“โอปอล สุชาตา” นางงามช้างเผือกที่คนไทยรอคอย!
เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ว่า “นางงามไทย” ในที่สุดก็สามารถเข้าไปอยู่ในแผนที่โลกของ “ป้าจู” หรือ “จูเลีย มอร์ลีย์” ประธานองค์กรมิสเวิลด์ และคณะกรรมการตัดสินการประกวด Miss World 2025 สร้างประวัติศาสตร์คว้ามงฟ้ามาครอบครองได้เป็นครั้งแรก
.
คนไทยรู้สึกอิ่มเอมใจกับความสำเร็จของ “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” ตัวแทนจากประเทศไทย เพราะมิสเวิลด์ถือว่าเวทีที่แข็งและหินที่สุดในโลก แม้ก่อนเดินทางสายนี้ โอปอลจะต้องวุ่นวายกับดรามาถูกปลดออกจากตำแหน่งรองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ก็ตาม
โอปอลสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ คว้ามงฟ้ามงแรกให้ประเทศไทย พร้อมคะแนนกว่า 200 ล้านโหวตทั่วโลก บนแอปฯ มิสเวิลด์ พร้อมนำโครงการ Opal for Her รณรงค์ สร้างความตระหนักรู้เรื่องโรคมะเร็งเต้านมแก่ผู้หญิงทั้งโลก
.
:: ความฝันอยากเป็นนางงาม เริ่มจาก “อแมนด้า” ::
จุดเริ่มต้นเส้นทางนางงามของโอปอล ไม่ได้มาจากคุณแม่ที่เป็นอดีตนางงามเดินสาย คว้าชัยชนะมาถึง 69 ถ้วยรางวัล แต่มาจากผู้หญิงชื่อ “อแมนด้า ออบดัม” เจ้าตัวคลั่งไคล้การประกวดบนเวทีโลกอย่างมิสยูนิเวิร์ส ชอบนางงามในยุค โดนัลด์ ทรัมป์ ศึกษาการเดิน เสน่ห์นางงาม เพอร์ฟอร์มบนเวที จนวันหนึ่งเมื่อได้ดูการประกวดในชีวิตจริง และได้เจอกับผู้หญิงที่ชื่อ “อแมนด้า” โอปอลรู้สึกถูกชะตากับนางงามคนนี้ และครั้งนี้ได้จุดประกาย “กระหายมงฯ” โอปอลอยากมีโอกาสประกวดแบบอแมนด้า ถึงขั้นบอกแม่ว่าถ้ามีโอกาสจะขอประกวดแบบเธอ
.
โอปอลถูกทาบทามให้ประกวดเวทีเด็ก แต่เจ้าตัวไม่พร้อม และได้เข้ามาประกวดเวที “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์” ในปี 2022 ในตอนอายุ 18 ปี วันที่โอปอลรู้สึกพร้อมลุยแล้ว โอปอลเป็นนางงามไทยแท้ แต่พูดได้ 3 ภาษา ถือว่าแปลกใหม่บนเวทีประกวด แค่อยากมาประกวดทำตามความฝัน ไม่รู้ว่านางงามต้องทำงานกันอย่างไร ด้วยความด้อยประสบการณ์ จึงทำได้เพียงคว้ารองอันดับ 3 และในปี 2024 โอปอลเก็บองค์ความรู้ต่างๆ และศึกษาเพิ่มเติม กลับมาประกวดอีกครั้งบนเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ “หากไม่ทำจะต้องเสียใจ” กลับมาเพื่อทำสิ่งที่เริ่มต้นให้สำเร็จ! และครั้งนี้โอปอลก็สามารถคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มาครองได้สมใจหมาย พร้อมลุยต่อเวทีระดับโลก “มิสยูนิเวิร์ส” ใครจะไปคิด วันหนึ่งทำได้แค่เฝ้าดูและศึกษา แต่ตอนนี้ใกล้ความฝันเข้าไปอีกขั้นนึงแล้ว
:: ไม่มง แต่ทรงพลัง ::
เพราะการแข่งขัน ผู้ชนะมีได้แค่เพียงคนเดียว โอปอล ได้รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เกือบคว้ามงฯ สำเร็จแล้ว แต่ก็ผิดหวัง แต่ถึงแม้โอปอลไปไม่ถึงมงฯ เจ้าตัวก็ทรงพลังอยู่ไม่น้อย โอปอลได้ใจแฟนนางงามทั่วโลกที่มองว่า “เธอถูกปล้นชัยชนะ” ขณะที่โอปอลมองว่าตนเองอาจไม่ได้ตรงบริบทที่องค์กรต้องการ แม้จะทำเต็มที่ในทุกส่วนแล้วก็ตาม แต่ไม่เป็นไร เพราะแฮปปี้ที่สุดแล้ว ทุกสิ่งที่ทำมาจากหัวใจ
.
