‘ยุทธชัย’ บิ๊กอิตัลไทย เปิดสูตรลับปั้น ‘ออนิกซ์’ นิยามธุรกิจ ‘เป็ดใส่แว่น เห็นชัด ทำได้ทุกอย่าง!’
นับตั้งแต่ “ท็อป - ยุทธชัย จรณะจิตต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อิตัลไทย จำกัด ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เข้ามานั่งควบเก้าอี้ซีอีโอดูแล “บริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด” ธุรกิจโรงแรมและฮอสพิทาลิตี้ในเครือเต็มตัวช่วงวิกฤติโควิด-19 เขามักย้ำถึงกลยุทธ์การขยายธุรกิจโรงแรมของออนิกซ์เสมอว่า จะเน้นโฟกัสการเติบโตในพื้นที่ที่ออนิกซ์ถนัดเป็นหลัก!
.
“เราเชื่อว่าออนิกซ์เป็นแมวเก้าชีวิต ผมเข้ามาบริหารที่นี่ในช่วงโควิดระบาด เผลอแป๊บเดียว 5 ปีแล้ว ตอนนี้เรามีไดนามิกพอร์ตโฟลิโอ (Dynamic Portfolio) และมีความเป็นเจ้าของ (Ownership) พอสมควร สามารถทำงานร่วมกับทุกส่วนให้เกิดความเคลื่อนไหวที่เป็นบวกกับธุรกิจได้ โดยโมเดลธุรกิจของออนิกซ์คือจะไม่ขยายเร็วเกินไป เราต้องมีการเติบโตทุกปี แต่จะเลือกโฟกัสในพื้นที่ (Area) ที่เราถนัด ซึ่งก็คือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
และด้วย “ออนิกซ์” เป็นเชนโรงแรมสัญชาติไทย เริ่มมาจากการสร้างโรงแรม รับบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และที่พักอาศัยระดับหรู สั่งสมประสบการณ์มานานกว่า 50 ปี ยุทธชัย ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ของกลุ่มอิตัลไทย เล่าว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเห็นวิวัฒนาการของออนิกซ์เติบโตชัดสุด
.
อย่างไรก็ตาม พอร์ตโฟลิโอของออนิกซ์ ไม่ได้มีแค่โรงแรมอย่างเดียว แต่มีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ด้วย อาทิ อมารี (Amari), โอโซ่ (OZO), ชามา (Shama) และ โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ อย่างแบรนด์สปา เช่น ไหม สปา (maai spa) และ บรีซ สปา (Breeze spa) หรือแบรนด์ร้านอาหารอย่าง เปรโก้ (Prego) ชมสินธุ์ (Chom Sindh) และ นิลา (Nila)
.
อย่าง “ชามา” แบรนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จากฮ่องกงที่ออนิกซ์เข้าซื้อกิจการเมื่อปี 2553 ผ่านมา 15 ปีแล้ว บริษัทสามารถขยายไปยังเดสติเนชันอื่นๆ นอกเหนือจากฮ่องกง เช่น ในไทย และจีน เน้นขายตลาดพำนักระยะยาว (Long Stay) อยู่นานอย่างน้อย 1 เดือน ถือเป็นแบรนด์ที่รักษาระดับการทำกำไรมาร์จิน (High Growth Margin) ที่ 60-70% ไม่มีร้านอาหารและสปาที่ทำให้เกิดต้นทุนเพิ่ม ทั้งยังเป็น “สินทรัพย์เพื่อความยืดหยุ่น” (Resilience Asset) ถูกพิสูจน์มาแล้วในช่วงโควิด ว่าช่วยสร้างรายได้ประจำให้กับเจ้าของสินทรัพย์ได้เป็นอย่างดี
“อย่างโรงแรมอมารี กรุงเทพฯ มีอายุ 30 ปีแล้ว ตั้งอยู่บนที่ดินฟรีโฮลด์ผืนเดียวในย่านประตูน้ำ ที่ดินผืนนี้เดิมเป็นบ้านของคุณแม่ (นิจพร จรณะจิตต์) และได้เปลี่ยนมาทำเป็นโรงแรม เราจึงผูกพันกับที่นี่ บางคนอาจจะคิดว่า อมารี เป็นแบรนด์โรงแรมต่างชาติ มีเจ้าของเป็นแขกบ้าง แต่จริงๆ เป็นของคนไทย นั่นอาจแปลได้ว่าเราทำแบรนด์ได้ดี สามารถแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติได้ โดยเรามีแผนก่อสร้างโรงแรมโอโซ่ กรุงเทพฯ เพิ่มเป็นอาคารใหม่ ขนาด 200-230 ห้องพัก ใช้งบลงทุนราว 700-800 ล้านบาท ให้อยู่คู่กับโรงแรมอมารี กรุงเทพฯ บนที่ดินผืนนี้ด้วยกัน”
.
