กลุ่มทุนแห่ปักหมุดโรงแรม ‘ภูเก็ต’ เร่งซัพพลายใหม่หนุน ‘เชื่อมั่น’ ระยะยาว

จับสัญญาณภาคการท่องเที่ยวของ “ภูเก็ต” เดินหน้าปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยมีจำนวนผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศผ่านท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตเพิ่มขึ้น 5.6% เทียบปีก่อนหน้า เป็นจำนวน 2.77 ล้านคน ขณะที่ผู้โดยสารภายในประเทศเพิ่มขึ้น 1.4% เป็น 1.69 ล้านคน ตามข้อมูลทางการจากสนามบิน รวมมีจำนวนผู้โดยสารทางอากาศทั้งสิ้น 4.46 ล้านคน สะท้อนถึง “ดีมานด์” ที่แข็งแกร่งต่อแหล่งท่องเที่ยวรีสอร์ตบนเกาะ แม้ว่าการเติบโตจะเริ่มชะลอลงจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในปี 2567 ก็ตาม
.
บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์ตเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด รายงานว่า รัสเซีย จีน และอินเดีย ยังคงเป็นตลาดหลักของ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ตามมาด้วยสหราชอาณาจักรและเยอรมนี แม้ว่า “จีน” ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาภูเก็ต แต่ภาพรวมการเดินทางจากจีนมาเยือนไทยยังคงต่ำกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาด ต่างจากแนวโน้มในภูมิภาค เช่น “เวียดนาม” ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกว่า 2.7 ล้านคนในครึ่งแรกของปี 2568 และ “ญี่ปุ่น” มีนักท่องเที่ยวจีนราว 4.7 ล้านคน โดยทั้งสองประเทศมีอัตราการเติบโตสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ชี้ให้เห็นว่าความต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนไม่ได้ลดลง แต่เปลี่ยนแปลงไปสู่จุดหมายปลายทางที่ถูกมองว่ามีความคุ้มค่า ปลอดภัย และมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ได้มากกว่า
.
การแข่งขันจากจุดหมายปลายทางชายหาดในภูมิภาค เช่น ดานังและฟู้โกว๊กในเวียดนาม กำลังรุนแรงขึ้น ยิ่งเมื่อพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลง กลุ่มทัวร์ขนาดใหญ่จากจีนยังไม่กลับมาเต็มรูปแบบ นักท่องเที่ยวจำนวนมากหันมาเลือกการเดินทางแบบอิสระหรือแบบกลุ่มเล็ก ส่งผลกระทบต่อความต้องการโรงแรมระดับกลางและผู้ประกอบการทัวร์กลุ่มใหญ่
.
การท่องเที่ยวภายในประเทศมายังภูเก็ตเติบโตเพียงเล็กน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เนื่องจากต้นทุนการเดินทางที่สูงและการแข่งขันจากจุดหมายปลายทางอื่นในประเทศไทย อย่างไรก็ตามตลาดนักท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงมีความสำคัญในการสนับสนุนอัตราการเข้าพักในช่วงโลว์ซีซัน
.
ด้าน “ดีมานด์” และ “ซัพพลาย” ของตลาดโรงแรมภูเก็ต แสดงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยมี “อัตราการเข้าพัก” เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 79.5% จาก 79.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เดือน ม.ค.-เม.ย. ซึ่งเป็นไฮซีซันที่โดดเด่น พีคสุดในเดือน ม.ค. อยู่ที่ 91.8% และทั้ง 4 เดือนมีอัตราการเข้าพักเกินกว่า 81% ขณะที่ช่วงกลางปีซึ่งเป็นโลว์ซีซัน การดำเนินงานชะลอตัวตามปกติ โดยเดือน มิ.ย. มีอัตราการเข้าพักต่ำสุดที่ 66.9% สอดคล้องกับแนวโน้มในอดีต
ขณะที่ “อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวัน” (ADR) ปรับเพิ่มขึ้น 7.8% เป็น 5,652 บาท ได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของโรงแรมกลุ่มลักชัวรีและอัปเปอร์อัปสเกล โดยเฉพาะโรงแรมริมชายหาดและรีสอร์ตภายใต้แบรนด์ต่างประเทศ อย่างไรก็ตามหลังการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 2 ปีที่ผ่านมา การปรับขึ้นราคามีแนวโน้มเริ่มทรงตัว สะท้อนสภาวะแวดล้อมด้านราคาในตลาดโรงแรมที่มีความสมดุลมากขึ้น
