‘บิ๊กโรงแรม’ จับชีพจรท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง ฝ่าด่านหินยอดต่างชาติ ‘ติดลบ’ ค่าเงินผันผวน
อุตสาหกรรม “ท่องเที่ยวไทย” เผชิญความท้าทายมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จากการชะลอตัวของจำนวน “นักท่องเที่ยวจีน” ที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด และ “การแข่งขัน” จากประเทศคู่แข่งที่สูงขึ้น
.
โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมปรับลดเป้าหมายจำนวน “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าประเทศไทยตลอดปี 2568 ให้เท่ากับปี 2567 ที่จำนวน 35.5 ล้านคน อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยบวกจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศจากโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ในช่วงโลว์ซีซัน
:: “ดิ เอราวัณ กรุ๊ป” ปรับเป้ารายได้ปี 68 โต 3-5% ::
อภิญญา งามอภิชน รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย บริษัทฯปรับประมาณการเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมทั้งปี 2568 เป็น 3-5% จากเป้าหมายล่าสุดที่ 6-8% โดยกลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาวจนถึงระดับประหยัด เติบโตในระดับเดียวกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดจากเป้าหมายล่าสุดที่ 3-5% และกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ทปรับเป้าหมายจาก 23% เป็น 20% เมื่อเทียบกับปี 2567
.
แม้ว่าจะมีความท้าทายดังกล่าว บริษัทฯยังคงดำเนินกลยุทธ์ผ่านการมุ่งเน้นการขยายพอร์ตโฟลิโอที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาว ระดับกลาง ระดับประหยัด และระดับบัดเจ็ท (ฮ็อปอินน์) และการขยายโรงแรมไปยังต่างประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของนักท่องเที่ยวต่างชาติในแต่ละประเทศ รวมถึงกลยุทธ์การปรับราคาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแบบเชิงรุก การขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโต ได้แก่ กลุ่มประเทศยุโรป อินเดียและตะวันออกกลาง เป็นต้น และการควบคุมต้นทุนจากการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด
:: ลุยลงทุนโรงแรมบัดเจ็ท หนุนโตระยะยาว ::
บริษัทฯดำเนินการพัฒนาและขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามแผนระยะยาวที่วางไว้ โดยมุ่งเน้นการลงทุนทั้งในโรงแรมระดับกลาง ผ่านแผนพัฒนาโรงแรมบริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพร้อมพงษ์ที่บริษัทฯได้เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว และการปรับปรุงโรงแรมระดับ 5 ดาวถึงชั้นประหยัดที่มีอยู่ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและตลาดอย่างต่อเนื่อง
“นอกจากนี้ยังลงทุนในโรงแรมระดับบัดเจ็ทเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้และกำไรที่เกิดจากฐานลูกค้าผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตที่มีเสถียรภาพในระยะยาว โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯมีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาในประเทศไทยจำนวน 10 แห่ง”
.
:: ครึ่งปีหลังปัจจัยน่ากังวลอื้อ ::
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ยังคงมีปัจจัยอื่นที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เช่น อัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน ปัญหาพิพาทระหว่างชายแดนไทยและกัมพูชา และปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ จากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ “ความต้องการเดินทาง” ปรับตัวลดลง รวมถึงปัจจัย “ความผันผวนของค่าเงิน” และ “การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ” บริษัทฯได้ติดตามปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยคำนึงสถานะทางการเงินและสภาพคล่องของบริษัทฯเป็นสำคัญ
:: “ไมเนอร์” เตรียมพร้อมโรงแรมในยุโรป-เอเชียรับไฮซีซัน ::
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานต่อ ตลท.ว่า สำหรับแนวโน้มครึ่งหลังปี 2568 ด้วยแผนงานชัดเจนที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ความแข็งแกร่งของงบดุล และความคล่องตัวเชิงกลยุทธ์ บริษัทฯ จึงพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถสร้างคุณค่าได้อย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง
.
