ทำไม “ร้านค้าปลีก” ญี่ปุ่น ไม่ปังในเมืองไทย

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นร้านค้าปลีกญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียม ห้างสรรพสินค้า หลายแบรนด์เริ่มต้นด้วยความคึกคัก ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างล้นหลาม แต่ไม่นานนักหลายแบรนด์ต้องทยอยปิดสาขา หรือถอนตัวออกจากตลาดไทยไปอย่างเงียบๆ
.
ทำไมร้านค้าปลีกญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จในประเทศแม่ หรือแม้แต่ในตลาดต่างประเทศอื่นๆ กลับไปไม่รอดในเมืองไทยปัญหาอยู่ที่ตัวสินค้า การบริหาร หรือพฤติกรรมผู้บริโภคไทยที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ญี่ปุ่นคาดหวัง? 
.
มาดูกันว่า มีแบรนด์ร้านค้าปลีกญี่ปุ่นอะไรบ้าง ที่ไปไม่รอด และค่อยๆ ทอยปิดสาขาในเมืองไทย รวมถึงปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ร้านค้าปลีกญี่ปุ่นไม่ค่อยประสบความสำเร็จในประเทศไทย 
.
1️⃣ Family Mart แฟมิลี่มาร์ท  
.
แฟมิลิมาร์ทร้านสะดวกซื้ออันดับ 2 ของญี่ปุ่นเป็นรองแค่ 7-Eleven เข้ามาเปิดตลาดในไทยเมื่อปี 2535 เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างบริษัทไทยและญี่ปุ่น ชื่อ "สยามแฟมิลี่มาร์ท" เปิดสาขาแรกที่พระโขนงในปี 2536 
.
จนกระทั่งในปี 2555 บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ลงนามสัญญาเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด จำนวน 50.29% ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ทในประเทศไทย มีการจัดวิธีการบริหารใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนชื่อบริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด เป็น บริษัท เซ็นทรัล แฟมิลี่มาร์ท จำกัด 
.
หลังจากนั้น แฟมิลิมาร์ทกลายเป็นร้านสะดวกซื้อที่ได้รับความนิยมอันดับ 2 ในไทย และเปิดขายแฟรนไชส์ให้นักลงทุน ต่อมาเซ็นทรัลรีเทลเปลี่ยนชื่อบริษัท เซ็นทรัล แฟมิลี่มาร์ท เป็นบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด มินิ มาร์เก็ต และช่วงปี 2566 ทยอยปิดสาขาร้านแฟมิลี่มาร์ท เป็น ท็อปส์ เดลี่ เนื่องจากหมดสัญญาแฟรนไชส์ อีกทั้งผลประกอบการขาดทุนสะสม 
.
2️⃣ THAI DAIMARU ไทย ไดมารู
.
ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่สัญชาติญี่ปุ่น เป็นห้างแรกๆ ที่เก่าแก่ของกรุงเทพฯ เปิดบริการครั้งแรกเมื่อ 10 ธ.ค. 2507 ที่ศูนย์การค้าราชประสงค์ บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนจะย้ายมาฝั่งตรงข้ามบริเวณศูนย์การค้าราชดำริ จุดที่เป็น Big C ราชดำริในปัจจุบัน ก่อนจะมาปิดกิจการไปตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2543 จึงกลายเป็นห้างสรรพสินค้าระดับตำนานในประเทศไทย และเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีความทันสมัยมากที่สุดในยุคนั้น เพราะมีบันไดเลื่อนอีกด้วย
.
3️⃣ Sogo โซโก้
.
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในญี่ปุ่น มีสาขาในหลากหลายประเทศ และมีประวัติยาวนานย้อนไปได้ถึงปี 1830 ในโอซากะโดยอิเฮอิ โซโกเป็นที่รู้จักในด้านค้าปลีกผลิตภัณฑ์ เช่น เสื้อผ้า สินค้าในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์อาหาร 
.
โซโก้ เข้ามาเปิดตัวในไทยปี 2524 บริเวณย่านราชประสงค์ หรือศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิด McDonald’s สาขาแรกของไทย ตัวอาคารถูกออกแบบมาในสไตล์นีโอคลาสสิกผสมสถาปัตยกรรมกรีกและโรมัน แต่ก็เติมความโมเดิร์นของอาคารออฟฟิศด้านบนด้วยกระจกล้วน หรูหรา ก่อนจะมาปิดตัวในปี 2546
.
4️⃣Tokyu โตคิว
.
อีกห้างดังของญี่ปุ่นที่เปิดตัวในไทยปี 2528 ที่ห้างมาบุญครอง หรือ MBK ต่อจากห้างสรรพสินค้าไทยไดมารู ห้างสรรพสินค้าโซโก้ และห้างสรรพสินค้าจัสโก้ และในปี 2558 เปิดสาขาพาราไดซ์ พาร์ค จนกระทั่งประกาศปิดสาขามาบุญครอง โดยได้เปิดให้บริการวันสุดท้ายในวันที่ 31 มกราคม 2564  หลังจากขาดทุนสะสมหลายปี 
.
ถือเป็นห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นที่เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของธุรกิจค้าปลีกในไทย ที่ควรถูกบันทึกเรื่องราวการเดินทางที่อยู่คู่กับสังคมและคนไทยมายาวนาน 
.
5️⃣ Yaohan เยาฮัน
.
ห้างเยาฮัน เข้ามาเปิดบริการในไทยปี 2534 ตัวห้างเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟอร์จูนทาวน์หัวมุมแยกพระราม 9 มีพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร ตัวอาคารโดดเด่นลักษณะเป็นตัวตึกที่ยาวมาก ขนาบข้างไปกับถนนรัชดา และมีอุโมงค์บันไดเลื่อนด้านหน้าห้างมีความยาวตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 9 ทำให้ค่อนข้างจะโดดเด่น  พอถึงราวๆ ปี 2541 ต้องปิดตัว เพราะบริษัทแม่ขาดทุนจากวิฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ปัจจุบันกลายเป็นโลตัสไปแล้ว เป็นอีกหนึ่งห้างในตำนานของคนยุค 90 
.
6️⃣Isetan อิเซตัน
.
อิเซตัน ห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันที่ 8 เมษายน 2535 ที่อาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หรือในตอนนั้นคือเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ต่อมาในปี 2563 บริษัทอิเซตัน (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศไว้เมื่อกลางเดือนมีนาคมว่า “บริษัทจะยุติการดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เนื่องจากการสิ้นสุดสัญญาเช่ากับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN” แม้ว่าในช่วงปี 2561 บริษัทมีรายได้ 1,454.395 ล้านบาท กำไร 31.94 ล้านบาท 