ทั้งนี้แบรนด์ “โอโซ่” เป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ที่สร้างขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน คาแรกเตอร์ของแบรนด์ขายความสนุกสนาน มีพลังงานเหลือล้น อยู่ในโลเกชันดี ระดับ 4 ดาว ราคาแข่งขันได้ ไม่ใช่ลักชัวรีหรือบัดเจ็ตโฮเทล โรงแรมแบรนด์โอโซ่แห่งแรกอยู่ที่ฮ่องกง ก่อนวกกลับมาเปิดในประเทศบ้านเกิดที่สมุย พัทยา และภูเก็ต
.
หากเปรียบแบรนด์ “ชามา” เสมือน “ทองคำ” ของออนิกซ์ นักลงทุนใช้งบน้อยมากในการเปลี่ยนห้องพักเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ซึ่งสามารถรักษามาร์จินสูงได้ตลอดปี แบรนด์ “อมารี” กับ “โอโซ่” ก็คือ “ยีลด์” (Yield)
.
อย่างแบรนด์อมารี ปัจจุบันมี 14 แห่ง แม้จะเป็นแบรนด์ที่ออนิกซ์อยากขยาย แต่ต้องใช้เงินทุนสูงมาก ต่างจากแบรนด์ โอโซ่ ปัจจุบันมีแค่ 4 แห่ง แต่เมื่อปี 2567 สามารถทำกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานรวม (GOP) กว่า 517 ล้านบาท จากภาพรวม GOP ของออนิกซ์ปีที่แล้วซึ่งปิดที่ตัวเลข 3,474 ล้านบาท มีรายได้ 8,764 ล้านบาท แบรนด์โอโซ่จึงถือเป็นโรงแรมที่ลงทุนต่ำ เล่นกับวอลุ่ม (Volume) สูง ทำราคาเล่นยีลด์ได้ ขึ้นกับซีซั่น ทั้งหมดนี้คือ “Secret Formular” สูตรลับของออนิกซ์!
.
“เรามองว่าตัวเองเป็นเป็ด ทำได้ทุกอย่าง ถ้ารีเลต (Relate) เชื่อมกับธุรกิจฮอสพิทาลิตี้ เป็นเป็ดใส่แว่น เห็นชัดว่าจะไปทางไหน และไปตรงนั้น ไม่แถไปเรื่อย เราจะไม่มีความเบลอในการบริหารมากเกินไป ถ้าเฟล (Fail) หรือไม่สำเร็จ เราต้องฟื้นตัว (Recover) ได้เร็ว”
.
ปัจจุบันออนิกซ์เดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอ ทั้งลงทุนเองและรับบริหารจัดการโรงแรมที่พักมากกว่า 50 แห่งภายในปี 2568 และเพิ่มขึ้นเป็น 70 แห่งภายในปี 2571 จากปัจจุบันมีโครงการที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 42 แห่ง คิดเป็นห้องพักรวมกว่า 7,778 ห้องพัก ในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง บังกลาเทศ ศรีลังกา และ ลาว
.
ยุทธชัย เล่าเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้วโรงแรมก็เหมือนกับ “มนุษย์” เราใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ ต้องมีแทร็กเรกคอร์ด (Track Record) ที่ดีให้คนเห็น
“ผมให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของแบรนด์ เพราะถ้าเรารับบริหารทรัพย์สินให้ใคร ในเมื่อเงินลงทุนนั้นไม่ใช่เงินเรา ต้องเพิ่มดีกรีการบริหารอีกเท่าตัว จะซี้ซั้วไม่ได้”
.
ด้วยการมองให้ลึกถึงเจเนอเรชันของเจ้าของ (Owner) ซึ่งเป็นสิ่งที่ ยุทธชัย เห็นมาตลอด เน้นเทเลอร์เมด (Tailor-made) ให้ตรงความต้องการ เช่น รุ่นพ่อสร้างโรงแรมมา แต่รุ่นลูกไม่อยากบริหารต่อ ทางออนิกซ์จะเข้ามาช่วยบริหารให้รุ่นลูกมั่นใจ สามารถเลือกไปทำอย่างอื่นได้ เพราะโรงแรมเป็น “การลงทุนระยะยาว” เหมือน “การแต่งงาน” ต้องมีการบำรุงรักษา (Maintenance) ตลอด ไม่ได้มีแค่ช่วงฮันนีมูนเท่านั้น ต้องประคับประคองไปด้วยกัน และที่สำคัญ...ถ้ามีปัญหา เราจะไม่ซุกเอาไว้ข้างหลัง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้