เฉพาะ “ไมเนอร์ โฮเทลส์” เมื่อเข้าสู่ช่วง 6 เดือนหลังของปี 2568 กลุ่มโรงแรมของบริษัทในยุโรปและเอเชียอยู่ในสถานะที่พร้อมรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวไตรมาส 3-4 ปี 2568 โดยมียอดการจองห้องพักล่วงหน้าที่แข็งแกร่งรองรับไว้แล้ว
.
ในภูมิภาค “ยุโรป” ความต้องการเดินทางยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง กลุ่มลูกค้าธุรกิจมีอัตราการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน ข้อมูลการจองล่วงหน้าชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของรายได้ในช่วง 6 เดือนหลังปี 2568 เทียบกับปีก่อนหน้าในระดับเลขหลักเดียวช่วงต่ำถึงกลาง โดยประมาณ 3 ใน 4 ของการเติบโตดังกล่าวมาจากอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2568 เทียบกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา สะท้อนฐานที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมและงานอีเวนต์จำนวนมาก ด้านผลการดำเนินงานตามภูมิภาค ทั้งกลุ่มลูกค้าเพื่อการพักผ่อนและกลุ่มลูกค้าธุรกิจต่างมีส่วนช่วยส่งเสริมผลประกอบการที่แข็งแกร่งให้กับโรงแรมในสเปน และกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ ส่วนในอิตาลี ผลประกอบการโรงแรมยังคงพึ่งพาความต้องการจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจเป็นหลัก
.
ส่วนจุดหมายปลายทางอื่นๆ เช่น “มัลดีฟส์” ยังแสดงให้เห็นถึงยอดการจองล่วงหน้าที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ระดับพรีเมียม นอกเหนือจากรายได้จากห้องพักแล้ว รายได้จากอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงรายได้อื่นๆ ของโรงแรมยังมีส่วนช่วยส่งเสริมมุมมองเชิงบวกจากการนำเสนอประสบการณ์พิเศษเฉพาะของไมเนอร์ โฮเทลส์ สำหรับ “ประเทศไทย” การปรับปรุงโรงแรมหลักของบริษัทให้แล้วเสร็จก่อนเข้าสู่ไฮซีซัน คาดว่าจะช่วยสนับสนุนอัตราค่าห้องเฉลี่ยที่สูงขึ้นได้ แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจะชะลอตัวลงก็ตาม
.
:: “แอสเสท เวิรด์” เตรียมเปิด “ลานนาทีค กาแล” ::
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เดินหน้า “ขยายพอร์ตโฟลิโอ” สร้างความโดดเด่นให้การท่องเที่ยวของไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเตรียมเปิดตัวโครงการคุณภาพ ได้แก่ “ลานนาทีค กาแล” (Lannatique Kalare) จุดหมายปลายทางแห่งศิลปวัฒนธรรมล้านนารูปแบบใหม่ใจกลาง “เชียงใหม่” ควบคู่กับการบริหารโครงสร้างทางการเงินอย่างแข็งแกร่ง และการควบคุมต้นทุนทางการเงินอย่างมีวินัย โดยคงความเป็นผู้นำด้านโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมรักษาวินัยทางการเงินในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดความเสี่ยง เสริมความยืดหยุ่นในการลงทุน และรองรับการเติบโตระยะยาวอย่างมั่นคง
.
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังได้รับแรงสนับสนุนเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ “เที่ยวไทย คนละครึ่ง” ซึ่งช่วยกระตุ้นดีมานด์ของนักท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะโรงแรมในหัวหินและพัทยาที่ได้รับความนิยมสูงสุด
.
ขณะเดียวกันความร่วมมือกับ “พันธมิตรระดับโลก” ที่มีเครือข่ายนักท่องเที่ยวคุณภาพกว่า 710 ล้านคนทั่วโลก ยังช่วยเพิ่มสัดส่วนการจองตรง (Direct Booking) สูงถึง 70% ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับยอดจองของโรงแรมในเครือ AWC โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ สมุย กระบี่ และพัทยา ที่มียอดจองล่วงหน้าเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นต่อบทความนี้