.
“ซัพพลายโรงแรม” เพิ่มขึ้นพอประมาณในครึ่งแรกปี 2568 โดยมีโรงแรมใหม่ 2 แห่งรวม 376 ห้อง ได้แก่ Veranda Resort Phuket (Autograph Collection) และ Radisson Phuket Mai Khao ซึ่งอยู่ในกลุ่มอัปสเกลถึงอัปเปอร์อัปสเกล สำหรับครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีโรงแรมใหม่อีก 9 แห่ง รวม 1,758 ห้องเปิดให้บริการ ทำให้ตลอดปี 2568 จะมีซัพพลายใหม่รวม 2,134 ห้อง ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ 884 ห้องในปี 2567
.
สำหรับแนวโน้มของ “ภูเก็ต” เข้าสู่ครึ่งหลังของปี 2568 ด้วยโมเมนตัมที่มั่นคง โดยได้แรงสนับสนุนจากความต้องการระหว่างประเทศที่ต่อเนื่องและผลการดำเนินงานของโรงแรมที่แข็งแกร่งในครึ่งปีแรก การยกเว้นวีซ่าสำหรับตลาดสำคัญ เช่น รัสเซีย อินเดีย และจีน ยังคงมีผลบังคับใช้ ควบคู่กับการเชื่อมต่อทางอากาศในภูมิภาคที่ดีขึ้น
.
การเดินทางจากจีนยังคงต่ำกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากจุดหมายปลายทางอย่าง “เวียดนาม” ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้มากขึ้น “ภูเก็ต” จำเป็นต้องเสริมความสามารถในการแข่งขันผ่านการทำการตลาดเชิงกลยุทธ์ การยกระดับประสบการณ์นักท่องเที่ยว และการพัฒนาการเชื่อมต่อทางอากาศอย่างเป็นระบบ
.
จำนวนนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย อินเดีย และยุโรปที่ยังคงแข็งแกร่งคาดช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานไฮซีซัน โดยครึ่งปีแรกมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 79.5% คาดทั้งปีทรงตัวอยู่ระหว่าง 78-80% และไตรมาส 4 มีแนวโน้มจะเกิน 85% ในช่วงพีคซีซัน อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยคาดคงตัวเทียบปีก่อน หลังปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปี การเติบโตของ “รายได้ต่อห้องพัก” (RevPAR) มาจากความพยายามผลักดันอัตราการเข้าพักให้สูงขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซันซึ่งความต้องการมักชะลอตัว
.
ครึ่งปีหลังของปี 2568 จะมีโรงแรมใหม่เปิดอีก 9 แห่ง รวม 1,758 ห้อง เร่งการเพิ่มซัพพลายเมื่อเทียบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา โรงแรมใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอัปสเกล อัปเปอร์มิดสเกล และไลฟ์สไตล์ โดยมีแบรนด์ระดับโลกอย่าง Marriott, Wyndham, Radisson และ Accor รวมถึงผู้ประกอบการระดับภูมิภาคและท้องถิ่น สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของภูเก็ตจากตลาดรีสอร์ทที่นำโดยลักชัวรีไปสู่จุดหมายปลายทางที่มีความหลากหลายและเน้นประสบการณ์มากขึ้น
.
แม้ว่า “การเพิ่มซัพพลายใหม่” จะเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นในระยะยาว แต่ก็สร้างแรงกดดันทางการแข่งขันในระยะสั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรักษาวินัยด้านราคา เพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการจัดจำหน่าย และขยายตลาดนักท่องเที่ยวให้หลากหลายขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรในสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่มีการแบ่งส่วนตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ

ความคิดเห็น

บทความที่มีคนอ่านมากที่สุด

นิรมน คนหน้าเย็น โฆษณาใหม่จาก แอร์ เอเชีย ใช้แอร์โฮสเตสจริง มาร้องเพลงโฆษณา

คะแนน ฟีฟ่า แร้งกิ้ง ของ ทีมชาติไทย จะอยู่ที่อันดับ 99 ของโลก

‘ปัญญ์ปุริ’ สานเป้าหมายแบรนด์โลก ลุยต่างประเทศ ทุ่ม 500 ล้าน เปิด 50 สาขา

‘ลุฟท์ฮันซ่า’ นำเครื่องบินใหญ่สุดของโลก แอร์บัส A380 คัมแบ็กให้บริการในไทย

“ศุภาลัย”ชูมิกซ์โปรดักส์ชิงดีมานด์แนวราบปักหมุดใจกลางเมืองภูเก็ต