‘ปลา iberry’ แตกแบรนด์ลำดับที่ 18 ‘Bura Marie’ ขายอาหารไทยจับคู่ชา ประเดิมสยามพารากอนแห่งแรก
ยังไปต่อได้อีก! ปลา-อัจฉรา แห่งอาณาจักร “iberry group” เตรียมเปิดแบรนด์ใหม่ลำดับที่ 18 “Bura Marie” ขายอาหารไทยแพร์ริ่งชาแบบไทยๆ ประเดิม “สยามพารากอน” สาขาแรก เผยปีนี้ยังไม่หมดก๊อก มีอาหารเวียดนามผสานอีสานสตรีทฟู้ดเพิ่มด้วย
.
แม้ว่าพอร์ตโฟลิโอของ “iberry group” จะมีมากถึง 17 แบรนด์ ครอบคลุมอาหารไทยแทบทุกประเภทไปจนถึงเวียดนาม ฝรั่ง ญี่ปุ่น ฯลฯ แต่เจ้าแม่ร้านอาหาร “ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์” ไม่หยุดเพียงเท่านั้น หลังจากแกรนด์โอเพนนิ่ง “Maison RORU” ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา “ปลา” เปิดเผยว่า วันที่ 1 สิงหาคมนี้ เตรียมเปิดร้านอาหารลำดับที่ 18 ภายใต้คอนเซปต์อาหารไทยแพร์ริ่งชารสชาติไทยๆ ในชื่อ “Bura Marie” (บุรามารี)
.
อาหารไทยสไตล์ “Bura Marie” แตกต่างจาก “กับข้าวกับปลา” เน้นเรื่องรสชาติทานคู่กับชาได้ ปลาบอกว่า กับข้าวแต่ละอย่างเป็นเมนูที่บ้าน เลือกมาแล้วว่า อร่อย เป็นกับข้าวที่ตนชอบกิน โดยสาขาแรกจะเปิดทำการบริเวณชั้น G ศูนยการค้าสยามพารากอนซึ่งไม่ได้มีแค่แบรนด์เดียวเท่านั้น เพราะหลังจาก “Bura Marie” จะมีร้านอาหารเวียดนามผสมสตรีทฟู้ดกลิ่นอายอีสานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแบรนด์ด้วย กำหนดการเปิดร้านใหม่ภายในเดือนสิงหาคมเช่นกัน
เท่ากับว่า “iberry group” จะมีแบรนด์ใหม่เพิ่มเข้ามาในพอร์ตอีก 3 แบรนด์ รวมแล้วปีนี้อาณาจักรร้านอาหารแห่งนี้กำลังจะมีมากถึง 20 แบรนด์แล้ว พร้อมกับการขยายสาขาร้านเดิมในเครือ เฉพาะ “ข้าวมันไก่โต๊ะคิม” มีแผนเปิดเพิ่มอีก 7 สาขา เฉพาะในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์มีร้านอาหารในเครือ iberry เกือบครบทุกแบรนด์แล้ว
.
“ปลา” บอกว่า ข้อดีของการแตกแบรนด์เยอะ ทำให้มี “Footprint” ในการขยายมากขึ้น จากเดิมที่หนึ่งห้างมีหนึ่งแบรนด์ ตอนนี้ในหนึ่งห้างก็มีได้หลายร้านเพราะแต่ละร้านในเครือคอนเซปต์ไม่ทับไลน์กัน มี “กับข้าวกับปลา” แล้ว ก็มี “ชิ้นโบแดง” “อันเกิมอันก๋า” หรือ “รสนิยม” ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมและโอกาส ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้แบรนด์ได้มากขึ้น
.
สำหรับสถานการณ์ร้านอาหารที่กำลังเผชิญความท้าทายอย่างหนักในปีนี้ “ปลา” ให้ความเห็นว่า สาขาที่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นหลักอย่างสาขาที่เชียงใหม่ได้รับกระทบจากนักท่องเที่ยวที่หายไปกว่าครึ่งหนึ่ง เห็นนักท่องเที่ยวเบาบางลงชัดเจนในช่วงโลวซีซัน โดยเฉพาะปีนี้ที่ว่ากันว่า เป็นเชียงใหม่ที่โหดหินที่สุดในรอบ 5 ปี ทว่า เมื่อมองภาพใหญ่ทั้งเครือแล้ว “iberry group” ยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
.
ทั้งนี้ “ปลา” บอกว่า รายได้ทั้งเครืออาจจะไม่ได้โตหวือหวามากเท่าปีที่แล้ว เธอนิยามว่า การหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้วเปรียบเสมือน “โบนัส” ที่ช่วยดันรายได้ทั้งเครือเติบโตกว่า “4 พันล้านบาท” เป็นโปรโมชันแต่ไม่ใช่ชีวิตจริง สำหรับเธอแล้วนักท่องเที่ยวไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องกลับมาสแกนตัวเองบ่อยๆ ว่า เป็นเพราะปัจจัยใด แบรนดิ้งยังไม่ชัด ราคาไม่เหมาะสม รสชาติยังไม่ได้ คอนเซปต์ยังไม่โดนรึเปล่า
ด้วยความที่เครือ “iberry group” ตั้งต้นจากการเป็นอาหารคอมฟอร์ทฟู้ด มีคนไทยเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก การได้มาซึ่งนักท่องเที่ยวคือกำไร ต้องอยู่ได้ด้วยลูกค้าคนไทยทำให้ปีนี้ iberry group ยังรอด กำไรอาจจะบางลงแต่ภาพรวมยังไปได้ด้วยดี ประกอบกับแผนเปิดสาขาใหม่ๆ ของแบรนด์เดิม และการเปิดแบรนด์ใหม่อีก 3 แห่งในปีนี้ เชื่อว่า “iberry group” มีสิทธิ์ทะยานสู่ “5 พันล้านบาท” ก็เป็นไปได้
.
“มีแบรนด์เพิ่มขึ้นยังไงก็โตขึ้น แบรนด์เก่ารักษาระดับให้เติบโต แบรนด์ใหม่ก็จะเข้ามาช่วยดันยอด อย่างไรยอดเกินกว่าเดิมแน่นอน ผ่านมาครึ่งปีก็ยังหนืดๆ แต่ไม่ได้ถือว่าแย่ มีสาขาที่ยอดลดลงเยอะ บางแห่งลดลงน้อย บางแห่งก็ไม่ลง บางอันทรงๆ ก็มี สาขาที่ลดลงเยอะ คือสาขาที่อัดแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่สาขาที่มีคนไทยเยอะมากๆ ก็ยังปกติอยู่ ตอนนี้เป็นเรื่อง Sentiment ที่คนไม่กล้าใช้เงิน คนรู้สึกว่า ต้องเก็บเงิน ไม่อยากซื้อแบรนด์เนม ไม่อยากไปกินของแพงๆ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้