนด์ดี) ในการมุ่งออกแบบสินค้าให้สอดรับกับตลาดไทย ยกตัวอย่างสินค้าเครื่องซักผ้า ได้มุ่งขยายสินค้าที่มีรุ่นใหญ่มากขึ้น
.
“ท่ามกลางตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยที่แข่งขันราคาสูงมาก หรืออาจมากสุดในภูมิภาคอาเซียน แต่บริษัทมองการขยายกลุ่มสินค้าในตลาด Mid to High Segment มากขึ้น เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยระยะยาว ผสมด้วยการเน้นในด้าน Value for money”
.
ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในปี 2567 ขยายตัว 24% มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ประเมินว่าจะขยายตัว 20% ทั้งนี้ โตชิบามีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 3 ในเกือบทุกกลุ่มสินค้า
• ไมโครเวฟ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 29%
• กลุ่มตู้เย็น อันดับ 2 ครองส่วนแบ่ง 15.9%
• กลุ่มหม้อหุงข้าว อันดับ 2 ด้วยแชร์ 9%
• กลุ่มเครื่องซักผ้า อันดับ 3 ด้วยแชร์ 11.1 %
ภาพรวมกลุ่มที่สร้างรายได้สูงสุดคือ
• ตู้เย็น มีอัตราการเติบโต 20%
• เครื่องซักผ้า เติบโตถึง 39%
• เตาอบไมโครเวฟ เติบโต 21%
• หม้อหุงข้าว และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เติบโต 10%
• กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับน้ำ อาทิ เครื่องทำน้ำอุ่น ทรงตัว
• เครื่องปรับอากาศ เติบโต 82%
สำหรับการรุกตลาดใน 2568 วางแผนขยายสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น แบ่งเป็น
• กลุ่มตู้เย็นจาก 11 รุ่น
• กลุ่มเครื่องซักผ้า 19 รุ่น
• กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องครัว 16 รุ่น
• กลุ่มเครื่องใช้ในบ้านอีก 7 รุ่น
ผสมด้วยซีรีส์ JapanDi ที่ผสมผสานในสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมวางเป้าหมายผลประกอบการปี 2568 จะสร้างการเติบโตในไทย 25% และมุ่งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของไทยภายใน 3 นับจากนี้ไป
.
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งขยายการผลิตในไทย ทำให้สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ อย่าง เครื่องซักผ้า มีการผลิตในไทยสัดส่วนกว่า 50% แล้ว จากที่ผ่านมา มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศจีนเป็นหลัก
ทางด้านกลยุทธ์การตลาดในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและฐานลูกค้าในประเทศ โดย “ธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ให้มุมมองต่อแผนการตลาดในปีนี้ของโตชิบาได้เพิ่มงบการตลาด 14% มุ่งเน้นการทำตลาดออนไลน์ และทำตลาดผ่านสื่อนอกบ้าน (OOH) การทำโปรโมชัน และกิจกรรมการตลาด
.
พร้อมกันนี้ยังมุ่งนำเสนอ แบรนด์ Comfee’ ที่เป็นสินค้าเครื่องปรับอากาศ เข้ามาขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น
.
อีกทั้งได้ปรับโฉมสโตร์ใหม่ๆ และวางแผนขยาย Experience Store เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ท โซลูชัน (Smart Solution) ในการเชื่อมต่อการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน เพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้า โดยภาพรวมบริษัทมีช่องทางจำหน่ายในทั่วประเทศรวม 500 แห่ง
.
นอกจากนี้ได้ยกระดับบริการหลังการขาย ทั้งบริการไปซ่อมแซมให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ (Onsite service) การขยายบริการให้แก่ลูกค้ากลุ่มพรีเมียมที่เน้นความรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งมีบริการส่งสินค้าภายใน 1 วัน เป็นต้น รวมถึงมีแผนขยายศูนย์ให้บริการ Service Center แห่งใหม่ในจังหวัด นครราชสีมา รองรับการให้บริการแก่ลูกค้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและใกล้เคียง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้