หลังการประกวดครั้งนี้ โอปอล คิดแขวนส้นสูง เพราะคิดว่าตนเองคงถึงที่สุดแล้ว ไม่สามารถประกวดเวทีไหนได้อีกแล้ว ชีวิตใส่สุดไปหมดแล้วกับการประกวดนางงามจักรวาล กระทั่ง TERO Entertainment นำโดย “มร.ไบรอัน แอล. มาร์การ์” จับมือ “ปุ้ย TPN” ปิยาภรณ์ แสนโกศิก แต่งตั้ง โอปอล สุชาตา เป็นมิสเวิลด์ไทยแลนด์เพื่อเข้าประกวดมิสเวิลด์ 2025 แบบเร่งด่วน ซึ่งทันทีที่จัดงานแถลงข่าว โอปอลถูกปลดจากตำแหน่งรองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์สทันที ช็อกใจแฟนนางงามไปทั่วทั้งโลก
.
แต่หลังจากที่มีเป้าหมายใหม่ โอปอลไม่รอช้า เดินหน้าศึกษาลงลึกเพิ่มเติมในรายละเอียด เวทีนี้ต้องทำอย่างไรบ้าง ประกวดเสร็จต้องทำอย่างไรต่อไป ซึ่งโอปอลมองว่าการได้ทำงานรอบโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวอยากเข้ามาเป็นนางงาม ครั้งนี้โอปอลก็ใส่สุดจัดเต็ม ไหวพริบดี ถามมาตอบได้ทันที เหมือนเตรียมคำตอบมาจากบ้าน ทั้งที่ไม่ได้รู้คำถามมาก่อน จนสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการนางงามเมืองไทย ด้วยการคว้า “มงฟ้า” มาครองได้เป็นคนแรก ขนลุกเกรียวกันทั้งประเทศ ไม่คาดหวัง แต่กลับได้เกินหวัง
:: มายด์เซ็ตที่ดีมาจากครอบครัว ::
ความฉลาดพูด มายด์เซ็ตคมกริบ มีมารยาทแบบคนไทยแท้ ล้วนมาจากการขัดเกลาของครอบครัว แม่ของโอปอลคืออดีตนางงาม ต้นแบบมายด์เซ็ต ปูพื้นฐานชีวิตที่ดีให้กับลูก โอปอลจึงเติบโตมาอย่างคนที่มีคุณภาพ “สวยแพงตั้งแต่โคตรเหง้า”
.
โอปอลมีสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง แม้แม่เกิดภาวะแท้งคุกคาม แต่ลูกสาวคนนี้ก็ยังเกิดมาครบ 32 แม่ไม่เคยคาดหวังอะไรจากลูก ตั้งใจเลี้ยงลูก ขัดเกลาให้อยู่ในวิถีปฏิบัติที่ดีงาม แม่เผยว่า “ลูกปรับปรุงตัวคนเดียวไม่ได้ พ่อแม่ต้องปรับปรุงตัวด้วย” โอปอลเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ นั่นก็เพียงพอแล้ว แม่ยกโอปอลเป็นลูกสาวที่เป็นอภิชาตบุตร ที่สุดแล้ว ไม่เคยฟิกซ์ชีวิตลูก ให้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ มีแม่เมื่อพร้อม สารตั้งต้นที่ดี โอปอลจึงสง่างามอย่างทุกวันนี้
.
