“เวียตเจ็ทไทยแลนด์” ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตเชิงรุกในปี 2568-2571

“เวียตเจ็ทไทยแลนด์” พร้อมเดินหน้าวางแผนอนาคต เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางการบินและการท่องเที่ยว” ในภูมิภาคอาเซียน ผ่านการขยายฝูงบิน เพิ่มเครือข่ายเส้นทางบิน และลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ

.

วรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเผยว่า สายการบิน “เวียตเจ็ทไทยแลนด์” เดินหน้าขยายรายได้สู่เป้าหมาย 40,000 ล้านบาทในปี 2571 เพิ่มขึ้นราว 3 เท่าจากปี 2568 ที่คาดว่าจะทำรายได้ 15,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2567 เนื่องจากจำนวน “นักท่องเที่ยวจีน” เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง 30% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เวียตเจ็ทไทยแลนด์ต้องปรับเป้ารายได้ลดลงประมาณ 20% จากเดิมเคยตั้งไว้ว่าปีนี้จะมีรายได้กว่า 18,000 ล้านบาท

.

สำหรับการเติบโตของรายได้ในอนาคตมาจากการเดินหน้ากลยุทธ์ “ขยายฝูงบิน” โดยเวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมรับมอบเครื่องบินใหม่ “โบอิ้ง 737-8” เพิ่ม 50 ลำ เป็นการทยอยเปลี่ยนฝูงบินยกฝูง มาเป็นเครื่องบินค่าย “โบอิ้ง” (Boeing) ในช่วง 4 ปีนับจากนี้ ตั้งแต่ปี 2568-2571

.

เฉพาะในปี 2568 จะมีการคืนเครื่องบินเก่า 4 ลำ และรับเครื่องบินโบอิ้ง 737-8 อีก 9 ลำใหม่ในไตรมาส 4 ทำให้ ณ สิ้นปี 2568 เวียตเจ็ทไทยแลนด์จะมีฝูงบินรวม 23 ลำ เพิ่มจาก 18 ลำเมื่อปีที่แล้ว

.

“เรามุ่งขยายฝูงบินสู่เป้าหมาย 50 ลำในปี 2571 เพื่อรองรับการเปิดเส้นทางบินใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเชื่อมต่อเมืองหลัก–เมืองรองในไทยกับเมืองสำคัญทั่วเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เวียดนาม และออสเตรเลีย”

.

เมื่อโฟกัสหลักของเวียตเจ็ทไทยแลนด์นับจากนี้คือการมุ่งขยายเน็ตเวิร์ก “เส้นทางบินระหว่างประเทศ” ซึ่งมี “มาร์จิน” (Margin) สูงกว่าตลาดเส้นทางบินในประเทศ และจะทำให้เวียตเจ็ทไทยแลนด์สามารถทำกำไรต่อเนื่องจากปี 2567 ที่มีกำไรเป็นปีแรกหลังพ้นยุคการระบาดของโควิด-19

.

ขณะที่ภาพรวม “สัดส่วนรายได้” เองก็จะเปลี่ยนไป จากในปีนี้มีรายได้จากเส้นทางบินในประเทศอยู่ที่ 65% และเส้นทางบินระหว่างประเทศมี 35% พอถึงสิ้นปี 2571 สัดส่วนรายได้จากเส้นทางบินในประเทศจะลดลงเหลือ 20% ขณะที่เส้นทางบินระหว่างประเทศจะเพิ่มเป็น 80%

.

ด้านการเติบโตของ “จำนวนผู้โดยสาร” เวียตเจ็ทไทยแลนด์คาดการณ์ว่าในปี 2571 จะมีจำนวนมากกว่า 9 ล้านคน เพิ่มจากปีนี้ที่คาดมี 6.7 ล้านคน ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ซึ่งแบ่งเป็นผู้โดยสารตลาดในประเทศ 4.2 ล้านคน และตลาดระหว่างประเทศ 2.5 ล้านคน โดยตลอดปีนี้น่าจะมีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยเกิน 80%

.

“จากการขยายฝูงบินของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ให้ครอบคลุมเน็ตเวิร์กทั้งในและต่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของสายการบิน จะช่วยให้เวียตเจ็ทไทยแลนด์เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ที่รุนแรง และสร้างความพร้อมให้ไทยก้าวสู่การเป็นฮับการบินในภูมิภาค นอกจากนี้ยังทำให้มีการจ้างพนักงานคนไทยเพิ่มกว่า 4,000-5,000 ตำแหน่งในอนาคต ครอบคลุมนักบิน พนักงานต้อนรับ พนักงานภาคพื้นดิน และฝ่ายวิศวกรรม จากปัจจุบันเวียตเจ็ทไทยแลนด์มีพนักงานประมาณ 1,300 คน กว่า 98% เป็นคนไทย”

.

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 ปีนับจากนี้หากสถานการณ์ธุรกิจเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ เวียตเจ็ทไทยแลนด์น่าจะขยายบริการเส้นทางบินไปยัง “ตลาดระยะไกล” (Long-haul) ที่สามารถบินยาวได้มากกว่า 7 ชั่วโมงในอนาคต ทั้งนี้มีแผนเปิดเส้นทางบินตรง ภูเก็ต-เพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ในไตรมาส 4 ปี 2569

.

ปิ่นยศ พิบูลสงคราม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ เวียตเจ็ทไทยแลนด์ กล่าวเสริมว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2568 เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ อาทิ เส้นทางกรุงเทพฯ-โซล ในเดือน ต.ค. เส้นทางกรุงเทพฯ-โกลกาตา ในเดือน พ.ย. ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-โตเกียว (นาริตะ) ในเดือน ธ.ค. เส้นทางกรุงเทพฯ-โอซาก้า (คันไซ) ในเดือน ธ.ค. และเส้นทางกรุงเทพฯ-อาห์เมดาบัด ในเดือน ธ.ค. เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของตลาดเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนเส้นทางบินในประเทศเตรียมเปิด กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ในวันที่ 15 ธ.ค. ทั้งนี้อยู่ระหว่างศึกษาการเปิดเส้นทางบินสู่นาโกย่า และฮ่องกงอีกด้วย

.

“เวียตเจ็ทไทยแลนด์มีการเติบโตด้านธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่รายได้ ปริมาณผู้โดยสาร และเครือข่ายเส้นทางบิน สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นจากผู้โดยสารและคู่ค้า”