AAV กำไรสุทธิปี 67 เฉียด 3.5 พันล้านบาท โกยยอดผู้โดยสาร 20.8 ล้านคน


บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นทั้งหมดใน บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) รายงานผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่งสำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ตอกย้ำการเติบโตและปรับตัวในการดำเนินงาน ขณะที่ความต้องการเดินทางยังคงอยู่ในแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
.
รายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 13,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (“EBITDA”) อยู่ที่ 3,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% กำไรจากการดำเนินงานหลักซึ่งไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% ขนส่งผู้โดยสารรวม 5.5 ล้านคน เติบโต 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีอัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 89%

สำหรับผลประกอบการตลอดปี 2567 AAV มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 49,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับปีก่อน โดยมี EBITDA อยู่ที่ 10,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43%
ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานหลักเป็นบวกครั้งเเรกหลังโควิด-19 อยู่ที่ 3,007 ล้านบาท เป็นสัญญาณว่าผลกระทบจากโควิด-19 ได้สิ้นสุดลงเเล้ว โดยบริษัทกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
.
จำนวนผู้โดยสารทั้งปีอยู่ที่ 20.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่อัตราขนส่งผู้โดยสาร 91% สะท้อนความต้องการเดินทางที่ยังสูง โดยเฉพาะตลาดภายในประเทศ ทำให้สัดส่วนผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศทั้งปีอยู่ที่ 63% ต่อ 37% โดยขยายฝูงบินในปีนี้เพิ่ม 4 ลำ รวมเป็น 60 ลำ ณ สิ้นปี ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
.
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ. ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ปี 2567 เป็นปีที่บริษัทมีผลการดำเนินงานพลิกฟื้นกลับมาใกล้เคียงกับก่อนสถานการณ์โควิดอย่างชัดเจน โดยตลอดปี 2567 ขนส่งผู้โดยสารรวม 20.8 ล้านคน มีฝูงบินแอร์บัส 60 ลำ เทียบกับปี 2562 ที่เคยขนส่งผู้โดยสารสูงสุด 22.1 ล้านคน และฝูงบิน 63 ลำตามลำดับ 
.
“การฟื้นตัวนี้ส่งผลให้ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 49,436 ล้านบาท สูงกว่าปี 2562 ที่มีรายได้ 40,181 ล้านบาท ส่วนสำคัญมาจากราคาตั๋วโดยสารที่เพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากจากการสะดุดของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมการบินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
.
“บริษัทยังคงเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานหลักเป็นบวกเป็นครั้งแรก และเริ่มกลับมามีสุขภาพทางการเงินในการดูแลพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียได้ดีขึ้น”
.
“ปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนเเบ่งการตลาดภายในประเทศ ซึ่งเราทำได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 41% ในเดือนตุลาคม และมีส่วนเเบ่งการตลาดตลอดปีอยู่ที่ 40%”
.
“เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางที่มากขึ้น ไทยแอร์เอเชียได้เพิ่มความถี่บินและเปิดตัวเปิด 2 เส้นทางใหม่ ดอนเมือง-ลำปาง และสุวรรณภูมิ-หาดใหญ่ ในขณะที่ตลาดระหว่างประเทศ เน้นการปรับเเผนให้สอดคล้องกับเเต่ละตลาด โดยตลาดจีนในปีที่ผ่านมาแม้ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นอับดับหนึ่ง แต่อัตราการฟื้นตัวค่อนข้างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ดี การสนับสนุนด้านมาตรการยกเว้นวีซ่าของทั้งรัฐบาลไทยและจีนทำให้เห็นแนวโน้มคนไทยไปเที่ยวประเทศจีนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” 
.
“ส่วนภูมิภาคที่น่าสนใจอีกด้านหนึ่งคือตลาดเอเชียใต้ โดยเฉพาะอินเดีย ที่ขยายตัวได้ดีหลังการปลดล็อกเรื่องโควต้าที่นั่งในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา โดยปัจจุบันเราเป็นสายการบินที่มีเส้นทางบินเชื่อมไทยกับอินเดียมากที่สุด ส่วนตลาดอาเซียนยังคงมีศักยภาพที่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดเวียดนามที่ไทยแอร์เอเชียครองส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในเที่ยวบินระหว่างไทย-เวียดนาม” นายสันติสุขกล่าว