7️⃣@cosme store    
   
ร้านขายเครื่องสำอางญี่ปุ่น เข้ามาเปิดตลาดในไทยปี 2561 สาขาแรกที่ไอคอนสยาม ถือเป็นร้าน Cosmetics Specialty Store ภายใต้ธีม Experience, Discover, Your @cosme ภายใต้บริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ก่อนปิดตัวปี 2564 
.
8️⃣Maxvalu แม็กซ์แวลู
.
ร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่น บริหารโดย AEON Group บริษัทให้บริการด้านการเงิน รวมทั้งธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบของซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดบริการในไทยปี 2550 บนถนนนวมินทร์ ชื่อแม็กซ์แวลู สาขานวมินทร์ 
.
ล่าสุด แม็กซ์ แวลู ซุปเปอร์มาเก็ต ประกาศปิดสาขาเกษตร-นวมินทร์ในเดอะวอล์ค สิ้นสุดบริการยาวนาน 12 ปี เปิดวันสุดท้าย 31 พ.ค. 2568 และในช่วงปี 2563  แม็กซ์แวลู ซุปเปอร์มาร์เก็ต ได้ทำการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรกว่า 20 สาขา ทำให้ในปัจจุบันเหลือประมาณ 30 สาขากระจายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 
.
9️⃣DON DON DONKI ดองกิ
.
ร้านค้าปลีกรายใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ภายใต้บริษัท แพน แปซิฟิก รีเทล แมเนจเมนท์ (สิงคโปร์) จำกัด หรือ PPRM บริษัทลูกของแพน แปซิฟิก อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้งคอร์ป (PPIH) ญี่ปุ่น ผู้บริหารเชนร้านค้าปลีก ดองกิโฮเต้ (Don Quijote) ร้านค้ายอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งในญี่ปุ่นมีมากกว่า 600 สาขา
.
ดอง ดอง ดองกิ เข้าเปิดบริการในไทยปี 2562 ในฐานะร้านค้าหลักของศูนย์การค้าดองกิ มอลล์ ทองหล่อ (DONKI Mall Thonglor) บริเวณซอยสุขุมวิท 63 ตัดกับซอยเอกมัย 5  
.
ในปี 2563 จะเปลี่ยนชื่อบริษัทในไทยจาก บริษัท ดองกิ ทองหล่อ จำกัด เป็น บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด เคยวางเป้าหมายภายในปี 2568 ขยาย 20 สาขา
.
ล่าสุด ดอง ดอง ดองกิ ประกาศปิดสาขาเพิ่มอีก 1 สาขา คือ สาขาเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ วันที่ 12 พ.ค. 2568 ทำให้ ดอง ดอง ดองกิ เหลือสาขาในไทย 7 สาขา
.
📍 ปัจจัยทำให้ร้านค้าปลีกญี่ปุ่น ไม่ปังในไทย
.
1️⃣พฤติกรรมผู้บริโภค
.
