‘โออิชิ’ จากไทยเบฟ เมินสงครามราคาบุฟเฟต์สุกี้เดือด! ย้ำ ‘ชาบูชิ’ คุ้มค่าคุ้มราคา
สำรวจตลาดบุฟเฟต์หม้อร้อนสุกี้ ไทยแบรนด์ใหญ่แข่งเดือดราคา “โออิชิ” จากกลุ่มไทยเบฟ ไม่สนใจร่วมลงสนามราคา ปรับกลยุทธ์ “ชาบูชิ” (Shabushi) รีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ ขยายกลุ่มยังเจน
.
ไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอาหารบุฟเฟต์ในประเทศไทยที่มีการแข่งขันด้านราคาจากผู้ประกอบการรายใหญ่มากขึ้น แต่กลุ่มของโออิชิ ที่มีแบรนด์หลักอย่าง “ชาบูชิ” (Shabushi) ไม่มีแผนแข่งขันในด้านราคาสินค้า เนื่องจากไม่ได้เป็นโยบายของบริษัท แต่แบรนด์มุ่งเน้นด้านคุณภาพ ความคุ้มค่าคุ้มราคา (Value for money) และการทำตลาดอย่างสร้างสรรค์ หรือการตลาดในรูปแบบ เฮลธ์ตี้ กับผู้บริโภค
.
สำหรับการแข่งขันในด้านราคาบุฟเฟต์ของกลุ่มสุกี้ในตลาดของประเทศไทย โดยเมื่อประเมินสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัทและกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เนื่องแบรนด์ “ชาบูชิ” (Shabushi) มุ่งเน้นสินค้าหลักที่เป็นชาบูและซูชิ ซึ่งมีฐานลูกค้าแตกต่างกัน รวมถึงเป็นเซกเมนต์แบบมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ เรียกว่า Hotpot plus
.
อีกทั้งนโยบายของบริษัทยังเน้นกำหนดราคาสินค้าไว้เท่าเดิม ท่ามกลางต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นของวัตถุดิบหลายรายการ โดยปัจจุบันแบรนด์ในเครือ มีเริ่มต้นที่ 399 บาท 499 บาท และ 599 บาท ซึ่งแบรนด์ ชาชูบิ ครองสัดส่วน 80% ของรายได้ทั้งหมดในกลุ่มอาหาร
ศสัย ตังเดชะหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า แบรนด์ชาบูชิอยู่ในตลาดมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว และมีกลุ่มลูกค้าหลักที่เติบโตมากขึ้นตามอายุของแบรนด์ ซึ่งจากการสำรวจกลุ่มลูกค้าประจำจะมีความถี่ในการเข้ามาใช้บริการประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือน
.
สำหรับการรุกตลาดอาหารในปีนี้ 2568 ได้มุ่งรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ เพื่อมุ่งขยายกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะยังเจนเนอเรชัน และการปรับโฉมสาขาที่มีอยู่ให้มีภาพลักษณ์ใหม่ทั้งเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งประเดิมกับการปรับโฉมสาขาแรกที่ซีคอน ศรีนครินทร์ ส่วนภาพรวมในปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศประมาณ 190 แห่ง
.
อีกทั้งการรีเฟรชแบรนด์ ชาบูชิ ยังได้ดึงคู่นักแสดงยอดนิยมแห่งปีกับ “สกาย” วงศ์รวี นทีธร และ “นานิ” หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่ครั้งแรกของแบรนด์ เพื่อร่วมสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ ที่รวมความแตกต่างของทั้งชาบู และซูชิ พร้อมเข้ามาร่วมยกระดับแบรนด์ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่
.
ขณะเดียวกันจะเน้นกลยุทธ์การตลาดด้วยแนวคิด Emotional Experience ที่ดึงจุดแข็งและแนวคิดของแบรนด์กับ “รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด” มาต่อยอดผ่านสิ่งสำคัญทั้งในด้าน Quality Creativity และ Great Moment ทั้งนี้ประเมินว่า จากการรีเฟรชแบรนด์ และแคมเปญ “ชาบูชิ x สกาย – นานิ: ALL YOU CAN” จะผลักดันให้แบรนด์สร้างการเติบโตในระดับสองหลัก
.
ทั้งนี้มีเป้าหมายขยายสาขาใหม่ในปีนี้ 2568 (รอบปีบัญชี ต.ค.2567- ก.ย.2568) รวมประมาณ 15 สาขา และวางแผนเปิดสาขาใหม่ในปี 2569 รวมประมาณ 10 สาขาอย่างต่อเนื่อง
“ประเมินว่าจากการเร่งการตลาด จะร่วมปลุกกระแสและสร้างสีสันให้ตลาดร้านอาหารกลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมถึงทำให้แบรนด์ก้าวสู่การเป็น ท็อป ออฟ มายด์ อยู่ในใจผู้บริโภค เมื่อนึกถึงชาบู ชาบู และซูชิ ในลำดับต้น”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้