:: “ป้าจู” ไม่ใช่ไม่มองไทย แต่เพราะยังไม่เจอคนที่ใช่ ::
The Blue Crown หรือมงฟ้า ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษโดยช่างอัญมณีหลวงในลอนดอน หรือช่างอัญมณีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (Queen’s Jewelers) The Blue Crown เป็นสัญลักษณ์ของการระดมทุน เงินทั้งหมดที่ได้จะมอบให้กับเด็กๆ โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ และผู้ครองตำแหน่ง Miss World จะสวมมงกุฎนี้เป็นเวลาหนึ่งปี และต้องคืนมงกุฎ ไม่มีการมอบให้เป็นการถาวร มงกุฎจะได้รับการเก็บรักษาไว้สำหรับผู้ชนะคนต่อไป
.
การประกวดเวทีนี้ ถือว่าหินที่สุด ไม่เคยมีนางงามคนไหนจับใจป้าจู เป็นเวทีเก่าแก่และเป็นต้นแบบให้หลายๆ เวที เป็นเวทีเพื่อการกุศลอย่างแท้จริง เน้นความสามารถนางงามล้วนๆ ต้องใช้ทั้งความสวยอันเป็นพื้นฐานของการประกวดนางงาม ความรู้ ทักษะในเชิงวิชาการ ยังมีเรื่องโครงการที่ทำเพื่อสังคม เพื่อให้ตอบโจทย์ Beauty with a Purpose งามอย่างมีคุณค่า ตลอดจนความสามารถรอบด้าน ถึงจะจับใจป้าจู ประธานองค์กรมิสเวิลด์ได้สำเร็จ
.
ที่ผ่านมานางงามไทยไม่เคยถึงฝั่งฝัน ถึงขั้นพูดกันว่าแผนที่ประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในสายตาป้าจูเลยด้วยซ้ำ ไทยแลนด์ไม่เคยเป็นลูกรักของป้าจู ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ใช่ป้าจูไม่มองไทย แต่เพราะยังไม่เจอนางงามในแบบที่ใช่ นอกจากปีที่ “นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์” ประกวด และได้รองอันดับ 1 เข้าใกล้มงฟ้าที่สุดแล้ว
.
:: มากกว่าผู้ชนะ!
โอปอล คือนางงามที่ทั่วโลกยอมรับ “จูเลีย มอร์ลีย์” ได้กล่าวถึงโอปอลหลังจากพิธีมอบมงกุฎ ว่า “คืนนี้โลกไม่เพียงได้เห็นความสวยงามเท่านั้น แต่ยังได้เห็นความเฉลียวฉลาด ความกล้าหาญ และการเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โอปอลได้แสดงให้เราเห็นว่าเธอเป็นมากกว่าผู้ชนะ เธอเป็นผู้หญิงที่มีจุดมุ่งหมาย และมีเสียงที่โลกพร้อมที่จะรับฟัง”
เป็นความสำเร็จที่ได้สร้างความสุขและความภาคภูมิใจให้กับแฟนนางงาม เลิกเสพดรามาชั่วคราว ขอเสพความสุข และบรรยากาศที่หายไปนาน นี่คือฟีลนางงามที่คิดถึง นางงามรักเด็ก เพื่อสาธารณะ เจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ เหมือนยุค “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” เห็นแล้วมีความสุข ดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ นางงามในอุดมคติยังไม่หายไป
ตอนนี้ทุกคนเตรียมตัวไปรอแห่รับโปอลกลับประเทศไทยอย่างสมศักดิ์ศรี แฟนนางงามอยากไปดูให้เห็นด้วยตาเนื้อ ว่านี่แหละคือมิสเวิลด์ของคนไทย ถูกที่ ถูกเวลา ถูกจังหวะ ทุกอย่างลงตัว
“ดอกไม้สวยก็ต่อเมื่ออยู่ในมือของผู้ที่เห็นคุณค่า”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้