ผู้บริโภคชาวไทยมองหาความคุ้มค่าและราคาถูก มากกว่าคุณภาพระดับพรีเมียมที่ร้านญี่ปุ่นมักจะนำเสนอ สินค้าญี่ปุ่นอาจดูดีแต่แพง เมื่อเทียบกับสินค้าในร้านไทย หรือสินค้าจากจีน ที่สำคัญก็คือคนไทยชอบโปรโมชั่นแรงๆ ซึ่งร้านญี่ปุ่นมักไม่จัดหนัก
.
2️⃣ต้นทุนดำเนินการสูง
.
ค่าขนส่ง นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นสูง ต้องรักษามาตรฐานแบบญี่ปุ่น ทั้งความสะอาด คุณภาพ การบริการ ทำให้เพิ่มต้นทุน ที่สำคัญร้านค้าปลีกญี่ปุ่นมักเช่าพื้นที่ในห้างหรูใจกลางเมืองซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง  
.
3️⃣การปรับตัวไม่เพียงพอ
.
หลายแบรนด์ญี่ปุ่นพยายามใช้โมเดลแบบญี่ปุ่นมาทั้งดุ้น โดยไม่ปรับให้เข้ากับตลาดไทย อีกทั้งสินค้าไม่ตอบโจทย์รสนิยมไทย เช่น อาหารบางอย่างไม่ถูกปาก ขาดการทำการตลาดเชิงลึกที่เข้าใจ insight คนไทยจริงๆ
.
4️⃣การแข่งขันสูง
.
ตลาดร้านค้าปลีกในไทยมีการแข่งขันกันสูง ถ้าเป็นส่วนร้านสะดวกซื้อถือว่ามีคู่แข่งที่เหนือกว่า เช่น 7-Eleven, Big C, Lotus, แม็คโคร, CJ ซึ่งแบรนด์ค้าปลีกที่มาเปิดสาขาในไทย เพราะกระแสคนไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วชอบไปเดินไปซื้อ แต่พอมาในไทย ช่วงแรกๆ คนก็เห่อ ตามกระแส พอสักพักก็หายไป สินค้าในไทยมีของดีและถูกกว่าเยอะ ไม่จำเป็นต้องกินของนอกตลอด
.
สรุป กรณีร้านค้าปลีกญี่ปุ่นในไทยปิดกิจการและทยอยปิดสาขา สะท้อนให้เห็นว่าความสำเร็จในประเทศต้นกำเนิดไม่ได้รับประกันความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจวัฒนธรรมผู้บริโภค การปรับกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ตั้งราคาขายไม่สูงจนลูกค้าหันไปใช้บริการแบรนด์คู่แข่ง
.
#ร้านค้าปลีก #ร้านค้าปลีกญี่ปุ่นในไทย #ปิดกิจการ #ปิดสาขา #ตลาดร้านค้าปลีกในไทย #ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ #thaifranchisecenter

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

‘HAAB’ ขายขนมไข่เดือนละ ‘3 ล้านชิ้น’ เปิดร้านมา 1 ปี เตรียมบุก ‘มาเลเซีย’ เป็นประเทศแรก

‘เนื้อแท้’ ยก ‘เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์-เซเว่นอีเลฟเว่น’ ประตูบานใหญ่ เสิร์ฟสินค้าเจาะตลาดแมส

สงครามร้านชานมไข่มุกพลิกสู่บลูโอเชี่ยน! ‘แบร์เฮาส์’ ผุด 109 สาขา ปี 71

EMILY’S หมี่ไก่ฉีก มีลุ้นแตะ ‘500 ล้าน’ ขายได้เดือนละ 1 ล้านกล่อง เตรียมบุกต่างประเทศด้วย

Heineken 0.0 เบยร์ไม่มีแอลกอฮอลล์ แกกกฏโฆษณา และฉีกภาพเบียร์ในตำนาน