.
ทั้งนี้ ตลอดปีที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างจุดเเข็งที่โดดเด่น ผ่านคุณภาพบริการมาตรฐานระดับโลก โดยนอกจากกลุ่มแอร์เอเชียจะได้รับจัดอันดับให้เป็นสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลกจากสกายเเทรกซ์ 15 สมัยซ้อน ไทยแอร์เอเชียยังเป็นสายการบินที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยติดอันดับโลกด้วยคะเเนน 7 เต็ม 7 จาก AirlineRatings.com และยังสามารถรักษาเเชมป์สถิติความตรงต่อเวลาสูงสุดในไทย และติด 5 อันดับเเรกของสายการบินในเอเชียเเปซิฟิกที่ตรงต่อเวลาที่สุดจากรายงานของ Cirium 
.
ในปี 2567 ด้านการพัฒนาความยั่งยืน AAV ยังประสบความสำเร็จในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) อย่างเห็นได้ชัด โดยในปีที่แล้ว บริษัทได้รับคะแนน 83 คะแนน จาก SET ESG Ratings ซึ่งเทียบเท่ากับบริษัทที่ได้รับการประเมินระดับ AA และเป็นคะแนนที่สูงที่สุดในกลุ่มสายการบินในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม จากการขาดทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้บริษัทยังไม่สามารถกลับเข้าการจัดอันดับเนื่องจากยังไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินด้านความสามารถในการทำกำไร แต่ด้วยผลประกอบการที่ฟื้นตัวต่อเนื่องบริษัทคาดหวังว่าปีหน้าจะสามารถผ่านเกณฑ์และได้รับการจัดอันดับ SET ESG Ratings ได้อีกครั้ง นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนจาก FTSE Russell ESG ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์กับ FTSE Russell เป็นปีแรก โดยได้รับคะแนน 3.7 จากคะแนนเต็ม 5  
.
ทั้งนี้ ในแง่การปฏิบัติงานด้านความยั่งยืน บริษัทได้มุ่งเน้นกระบวนการบินที่ประหยัดน้ำมัน ควบคู่ไปกับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ประโยชน์จากเครื่องบินรุ่นใหม่ แอร์บัส A321neo ให้คุ้มค่าที่สุด ทั้งในด้านการปฏิบัติการบินและด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 
.
AAV ยังคงเดินหน้าพัฒนาความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการบินที่ประหยัดเชื้อเพลิงควบคู่ไปกับการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งรวมถึงการใช้เครื่องบินแอร์บัส A321neo ลำใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ในด้านการสนับสนุน บริษัทฯ ร่วมเป็นผู้นำการจัดงาน “Thai Aviation Sustainability Day 2024” ร่วมกับสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทยและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการหารือและความร่วมมือในกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้บรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในอุตสาหกรรมการบิน
.
ก้าวต่อไปในปี 2568 แม้จะยังคงมีความท้าทาย แต่บริษัทจะมุ่งใช้ความได้เปรียบด้านการให้บริการและจำนวนเครื่องบินที่มากที่สุดในกลุ่มสายการบินราคาประหยัดในประเทศไทยในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเเละรวดเร็วมากขึ้น โดยตั้งเป้าเติบโตรายได้จากการขายและบริการใกล้เคียง 15% จากปีก่อน เพิ่มเครื่องบินแอร์บัส A321neo จำนวน 6 ลำ เป็น 66 ลำในปีนี้
.
ด้วยความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายส่วนแบ่งทางการตลาดภายในประเทศให้มากกว่า 40% อย่างต่อเนื่อง โดยขับเคลื่อนด้วยการขยายเครือข่ายจากฐานที่มั่นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาไทยแอร์เอเชียได้เปิด 2 เส้นทางใหม่ สุวรรณภูมิ-อุดรธานี เเละสุวรรณภูมิ-ขอนเเก่น รวมเป็น 6 เส้นทางในปัจุบัน
.
นอกจากนี้ยังมีแผนขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศเพิ่มเติมตลอดทั้งปีนี้ รวมถึงการใช้กลยุทธ์สิทธิเสรีภาพที่ 5 โดยตั้งเป้าขนส่งผู้โดยสาร 23-24 ล้านคนในปี 2568 ซึ่งจะเป็นสถิติใหม่สูงสุดของบริษัทต่อไป

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นีเวีย เปิดผลวิจัยระดับโลกชี้ ‘ความเหงา’ ภัยเงียบยุคใหม่ ชวนคนไทยช่วยกันดูแลใจ ภายใต้โครงการ NIVEA CONNECT

Reality Show เมืองไทย จะไปไกลทั่วโลก

ทุกความสำเร็จ เริ่มต้นที่..."ลงมือทำ"

SABUY เลิกถือหุ้นไขว้ บ.สบายฟูลฟิลเมนท์ ด้าน SBNEXT พ้นสถานะเป็น บ.ย่อย SABUY

”เอส“ เดินเกมส์ลุยปี 69 ส่งน้ำสีเรืองแสงเอาใจเจนซ่า