‘เต็ดตรา แพ้ค’ ชูไทยตลาดยุทธศาสตร์ ลงทุนศูนย์นวัตกรรม ขับเคลื่อนครัวโลก

ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ส่งผลให้บริษัทระดับโลก ต่างชะลอแผนลงทุนออกไปตามสถานการณ์ รวมถึงภาคเอกชนไทยได้ติดตามปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน จึงลังเลในการขยายลงทุนใหม่เช่นกัน แต่ในอีกด้านมีบริษัทโกลบอล ที่มองยุทธศาสตร์การลงทุนระยะยาว และมีความเชื่อมั่นจากโอกาสของประเทศไทยกับ เต็ดตรา แพ้ค” (Tetra Pak) ประเมินผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงประกาศแผนลงทุนครั้งใหม่ในไทยประจำปี 2568

.

จูเลีย ลัสเชอร์ รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอาหารและเครื่องดื่มในโลกมีแนวโน้มขยายตัว 2% มาจากกลุ่มผู้บริโภคที่มีความระมัดระวังในการใช้จ่าย และมุ่งการใช้จ่ายในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ให้คุณประโยชน์เป็นหลัก ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นดาวรุ่งในตลาดโลก จะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตามดีมานด์ที่สูงขึ้น จากความสนใจในการดูแลสุขภาพ

.

สำหรับภาพรวมตลาดกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย บริษัทประเมินว่ามีศักยภาพที่ดี เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางคมนาคมเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนสูงในทุกปี นับเป็นอีกจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในโลก

.

ขณะเดียวกัน เต็ดตรา แพ้ค ถือเป็นผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ อาหารชั้นนำในระดับโลก ที่มีฐานลูกค้าในประเทศต่างๆ รวม 160 ประเทศทั่วโลก โดยแผนในปี 2568 ได้เข้ามาลงทุนเปิดตัว ศูนย์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้า (Customer Innovation Centre – CIC)” แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ถือเป็นศูนย์ลำดับที่ 6 ของโลก

สำหรับการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแสดงถึงโอกาสของการเป็น ทำเลยุทธศาสตร์ในระดับโลก (Strategic location) และสอดรับกับนโยบายของประเทศไทย ที่ขับเคลื่อนในการเป็นครัวของโลก ทำให้กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มขยายตัวสอดคล้องกัน รวมถึงยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เป็นขุมกำลังในการร่วมขับเคลื่อนองค์กร

.

ทั้งนี้การเปิดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้า (Customer Innovation Centre – CIC) แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ รองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าตั้งแต่สตาร์ทอัพ ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ โดยมีการให้บริการทั้งนำเสนอข้อมูลเชิงลึก ที่มาจากการทำวิจัยและการศึกษาข้อมูลอินไซต์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การมีโปรแกรมเฉพาะเจาะจงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มาแรง เพื่อสะท้อนแนวโน้มและโอกาสในตลาดโลก ห้องแสดงนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ห้องพื้นที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวอย่างและการมีพื้นที่สร้างสรรค์ไอเดีย ทั้งนี้ประเมินว่าจะทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพสามารถยกระดับและพัฒนาธุรกิจให้ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งออกไปสู่ตลาดโลก รวมถึงทำให้โกลบอลแบรนด์สามารถเข้ามาร่วมมือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับตลาดโลคอลได้ดียิ่งขึ้น

.

นอกจากนี้ บริษัทวางแผนลงทุนต่อเนื่องในประเทศไทย ทำให้ในปี 2569 เตรียมเปิดศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development Centre) ในจังหวัดระยอง ในช่วงเดือน มี.ค.ของปีหน้า เพื่อทำให้ผู้ประกอบการสามารถร่วมทดสอบผลิตภัณฑ์ และการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม เปรียบเสมือนการจัดทำกระบวนการผลิตขนาดเล็ก ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ จำนวน 13 แห่งในโลก

ทางด้าน สุทธินันท์ เตชะทยานนท์ ผู้จัดการ ทางด้านการบริหารประสบการณ์ของลูกค้า ที่ดูแลส่วนงานบริการด้านการตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเต็ดตรา แพ้ค เสริมว่า จากการสำรวจเทรนด์ของผู้บริโภคในโลกต่างให้ความสำคัญใน 3 ด้านทั้ง การสนใจอาหารและเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพกายและใจ (Mindfull wellness) ทั้งสองด้านต้องบาลานซ์กัน โดยผู้บริโภคทั่วโลก 76% ต่างให้ความสำคัญกับอาหารและเครื่องดื่มที่ตรงกับความต้องการ พร้อมสรรหาเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์แบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น สอดรับกับผู้บริโภคคนไทยต่างสนใจในเรื่องสุขภาพระดับสูง ส่งผลให้มีการพัฒนาเครื่องดื่มกลุ่มออร์แกนิค และเครื่องดื่มโปรตีนรูปแบบต่างๆ ที่กำลังมาแรง

.

ต่อมาการให้ความสนใจในเรื่องของ ไฮเปอร์คอนวีเนียร์ (Hyper convenience) ที่เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น สอดคล้องกับการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบของคนในเมืองที่มีเวลาน้อย และสนใจในการทำอาหารลดลง จากเวลาจำกัด จึงเปิดให้บริการขนส่งสินค้าแบบรวดเร็วในเวลาไม่กี่ชั่วโมงและส่งในวันเดียวเมื่อสั่งสินค้า ผลักดันให้กลุ่มเรดดี้ทูอีท และเรดดิ้งทูดริ้งค์ มีการขยายตัวดี รวมถึงเป็นเครื่องดื่มแบบออลอินวัน ครบจบทุกด้าน และมีประโยชน์ อีกทั้งแบรนด์ต่างๆ มุ่งเน้นนำเสนอข้อมูลผ่านการจัดทำ คิวอาร์โค้ด และการใช้เทคโนโลยีเอไอมาเสริม

.

3. กลุ่มผู้บริโภคต่างมองหาประสบการณ์รูปแบบใหม่ ที่มีความสนุกสนานและรื่นเริง (Amplified Experiences) ทำให้ได้รับประสบการณ์ทานอาหารและเครื่องดื่มแบบใหม่ๆ ดังนั้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีความสำคัญและต้องมุ่งนำเสนอประสบการณ์ที่สนุกสนานให้แก่ผู้บริโภคสอดคล้องกัน

.

ทางด้านเทรนด์บรรจุภัณฑ์ที่มีการขยายตัวสูงในโลกคือ บรรจุภัณฑ์ที่พัฒนามาจากกระดาษ มีคุณสมบัติในการช่วยในการยืดอายุของอาหารและเครื่องดื่ม ถือเป็นบรรจุภัณฑ์แบบรักษ์โลก และมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค 

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

‘HAAB’ ขายขนมไข่เดือนละ ‘3 ล้านชิ้น’ เปิดร้านมา 1 ปี เตรียมบุก ‘มาเลเซีย’ เป็นประเทศแรก

‘เนื้อแท้’ ยก ‘เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์-เซเว่นอีเลฟเว่น’ ประตูบานใหญ่ เสิร์ฟสินค้าเจาะตลาดแมส

EMILY’S หมี่ไก่ฉีก มีลุ้นแตะ ‘500 ล้าน’ ขายได้เดือนละ 1 ล้านกล่อง เตรียมบุกต่างประเทศด้วย

ไก่ทอดฮ็อทสตาร์ ผนึกเป๊ปซี่ รุก GEN Z

2025 ไทยรัฐกรุ๊ป ยกระดับประสบการณ์ผู้ชมครั้งใหญ่ ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ตอกย้ำเบอร์หนึ่งสื่อไทย